ทำเนียบ 5 ตค- “สุชาติ” ชี้เป็นเอกสิทธิ์หาก ส.ส.จะย้ายพรรค มั่นใจ พปชร.ไม่ใช่ขาลง ไม่ตอบชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ ขึ้นอยู่กับมติพรรค
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ไปร่วมงานวันเกิดนายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และแกนนำของพรรคภูมิใจไทย ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ว่า การไปร่วมงานวันเกิดเป็นเรื่องปกติธรรมดาทางการเมือง ตนยังไปอวยพรวันเกิดนายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย แต่ความชัดเจน ว่าจะอยู่ตรงไหนจะไปอย่างไรต่อ ก็น่าจะชัดเจนในอนาคต แต่ตอนนี้ยังถือว่าสังกัดพรรคพลังประชารัฐอยู่ เราไม่สามารถบังคับเส้นทางชีวิตของแต่ละคนได้ เพราะส.ส.แต่ละคนก็มีอุดมการณ์ของตัวเอง คงต้องปล่อยให้เป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว การแสดงความยินดีเป็นเรื่องปกติ และหลายคนที่ไปก็ไม่เกี่ยวกับการเมือง
เมื่อถามว่าได้คุยกับนายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ และนายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่จะย้ายไปพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เวลาถามทุกคนก็จะยังอยู่ พรรค แต่ในอนาคตที่จะมีการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม2566 เมื่อครบวาระ ก็จะเห็นว่าใครพร้อมที่จะก้าวไปด้วยกัน ส่วนใครที่คิดอีกแนวทางก็จะได้เห็นกัน ถือเป็นเอกสิทธิ์
ส่วนเมื่อวาน(4 ต.ค.) มีส.ส.พลังประชารัฐไปร่วมงาน ถึง 8 คน เกี่ยวกับเรื่องของกระแสพรรคหรือไม่ ที่ทำให้ส.ส.ย้ายออก นายสุชาติ กล่าวว่า มุมมองของแต่ละคนไม่เหมือนกัน กระแสพรรคที่คิดว่าไม่ดีอาจจะคิดเอง อุปโลกเอง หรือติดตามจากสื่อที่เป็นช่องตรงข้ามกับพรรค แต่หากติดตามการทำงานของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประชาชนจะเห็นภาพสะท้อนกลับมาเยอะว่าพรรคได้ทำอะไรหลายอย่าง
“ตนเป็นรัฐมนตรีแรงงานในโควต้าของพลังประชารัฐ เสนอแต่เรื่องที่สำคัญเข้าสู่ครม.ทั้งนั้น เพื่อคน 30 ล้านคน พ.ร.บ.แรงงานนอกระบบมีใครคิดจะทำบ้าง ไม่ใช่รัฐมนตรีในสังกัดพลังประชารัฐหรือครับที่ทำ ยังไม่นับถึงกองทุนแรงงานนอกระบบ และอื่นๆที่ได้ทำในนามของส.ส.พลังประชารัฐ ดังนั้นจะมาบอกว่าพรรคกระแสไม่ดี หรือไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ใช่ ผมเขียนพูดวันนึงยังไม่หมดว่าทำอะไรไปบ้าง การเมืองเป็นช่วงเวลานับถอยหลังมีออกก็มีเข้า เป็นเรื่องปกติที่หมุนเวียนกันไป แต่ทั้งนี้คนที่เป็นผู้แทนอยู่แล้ว จะออกหรือเข้าก็ไม่ใช่การเลือกตั้งครั้งหน้าจะกลับมา 500 คนเท่าเดิมที่ไหน การเมืองมีคนใหม่ๆ เข้ามา มีคนเก่าสอบไม่ผ่านเป็นเรื่องปกติ อยู่ที่ความนิยม และการปฏิบัติตัวของส.ส.กับประชาชนในพื้นที่”นายสุชาติ กล่าว
ส่วนกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความยินดีที่จะส่งพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในนามของพรรคพลังประชาชนรัฐ ว่า เรื่องนี้ต้องมีการหารือในพรรคที่ออกมาเป็นความเห็นส่วนตัว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรค ความลงตัวในช่วงเวลานั้นๆ
เมื่อถามว่าจะส่ง 3 คนเป็นแคนดิเดตเลยหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ตนไม่มีอำนาจไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ อยู่ที่ที่ประชุมพรรคเป็นผู้พิจารณา ส่วนการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ควรเสนอชื่อในพรรคหรือควรมีชื่อพลเอกประยุทธ์ร่วมด้วย นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการเสนอชื่อคนที่ 1 คนที่ 2 ควรไม่ควรพูดว่าจะเสนอชื่อใครเป็นอันดับ 1 2 3 ควรเป็นมติของพรรคดีกว่า
ส่วนที่มีการเสนอชื่อพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ที่จะเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และปัจจุบันมีบทบาทในพรรคพลังประชารัฐแล้ว นายสุชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์เข้ามาช่วยงานในโซนอีสานซึ่งเป็นพื้นที่ที่พรรคยังอ่อนแอ ผมไม่สามารถพูดก่อนได้ เพราะจะเสียมารยาทและในพรคก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน นายสุชาติยอมรับว่าตนมีความสนิทสนมกับภาคตะวันตกเพระาเป็นเพื่อนที่คบกันมากว่า 4 ปีคุยกันในส่วนที่ยินดีที่นายกรัฐมนตรีกลับมาทำหน้าที่หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ซึ่งเป็นรายชื่อที่พรรคเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เมื่อคำตัดสินออกมาชัดเจน ก็ทำให้พรรคมีพลังเดินต่อได้
เมื่อถามถึงกรณีที่พลเอกประวิตร ลาประชุมครม. เป็นรอยร้าวอะไรหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า คงไม่มีอะไร เป็นเพราะลงพื้นที่เยอะในช่วงระยะเวลา กว่า 30 วัน ออกงานเยอะกว่า พวกผมและส.ส.เขต ต้องให้กำลังใจท่าน เพราะมีความตั้งใจทำงาน.-สำนักข่าวไทย.