fbpx

ยอดจดทะเบียนตั้งใหม่เดือน ก.ย.64 ยังเพิ่มขึ้นได้ดี

นนทบุรี 27 ต.ค.-อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยยอดจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนกันยายน 2564 และไตรมาส 3/2564 ยังเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องแม้จะอยู่ในช่วงโควิด โดยบางธุรกิจโตสวนกระแส เช่น พืชสมุนไพร ยารักษาโรค หลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการ เชื่อยอดจดทั้งปีน่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย


นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวถึงยอดจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งนิติบุคคลทั่วประเทศประจำเดือนกันยายน 2564 และไตรมาส 3/2564 โดยธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนกันยายน 2564มีจำนวน 5,820 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 มีมูลค่าทุนจดทะเบียนถึง 13,973.77 ล้านบาท ซึ่งมีประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 680 ราย คิดเป็นร้อยละ  12 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 248 ราย คิดเป็นร้อยละ  4 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึง   คนโดยสาร จำนวน 188 ราย คิดเป็นร้อยละ  3 ตามลำดับ ส่งผลให้ธุรกิจจัดตั้งใหม่ไตรมาส 3/2564  มีจำนวน 17,034 ราย เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 16,841 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 แบ่งเป็นประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 1,929 ราย คิดเป็นร้อยละ  11 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 725 ราย คิดเป็นร้อยละ  4 และธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสาร จำนวน 622 ราย คิดเป็นร้อยละ  4 ตามลำดับ โดยมีทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 39,350.24 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2563 จำนวน 43,813.68 ล้านบาท ลดลงจำนวน 4,463.44 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 10 

นอกจากนี้ หากดูยอดธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนกันยายน 2564 มีจำนวน 1,503 ราย เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนลดลงร้อยละ 4 โดยมีมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 5,764.59 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยแยกประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 114 รายคิดเป็นร้อยละ  8 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 94 ราย คิดเป็นร้อยละ  6 และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 49 ราย คิดเป็นร้อยละ  3 ตามลำดับ และหากดูธุรกิจเลิกประกอบกิจการไตรมาส 3/2564 มีจำนวน 3,819 ราย คิดเป็นมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 14,749.31 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 314 รายคิดเป็นร้อยละ  8 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 277 ราย คิดเป็นร้อยละ  6 และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน      117 ราย คิดเป็นร้อยละ  3 ตามลำดับ 


อย่างไรก็ตาม ส่งผลให้ยอดธุรกิจตั้งใหม่ 9 เดือนตั้งแต่มกราคม-กันยายน 2564 มียอดทั้งสิ้น 58,056 ราย ขณะที่ยอดเลิกกิจการในช่วง 9 เดือนอยู่ที่ 8,749 ราย ทำให้ยอดธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนกันยายน 2564

ณ วันที่ 30 ก.ย. 64 ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 810,509 ราย  มูลค่าทุน 19.41 ล้านล้านบาท และหากวิเคราะห์การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนกันยายน และไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 มีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลงในบ้างกิจการตามตัวเลขข้างต้นแล้วถือสอดรับกับพฤติกรรมของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น ธุรกิจสร้างแม่ข่าย ธุรกิจปลูกพืชประเภทเครื่องเทศ เครื่องหอม ยารักษาโรค และพืชทางเภสัชภัณฑ์โดยทางกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมให้โรงพยาบาลของรัฐนำสมุนไพรมาใช้ในการรักษาโรคควบคู่กับการใช้ยาแผนปัจจุบัน การปลดล็อคกัญชงให้สามารถขออนุญาตปลูก ผลิต นำเข้าเมล็ดพันธุ์ ครอบครอง และจำหน่ายได้ รวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มูลค่าการบริโภคสมุนไพรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการที่มองเห็นช่องทางในการปรับเปลี่ยนธุรกิจจึงหันมาจัดตั้งธุรกิจประเภทนี้มากขึ้น

นอกจากนี้ การผ่อนปรบมาตรการล็อคดาวน์ และจำนวนผู้ได้รับวัคซีนในประเทศที่เพียงพอ รวมทั้งนโยบายการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะเป็นปัจจัยที่สร้างความเชื่อมั่นที่ดีในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ผู้ประกอบธุรกิจจึงควรปรับตัว และติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ จะส่งผลให้ภาคธุรกิจด้านการท่องเที่ยวจะหันมาจดทะเบียนตั้งใหม่กันมากขึ้น ทำให้กรมฯ ยังมั่นใจว่าในช่วงเวลาที่เหลือยอดการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ทั่วประเทศในปีนี้โอกาสยอดจะอยู่ที่ 65,000-70,000 รายได้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

ข่าวแนะนำ

คุมเพลิงไหม้ “วิน โพรเสส” ได้แล้ว 95%

เหตุไฟไหม้โรงงานเก็บขยะเคมีอันตราย วินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง วันนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว 95% เหลือเพียงจุดความร้อนที่อยู่ใต้ซากกองเพลิง ซึ่งยังต้องใช้สาร F500 ฉีดลดความร้อน แต่ยังมีกลิ่นฉุนแอมโมเนีย ด้านกรมโรงงานอุตสาหกรรมเช็กกล้องวงจรปิดตรวจสอบว่าเป็นการวางเพลิงเพื่อทำลายหลักฐานเช่นเดียวกับเหตุที่เกิดขึ้นใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา หรือไม่

นายกฯ แจงเรียก “สุชาติ-รัฐมนตรี” เข้าพบ แค่ตามงาน

นายกฯ อารมณ์ดี เดินลงตึกไทยฯ พบสื่อ แจงเรียก “สุชาติ-รมต.” มีชื่อหลุด ครม.เข้าพบแค่ตามงาน ย้ำปรับ ครม.เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้ ยันกินข่าวเที่ยงวานนี้ไม่มี ”ทักษิณ“

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท

ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก กทม.ครั้งแรกของปี

วันนี้เป็นครั้งแรกของปีที่ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับพื้นที่ กทม. ส่งผลให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านใกล้จุดเหนือศีรษะ หรือตั้งฉากกับพื้นที่บริเวณต่างๆ ของไทย 2 ครั้งต่อปี คือช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. และเดือน ก.ค.-ก.ย.