จ.ชัยนาท 3 ต.ค.-“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่ชัยนาท-อยุธยา ห่วงพื้นที่ปลายเจ้าพระยา สั่งหน่วงน้ำเหนือเขื่อนลง 10 ทุ่งรับน้ำ เบี่ยงน้ำป่าสักเข้าคลองระพีพัฒน์ลงทะเล
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ลงพื้นที่ภาคกลาง จ.ชัยนาท และ อยุธยา ติดตามสถานการณ์น้ำพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง หลังเพิ่มปริมาณการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา โดยรับฟังสถานการณ์น้ำจากศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ณ สำนักงานชลประทานที่ 12 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ภาพรวมปริมาณน้ำปีนี้มากกว่าปี 64 ในระดับใกล้เคียงกัน เกิดจากมรสุมและพายุที่พาดผ่านไทยหลายลูก ปริมาณน้ำยม น่านและปิงรับน้ำมากขึ้น ส่งผลการบริหารการระบายน้ำเจ้าพระยา โดยศูนย์อำนวยการน้ำส่วนหน้า จ.ชัยนาทให้ความสำคัญควบคุมความสมดุล ไม่ให้กระทบพื้นที่อุทกภัยวงกว้าง
พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่สนับสนุนรับมือสถานการณ์น้ำและช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ พร้อมทั้งสั่งการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) จังหวัด กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกันดำเนินการตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝน โดยขอให้พิจารณาเร่งเบี่ยงน้ำจากแม่น้ำป่าสัก เข้าคลองระพีพัฒน์ออกทะเลโดยตรง ขอให้หน่วงน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ลงทุ่งรับน้ำในพื้นที่จ.นครสวรรค์ และให้ผันน้ำเข้าทุ่งรับน้ำ 10 ทุ่งที่จัดเตรียมไว้ เพื่อลดปริมาณน้ำลงพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง
“ขอให้เร่งระบายน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่ชุมชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยให้ สทนช.เร่งขับเคลื่อนแผนป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งไปในคราวเดียวกัน เพื่อแก้ปัญหาน้ำระดับพื้นที่และกักน้ำไว้เพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง พร้อมทั้ง กำชับให้กรมชลประทานเร่งก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากบางบาล – บางไทร ให้เร็วขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ จ.อยุธยา ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ให้ทุกจังหวัด ที่ประสบอุทกภัย กระทรวงเกษตรฯและ กระทรวงคมนาคม พิจารณามาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้ทั่วถึง ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับการบริหารจัดการสมดุลน้ำไปพร้อมกัน และขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่ร่วมบริหารจัดการน้ำและลงดูแลช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน” พล.อ.ประวิตร กล่าว
สำหรับในช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตรและคณะ เดินทางต่อไปตรวจสถานการณ์น้ำที่วัดโบสถ์ อ.เสนา จ.อยุธยา.-สำนักข่าวไทย