ทำเนียบรัฐบาล 23 ส.ค.-“วิษณุ” เชื่อพรุ่งนี้ศาลรธน.รับคำร้องปมวาระ 8 ปี จะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ยันไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรไม่กระทบการทำงานรัฐบาล แต่งตั้งโยกย้าย เสนองบประมาณได้ปกติ ใครเกียร์ว่างผิดม. 157
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกวันพุธจะมีการประชุมศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องรอติดตามว่าพรุ่งนี้(24 ส.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะสั่งรับหรือไม่รับพิจารณากรณีวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกรัฐมนตรีก็ได้ แต่คิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่รับ ซึ่งเมื่อรับต้องติดตามว่า จะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งอาจจะไม่มีคำสั่งในวันพรุ่งนี้ เพราะต้องมีกระบวนการไต่สวน 2-3 วัน ซึ่งหากศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวก็ต้องหยุดและให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่แทน และทำงานร่วมกับครม.ที่เหลืออยู่
นายวิษณุ กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญประชุมพรุ่งนี้และได้เห็นคำร้อง ก็อาจจะมอบให้องค์คณะย่อยไปดูและทำความเห็นกลับมา 3-5 วัน หากต้องให้รัฐบาลชี้แจง ต้องให้เวลา ซึ่งรัฐบาลอยากให้เร็วและพร้อมที่จะชี้แจง
“พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ในครม.ในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะเป็นตำแหน่งที่แยกจากนายกรัฐมนตรี แต่หากศาลไม่ได้มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ทำงานไปตามปกติจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดขึ้นเร็ว ดังนั้น ขอให้ในเวลานี้ฝ่ายการเมืองและฝ่ายประจำปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติ ไม่มีความเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย ไม่ว่าศาลจะสั่งให้หยุดหรือไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่านายกรัฐมนตรีอยู่ครบ 8 ปี แล้ว ก็จะไม่มีปัญหาอะไร เพราะแม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะพ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีก็ต้องพ้นไปด้วย แต่ครม.ก็ยังต้องทำหน้าที่รักษาการและปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมด” นายวิษณุ กล่าว
ส่วนพล.อ.ประยุทธ์จะรักษาการนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตามกฎหมายสามารถทำได้ แต่แนวปฏิบัติขึ้นอยู่กับเจ้าตัวจะเลือกรักษาการต่อหรือไม่ ซึ่งตามปกติแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่ควร เมื่อถึงเวลานั้นอาจจะให้คนอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ตามบัญชีรายชื่อเดิมที่พรรคการเมืองเสนอไว้ ทุกอย่างจะเดินไปตามขั้นตอนนี้ และการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ การเสนองบประมาณสามารถทำได้ตามปกติ ส่วนใครที่เกียร์ว่างอาจจะผิดกฎหมายมาตรา 157 ด้วย
ส่วนที่ว่าหากศาลมีคำสั่งหลังวันที่ 24 สิงหาคม จะมีผลเสียอะไรหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า จะมีผลกับพล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว ครม.อยู่ครบ แต่เปลี่ยนจากครม.จริงเป็นครม.รักษาการ ซึ่งคำสั่งต่าง ๆ จะไม่เป็นโมฆะ เพราะมาตรา 82 เขียนไว้ ไม่กระทบการใดที่ทำมาแล้วโดยสมบูรณ์ ซึ่งมาตรา 82 เป็นเรื่องของส.ส. แต่นำมาใช้กับนายกรัฐมนตรีโดยอนุโลม หากส.ส.คนไหนสงสัยว่าเพื่อนส.ส.ด้วยกันพ้นหรือยัง ให้เข้าชื่อ 1 ใน 10 และศาลวินิจฉัยให้มีผลย้อนไปถึงวันที่ศาลสั่งและไม่มีผลกระทบ
เมื่อถามว่าหากรองนายกรัฐมนตรีที่เหลือไม่มีความพร้อมทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีรักษาการ นายวิษณุ กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีมีตั้ง 6 คน แต่ก็ยอมรับว่า อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ที่ประชุมครม.จะประชุมเพื่อหาผู้ที่จะมารักษาการ ซึ่งสามารถทำได้ตามกฎหมายเรื่องบริหารราชการแผ่นดิน
เมื่อถามถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้แสดงบัญชีทรัพย์สินในปี 2562 เท่ากับเป็นนายกรัฐมนตรีต่อตั้งแต่ 2557 จะส่งผลต่อคำตัดสินหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เคยให้ความเห็นไว้แล้วว่าเรื่องนี้เป็นคนละประเด็นไม่เกี่ยวกัน การไม่ยื่น ไม่มีโทษและมีความหมายอย่างไร ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้พิจารณา
เมื่อถามว่า สมัยเป็นนายกรัฐมนตรีช่วงคสช.มีการแต่งตั้งโดย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) แต่ปี 2562 แต่งตั้งโดยส.ส. มีนัยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีนัย แต่ไม่ขอพูด ซึ่งแล้วแต่ศาลพิจารณาเป็นทางบวกหรือทางลบ ไม่ขอตอบ บอกแต่เพียงว่ามีนัยสำคัญ ซึ่งหลังจากตนชี้แจงให้ที่ประชุมครม.รับทราบ นายกรัฐมนตรี ได้พูดกับครม.ว่า นายกรัฐมนตรีไม่กังวลอะไร ขอให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติ ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับศาล
“ในที่ประชุมนายกรัฐมนตรีไม่ได้พูดถึงเรื่องม็อบที่มากดดันชุมนุม ส่วนประเด็นเรื่องงบประมาณ นายกรัฐมนตรีกำชับให้ติดตาม เพราะวันนี้สภาฯ จะพิจารณาแล้วเสร็จ ขอให้ทุกคนอยู่ระหว่างการโหวตที่เหลืออีก 10 มาตรา กำชับขออย่าให้การประชุมล่ม ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทินชี้แจงต่อที่ประชุมว่า มีปัญหาว่าบางพรรคไม่ได้เข้าประชุม จึงกำชับให้ทุกพรรคให้ความร่วมมือ” นายวิษณุ กล่าว
เมื่อถามว่า ระหว่างรอคำวินิจฉัยของศาลมีข้อควรระวังอะไรหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี.-สำนักข่าวไทย