ผู้นำเกาหลีใต้เตรียมเยือนญี่ปุ่น

โซล 13 ส.ค. – ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้แถลงวันนี้ว่า ประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ของเกาหลีใต้จะเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 23-24 สิงหาคม เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น โฆษกของประธานาธิบดีอี แถลงกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้นำทั้งสองจะหารือถึงแนวทางในการปรับปรุงสันติภาพในภูมิภาคและส่งเสริมความร่วมมือไตรภาคีกับสหรัฐ อย่างไรก็ตาม โฆษกผู้นำเกาหลีใต้ไม่ได้ระบุวันที่จะจัดการประชุมสุดยอดที่แน่นอนระหว่างการเยือนญี่ปุ่นเป็นเวลา 2 วันของประธานาธิบดีอี ก่อนหน้านี้ นายดีอีเคยวิพากษ์วิจารณ์ความพยายามของรัฐบาลเกาหลีใต้ชุดก่อน ๆ ในการปรับปรุงความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น และเมื่อเขาได้พบกับนายอิชิบะในการประชุมสุดยอดครั้งแรกนอกรอบการประชุมผู้นำประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือ จี7 (G7) ที่แคนาดาเมื่อเดือนมิถุนายน ทั้งคู่ได้ให้คำมั่นว่าจะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ต่างก็เป็นพันธมิตรของสหรัฐ มักจะตึงเครียดเนื่องจากข้อพิพาททางประวัติศาสตร์ที่สืบเนื่องมาจากการที่๊ญี่ปุ่นปกครองคาบสมุทรเกาหลีในฐานะอาณานิคมในช่วงปี 1910-1945 สำหรับการประชุมสุดยอดครั้งที่สองของผู้นำทั้งสองยังมีขึ้นในขณะที่สองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของเอเชียกำลังเผชิญกับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐที่บังคับใช้โดยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การเดินทางเยือนญี่ปุ่นของประธานาธิบดีอีมีขึ้นก่อนหน้าที่เขาจะเดินทางเยือนสหรัฐ ซึ่งเขามีกำหนดประชุมสุดยอดกับนายทรัมป์ในวันที่ 25 สิงหาคม.-813.-สำนักข่าวไทย

ป.ป.ส.จับไอซ์ 294 กก. ซุกสิบล้อ ตรวจยึดอายัดทรัพย์สินรวม 2 ล้าน

ป.ป.ส. 13 ส.ค. – ป.ป.ส.จับไอซ์ 294 กก. ซุกซ่อนในรถยนต์บรรทุกสิบล้อ ที่สงขลา ยึดอายัดทรัพย์สิน รวมมูลค่า 2,000,000 บาท พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. บูรณาการความร่วมมือกับ ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย, ชปส.บก.ตชด.ภาค 4, กองบังคับการตำรวจทางหลวง และ สภ.รัตภูมิ จับกุม นายสถาพร พร้อมไอซ์ 264 กก. ซุกซ่อนในรถยนต์บรรทุกสิบล้อ ในข้อกล่าวหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน หรือเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ” เหตุเกิดที่ สถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน เช่น รถยนต์บรรทุกสิบล้อ ทองรูปพรรณ อายัดเงินในบัญชีธนาคาร รวมมูลค่าประมาณ 2,000,000 บาท […]

ยึดยาบ้า 3 ล้านเม็ด ไอซ์และยาเคกว่า 200 กก.

13 ส.ค. – ฉวยโอกาสช่วงวันหยุดยาวลักลอบขนยาเสพติดลอตใหญ่หลายพื้นที่ภาคเหนือ ตำรวจสกัดจับได้ 5 คดี ยึดยาบ้ารวม 3 ล้านเม็ด ไอซ์-เค กว่า 200 กก. ขบวนการขนยาเสพติดฉวยโอกาสช่วงวันหยุดยาวลักลอบขนยาเสพติดลอตใหญ่ในหลายพื้นที่ภาคเหนือ ถูกตำรวจสกัดจับได้ถึง 5 คดี ยึดยาบ้า 3 ล้านเม็ด ไอซ์ 149 กิโลกรัม และเคตามีอีกกว่า 100 กิโลกรัม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่าทั้ง 5 คดี อยู่ในพื้นที่จังหวัดแพร่ถึง 3 คดี โดยตำรวจด่านตรวจห้วยไร่จับผู้ต้องหา 2 คน ขับรถกระบะติดทะเบียนปลอม ทำช่องลับซุกไอซ์และเคตามีน เตรียมนำไปส่งชลบุรี และยังสกัดรถบรรทุกสิบล้อขนยาบ้ากว่า 1 ล้านเม็ด ซ่อนในที่นั่งโดยสารหลังคนขับ จับผู้ต้องหา 2 คน และอีกคดี สภ.วังชิ้น ยึดยาบ้า 1.8 ล้านเม็ด หลังพบผู้ต้องหาขับรถยนต์ผ่านด่านตรวจแต่แสดงท่าทีมีพิรุธ ด้านตำรวจเชียงราย […]

เกาหลีใต้เตือนฝนตกหนักทั่วภาคกลาง

โซล 13 ส.ค. – สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของเกาหลีใต้ หรือ เคเอ็มเอ (KMA) แจ้งเตือนฝนตกหนักในบางพื้นที่ของประเทศในวันพุธ โดยคาดว่าจะมีฝนตกหนักถึง 150 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงในเขตปริมณฑลของกรุงโซลจนถึงวันพฤหัสบดี สำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่า ปริมาณน้ำฝนกว่า 100 มิลลิเมตรตกในเขตเมืองหลวง โดยเฉพาะที่เขตองจิน (Ongjin) ของนครอินชอน ที่มีฝนตกหนักถึง 149.2 มิลลิเมตรภายในหนึ่งชั่วโมง ซึ่งถือเป็นปริมาณฝนที่หนักที่สุดที่บันทึกสถิติได้ในฤดูร้อนนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 11.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ทางการประกาศเตือนฝนตกหนักในพื้นที่ส่วนใหญ่ของเขตปริมณฑลของกรุงโซล และบางส่วนของนครอินชอนและจังหวัดคย็องกีตอนเหนือ ขณะที่มีคำแนะนำเฝ้าระวังในบางพื้นที่ตอนในของจังหวัดคังวอน รวมถึงบางเมืองในจังหวัดคย็องกีตอนใต้และชายฝั่งตะวันตก จังหวัดคย็องกีได้ยกระดับมาตรการรับมือฉุกเฉินขึ้นหนึ่งระดับ เป็นระดับ 2 ของระบบรับมือภัยพิบัติและมาตรการความปลอดภัยส่วนกลาง ทางการประกาศให้ประชาชนอพยพในพื้นที่ใกล้แม่น้ำที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมในกรุงโซลและบางส่วนของจังหวัดคย็องกี ขณะที่ฝนที่ตกหนักในจังหวัดคย็องกีตอนเหนือทำให้ประชาชนตกค้างและต้องปิดถนนและเส้นทางรถไฟหลายสาย แต่ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ เคเอ็มเอคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนัก 30 ถึง 50 มิลลิเมตรในพื้นที่ภาคกลางต่อเนื่องไปจนถึงเช้าวันพฤหัสบดี และสำหรับเขตเมืองหลวงจะยังมีฝนตกหนัก 50 ถึง 150 มิลลิเมตร และอาจสูงถึง […]

มกอช. ย้ำไทยคุมเข้มสารเร่งเนื้อแดงต่อเนื่อง ปกป้องสุขภาพผู้บริโภค

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – เลขาธิการ มกอช. เรียกร้องทุกภาคส่วนรักษามาตรฐานสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ปลอดสารเร่งเนื้อแดง เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและเพิ่มศักยภาพแข่งขันในตลาดโลก นายสัตวแพทย์ ชัยวัฒน์ โยธคล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ชื่นชมสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่ตรึงมาตรฐานและบังคับใช้กฎหมายห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงอย่างเข้มงวดในอาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ เพื่อปกป้องสุขภาพคนไทยและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภค จนตลอดเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีรายงานการสูญเสียจากการบริโภคสารดังกล่าว ทั้งนี้ ภายหลัง มกอช.ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับ อย. กรมอนามัย และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เพื่อบูรณาการการดำเนินงานด้านความมั่นคงทางอาหารอย่างมีคุณภาพและปลอดภัย เลขาธิการ มกอช.ได้ย้ำว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ สั่งห้ามเกษตรกรใช้สารเร่งเนื้อแดงอย่างเด็ดขาด และ อย.กำหนดให้อาหารทุกชนิดต้องไม่พบการปนเปื้อนของสารกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ พร้อมทั้งมีการตรวจสอบเข้มตั้งแต่ต้นทางการผลิตจนถึงปลายทางจำหน่าย เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค นายสัตวแพทย์ ชัยวัฒน์ เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมรักษามาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารไทยให้มีคุณภาพและปลอดภัยต่อเนื่อง ซึ่งการควบคุมสารเร่งเนื้อแดงเป็นนโยบายสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลก พร้อมย้ำว่า การดำเนินงานของ อย. เป็นการปกป้องสุขภาพประชาชนและสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งผู้บริโภคในประเทศและคู่ค้าต่างชาติอย่างยั่งยืน. -512 – สำนักข่าว​ไทย​

ตร.ประชุม 3 หน่วย ถกคดีวัดพระบาทน้ำพุ จ่อสอบเส้นเงินย้อนหลัง 20-30 ปี

13 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” เตรียมตรวจสอบเส้นเงินรับบริจาคเข้าวัดพระบาทน้ำพุ ย้อนหลัง 20-30 ปี หลังพบเงินบริจาค กระจายไปยังหลายบัญชี ทั้งมูลนิธิฯ และบุคคลหลายกลุ่ม จ่อนิมนต์เจ้าอาวาสเข้าให้ข้อมูล พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียก 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมใหญ่นัดแรกติดตามความคืบหน้าคดี “หมอบี-วัดพระบาทน้ำพุ โดยมีกองบังคับการปราบปราม, กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยสั้นๆ ก่อนการประชุมดังกล่าว ว่า วันนี้จะเป็นการประชุมกำหนดแนวทางในหลายประเด็น ส่วนหลังจากนี้จะถึงขั้นการออกหมายจับหรือดำเนินคดีกับใครหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า ยัง ก่อนที่จะเดินขึ้นลิฟท์ไป ภายหลังการประชุมนานกว่าชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดผยว่า ขณะนี้มีความชัดเจนในหลายเรื่อง แต่มีบางมิติยังไม่ชัดเจนต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมมากขึ้นและสามารถพิสูจน์ได้ ส่วนจะต้องเชิญหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาส มาให้การหรือไม่นั้น จะเชิญทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต้องนิมนต์หลวงพ่อมาเพื่อให้ความชัดเจนด้วย ส่วนจะไปตรวจสอบข้อมูลที่วัดหรือไม่นั้น ขอดูการพูดคุยของคณะกรรมการก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้กระทบใคร ถ้าไม่จำเป็น ส่วนที่หมอบี และเลขา เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนให้การที่เป็นประโยชน์ แต่ขอยังไม่เปิดเผยสำนวนคดี ส่วนกรณีคำให้การของหมอบีจะถูกหยิบยกมาพิจารณาในเรื่องการทุจริตหรือผิดปกติของวัดหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า […]

กมธ.ศึกษา สว.เรียกร้อง “รัฐบาล” ตัดงบช่วยเหลือด้านการศึกษา “เขมร”

รัฐสภา 13 ส.ค.-กมธ.ศึกษา สว.เรียกร้อง “รัฐบาล” ตัดงบช่วยเหลือด้านการศึกษา “เขมร” มั่นใจไม่ขัดสิทธิเด็ก-มนุษยธรรม ยกตัวอย่าง “ยุโรป-อเมริกา” ก็ดูแลเฉพาะที่เข้าเมืองถูกกฎหมาย เปรียบ “เด็กกัมพูชา” ลาครูกลับบ้านเสียใจร้องไห้ แต่ “เด็กไทย” ที่ตายไม่มีโอกาสแม้กระทั่งเจอพ่อแม่ ถามตอนกดปุ่มระเบิดคิดอย่างไร นายกมล รอดคล้าย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา นำคณะ สว.แถลงข่าวเสนอแนะรัฐบาล เรื่องขอให้พิจารณาปรับลดโครงการความช่วยเหลือด้านการศึกษาที่ประเทศไทยมีต่อประเทศกัมพูชา โดยนายกมล กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดน ซึ่งไทยมีพื้นที่ติดกับกัมพูชาเป็นเส้นทางที่ยาวไกล เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นผลกระทบทั้งต่อพี่น้องประชาชนและเด็กที่อยู่ในโรงเรียน ประเด็นที่อยากจะนำเสนอในวันนี้มี 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นส่วนที่เราช่วยเหลือ ดูแลกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศที่พ่อแม่ ผู้ปกครองมาทำงานในประเทศไทย และลูกหลานจะต้องมาอยู่ในประเทศไทยด้วย ซึ่งเราจะต้องดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชนและตามข้อตกลงระหว่างประเทศ ประเทศไทยจะต้องทบทวน ในฐานะที่เราเคยเป็นประเทศที่ดีต่อกัน ประเทศไทยเราได้ดูแลเด็ก ซึ่งนอกจากจะเป็นเด็กไทยแล้ว เรายังต้องดูแลเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ ไม่มีสัญชาติไทย กลุ่มชาติพันธุ์ เด็กด้อยโอกาส ผู้โยกย้ายถิ่นฐาน […]

New China's Ambassador to Thailand

เอกอัครราชทูตจีนคนใหม่จะผลักดันความสัมพันธ์ความสัมพันธ์จีน-ไทย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค.- เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยคนใหม่เปิดเผยว่า จะพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทยให้เป็นรูปธรรมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น และสร้างอนาคตใหม่แห่งการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย นายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทยคนที่ 14 ที่เดินทางมารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เขียนบทความชื่อ “ร่วมมือกันสร้างอนาคตใหม่แห่งการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย” ว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้ดำรงตำแหน่งนี้ เป็นภารกิจทรงเกียรติและความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่มาก โดยสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและเป็นมิตรของไทยทันทีที่เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ นายจางกล่าวถึงคำกล่าว “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ว่า มีรากฐานมาจากมิตรภาพอันลึกซึ้งที่สืบทอดกันมายาวนานนับพันปี ตำราโบราณของจีนได้ระบุว่า ชาวจีนได้มาเยือนประเทศไทยเมื่อประมาณสองพันปีก่อน ประชาชนทั้งสองประเทศได้ไปหามาสู่กัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันท่ามกลางความยากลำบากและความท้าทายต่าง ๆ ทำให้สัมพันธไมตรีแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันการพัฒนาความสัมพันธ์ได้รับความเอาใจใส่และชี้นำจากผู้นำสูงสุดของทั้งสองประเทศที่มีการแลกเปลี่ยนการเยือนกันอย่างใกล้ชิด ขณะที่ความร่วมมือระหว่างกันสอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของแต่ละฝ่ายในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศ เช่นเดียวกับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับการแสวงหาแนวทางร่วมกันในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความร่งเรืองของภูมิภาค เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยคนใหม่ระบุด้วยว่า ตลอด 50 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ความสัมพันธ์จีน-ไทยได้พัฒนาก้าวหน้าในระดับสูง เขาจะพบปะหารือกับทุกภาคส่วนในไทยเพื่อเสริมสร้างมิตรภาพ จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน จะขยายขอบเขตและความลึกซึ้งของความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันก้าวไปอีก 50 ปีข้างหน้า จะพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทยให้เป็นรูปธรรมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น และจะสร้างอนาคตใหม่แห่งการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย.-814.-สำนักข่าวไทย

ทหารเหยียบทุ่นระเบิดขาซ้ายขาด อาการดีขึ้น

สุรินทร์ 13 ส.ค. – “สิบเอกธีรพล” ทหารเหยียบทุ่นระเบิดขาขาด อาการดีขึ้น คลังเลือด รพ.สุรินทร์ เผยมีเลือดเพียงพอแล้ว ขณะที่กองทัพภาค 2 ปิดรับลวดหนามหีบเพลง ได้เพียงพอแล้ว ขอบคุณทุกความร่วมมือ ความคืบหน้าอาการ สิบเอกธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 ที่เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ จนได้รับบาดเจ็บขาขาด ล่าสุดอาการดีขึ้นแล้วตามลำดับ และที่โรงพยาบาลสุรินทร์ มีประชาชน นักศึกษา และเจ้าหน้าที่ จำนวนมาก มาบริจาคเลือดกรุ๊ป AB ให้กับ สิบเอกธีรพล ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยขณะนี้เพียงพอแล้ว และคลังเลือด รพ.สุรินทร์ ยืนยันว่ามีเลือดเพียงพอสำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บ และล่าสุดกองทัพภาคที่ 2 แจ้งกรณีขอสนับสนุนลวดหนามหีบเพลง เสริมสร้างความพร้อมการป้องกันพื้นที่และรักษาความมั่นคงของประเทศว่า ได้รับลวดหนามหีบเพลงเพียงพอต่อความต้องการใช้งานแล้ว จึงขอปิดการรับ ลวดหนามหีบเพลงไว้แต่เพียงเท่านี้ พร้อมขอบคุณทุกความร่วมมือและน้ำใจจากทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมสนับสนุน.-สำนักข่าวไทย

สภาฯ เห็นชอบมาตรา 4 ภาพรวมงบฯ 69 วงเงิน 3.78 ล้านล้าน

รัฐสภา 13 ส.ค.-สภาฯ เห็นชอบมาตรา 4 ภาพรวมงบฯ 69 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ด้าน “จุลพันธ์” ยัน กมธ.งบฯ พิจารณาทุกอย่างตามความเหมาะสม-ยึดหลักกฎหมาย มั่นใจมีกระสุนเพียงพอขับเคลื่อนเศรษฐกิจเติบโต ท่ามกลางความสุ่มเสี่ยงสถานการณ์โลก การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ ชี้แจงในส่วนของมาตรา 4 ภาพรวมวงเงินงบประมาณ 3.78 ล้านล้านบาท ว่า กมธ.พิจารณางบประมาณตามความจำเป็นของหน่วยรับงบประมาณ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธความเสี่ยงของสถานการณ์โลก และความสุ่มเสี่ยงทางเศรษฐกิจต่างๆ โดยยืนยันว่า กระทรวงการคลัง มีศักยภาพเพียงพอในการจัดเก็บรายได้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายงบประมาณในอนาคต และมีมาตรการรองรับเพียงพอ ทั้งเงินคงคลัง รวมถึงกลไกที่มีอยู่ตามกฎหมาย เชื่อว่าจะบริหารจัดการงบที่ตั้งไว้ได้อย่างสมบูรณ์ไม่มีปัญหา เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ และพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ […]

“รักชนก” ชี้งบบูรณาการต่อต้านคอร์รัปชัน วัดผลไม่ได้

รัฐสภา 13 ส.ค.-“รักชนก” ชี้งบบูรณาการต่อต้านคอร์รัปชัน วัดผลไม่ได้ ชี้งบซ้ำซ้อน แนะกรมบัญชีกลาง – ป.ป.ช. เปิดข้อมูล ทำธรรมาภิบาล กำหนดอาสาให้ชัดเจน นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า ดัชนีการรับรู้คอร์รัปชัน ที่นายกรัฐมนตรีเคยแถลงไว้ และประเทศเราให้ความสำคัญกับการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน โดยมีงบบูรณาการส่วนนี้เกือบพันล้านบาท แต่งบประมาณส่วนใหญ่ ใช้ในการอบรมและต้องมีงบวัดผลด้วย แต่ต้องตั้งคำถามว่า การอบรมและการวัดผลแบบเดิมๆ ทำให้ภาพลักษณ์เรื่องคอร์รัปชัน หรือการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นดีขึ้นหรือไม่ แต่เราก็เห็นว่าไม่ดีขึ้นเลย จึงขอให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกแผนบูรณาการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน เพราะอยากให้เลิกใช้งบประมาณไปกับสิ่งที่สิ้นเปลืองและวัดผลไม่ได้ ซึ่งยุทธศาสตร์ชาติ ก็เขียนไว้ว่า ต้องมีแผนการวัดผลในเรื่องนี้ จึงต้องไปแก้ในรัฐธรรมนูญด้วยแต่ตอนนี้อยากให้ตัดงบในส่วนนี้ออกไปก่อน และตั้งระบบในการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสเข้ามา นางสาวรักชนก กล่าวถึง สิ่งที่อยากแนะนำที่ทำให้ภาพลักษณ์เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันดีขึ้น 3 เรื่อง คือ 1.กรมบัญชีกลางควรเปิดให้ภาคประชาสังคม นำข้อมูลด้านการจัดซื้อจัดจ้างไปวิเคราะห์ได้แล้ว ซึ่งปัจจุบันทางภาคประชาชนต้องไปเขียนโปรแกรมดึงข้อมูลออกมาเอง โดยการเขียนโปรแกรมนี้ก็ทำให้ระบบท่านรวน ดังนั้น ก็เปิดไปเลยให้ได้ใช้ และนำข้อมูลไปวิเคราะห์ เพื่อมาช่วยดูว่าโครงการไหนส่อทุจริต หรือส่อประพฤติมิชอบ 2.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ […]

1 73 74 75 76 77 34,464