เสวนา เอาไง!ค่ารถไฟฟ้าแพง หนุนรัฐทำราคามาตรฐานเดียว ไม่ต่อสัปทานเอกชน



กรุงเทพฯ 25 เม.ย. – เวทีสัมมนา คลับเฮ้าส์ “เอาไงดี ! ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ทางออกที่ดีของผู้ใช้บริการ” ทั้งภาคประชาชน วิชาการ การเมือง กรมรางฯ เห็นฟ้องต้องทำราคามาตรฐาน ราคาถูก ลดความเหลี่ยมล้ำให้ประชาชนเข้าถึงรถไฟฟ้ามากขึ้น ย้ำรัฐไม่ควรต่อสัมปทานที่กำลังหมดแก่เอกชน เพื่อนำโครงข่ายมาทำราคาได้ และรอผู้ว่า กทม.หลังเลือกตั้งมาแก้ปัญหารถไฟฟ้าในเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดเสวนาทางคลับเฮ้าส์ หัวข้อเรื่อง “เอาไงดี ! ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ทางออกที่ดีของผู้ใช้บริการ” ซึ่งมีหลายภาคส่วนเข้าร่วม ประกอบด้วย นางสาวสารี อ๋องสมหวัง จากสภาองค์กรของผู้บริโภค นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้าร่วม


โดยนางสาวสารี อ๋องสมหวัง ระบุว่า สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้แสดจุดยืนในการคัดค้า การต่อสัญญาสัมปทานล่วงหน้ารถไฟฟ้าสีเขียว ที่มีการเชื่อมโยงกับราคาค่าโดยสาร รถไฟฟ้า ไปแล้ว ซึ่งตามข้อมูลที่ระบุว่า เมื่อขยายสัญญาสัมปทานออกไปอีก 30 ปี จากปี 2572 ถึงปี 2602 เอกชนจะมีการจัดเก็บค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 65 บาท โดยสภาองค์กรผู้บริโภค ได้ทำหนังสือคัดค้าน ไปถึง คณะรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม และกรุงเทพมหานคร โดยเห็นว่ารัฐบาลจำเป็นต้องทำให้ราคารถไฟฟ้า เป็นราคาเดียวที่ถูก เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยทุกกลุ่ม สามารถเข้าใช้บริการได้ ไม่เกิดปัญหาเหลื่อมล้ำ ซึ่งจะเป็นแนวทางที่รัฐบาล ใช้ประโยชน์จาการลงทุนโครงข่ายรถไฟฟ้า เพื่อเป็นบริการสาธารณะอย่างคุ้มค่า

นางสารี ยังระบุว่า ราคาที่สภาองค์กรของผู้บริโภค เสนอ 25 บาท โดยไม่มีการติดค่าแรกเข้าเป็นราคาที่ทำได้จริง 25 บาททำได้จริง โดยเมื่อพิจารณา ข้อมูลของกรุงเทพมหานคร ที่ระบุว่า หากกำหนดราคาโดยสาร 65 บาท กทม.จะได้ผลตอบแทน 240,000 ล้านบาท ตลอดสัมปทาน 30 ปี ส่วนข้อมูล ของกระทรวงคมนาคม หากใช้ราคา 49.83 บาท จะทำให้กทม.มีรายได้ 380,200ล้านบาท ในระยะเวลา 30 ปี หากนำเงินจำนวนนี้ใช้หนี้เดิมในช่วง 2560-2572 ประมาณ100,000 ล้านบาท กทม.ยังมีกำไรสูงถึง 280,200 ล้านบาท ซึ่งสภาองค์กรของผู้บริโภค อยากถามว่า กทม.ซึ่งเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่น จะทำกำไรร่ำรวยไปทำไมเป็นแสนล้าน ควรกำหนดค่าโดยสารให้ประชาชนได้ประโยชน์มากกว่า ซึ่งเรื่องนี้ องค์กรฯจะติดตามคัดค้านไม่ให้รัฐบาล เอาเรื่องขยายสัมปทานฯ กำหนดราคา 65 บาท เข้า ครม.เด็ดขาด เพราะจะกลายเป็นข้อผูกมัดรัฐบาลและผู้ใช้บริการ ต้องจ่ายค่าโดยสารแพง

นายสุเมธ องกิตติกุล จากทีดีอาร์ไอ ระบุว่า ปัญหาการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า ที่มีปัญหาราคาแพงนั้น ที่ผ่านมา เกิดจากการที่รัฐจำเป็นต้องนำเอกชนมาร่วมลงทุน และมีสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้า หลายสัญญาตามเส้นทาง และมีความแตกต่างกันเงื่อนไขของสัมปทาน ซึ่งเรื่องนี้ ทีดีอาร์ไอเห็นว่า ในอนาคต จะต้องมีการกำหนดโมเดล ราคาค่าโดยสารมาตรฐานเดียว เป็นโมเดลในทุกระบบร่วมกัน โดยสามารถทำได้ โดยการที่นำรถไฟฟ้าที่รัฐกำลังประมูลก่อสร้าง มากำหนดเงื่อนไขราคา และในอนาคตรัฐสามารถนำเอารถไฟฟ้าที่หมดสัมปทานจากเอกชนมารวมในโมเดล ส่วนรถไฟฟ้าที่เซ็นสัญญากับเอกชนไปแล้ว และสัมปทานไม่หมด ก็เจรจาให้เอกชน เข้ามาอยู่ในโมเดลค่าโดยสารนี้


“เรื่องสัญญาสัมปทานรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องไปเร่งพิจารณาต่อ แต่ควรเร่งจัดทำโมเดลราคาค่าโดยสารมาตรฐาน ให้ได้ข้อสรุป เพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมา สำหรับรถไฟฟ้าที่จะเปิด หรือประมูลใหม่ ซึ่งเมื่อเกิดโครงข่ายมากขึ้น จะมีปัญหาเรื่องการเจรจาตามมา ทั้งปัญหาค่าแรกเข้า และการแบ่งปันรายได้ในแนวเส้นทาง หากผู้โดยสารเดินทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้าหลายระบบ”นายสุเมธกล่าว

ด้านรองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง ระบุว่า ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคม มีการตั้งคณะทำงานฯ เพื่อศึกษาโครงสร้างราคาค่าโดยสารที่เป็นธรรมต่อประชาชน และสร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงสามารถเข้ามาใช้บริการ ได้มากขึ้น

ส่วนเรื่องการขยายสัมปทานฯ ที่กระทบกับราคาค่าโดยสารนั้นย้ำว่า ในส่วนตัวและในฐานะคนกทม. เห็นว่า ในอนาคต จะมีการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งแน่นอน จะมีผู้สมัครหลายราย เสนอรูปแบบในการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้าในเมือง และราคาค่าโดยสารที่เหมาะสม และหากผู้สมัครรายนั้น ชนะเลือกตั้ง ก็จะนำนโยบายที่หาเสียงไปสู่การปฏิบัติได้

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ระบุว่าที่ผ่านมา ได้มีการหยิบยกปัญหาความไม่ชอบมาพากล ในการเตรียมขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสีเขียวล่วงหน้าถึง 8 ปี รวมอายุสัมปทานใหม่ ก็จะทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้า มีราคาแพงไปอีกเกือบ 40 ปี ซึ่งเรื่องนี้ ได้มีการอภิปรายในสภาฯ ไปแล้ว และล่าสุด ส.ส.พรรคเพื่อไทย 75 คนได้เข้าชื่อ เสนอเรื่องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยเรื่องการต่อสัมปทานโดยไม่ดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ แต่กลับไปใช้คำสั่ง คสช. ในการพิจารณาต่อสัมปทานให้เอกชน ซึ่งเรื่องนี้เห็นว่า หากมีการขยายสัมปทานไป ประชาชนจะเสียประโยชน์ใช้รถไฟฟ้าแพงไปอีกหลายสิบปี และไม่มีทางที่นโยบายค่าโดยสารราคาเดียวจะเกิดได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเสวนาฯ มีผู้สนใจเข้าฟัง และได้แสดงความเห็น ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าจริงในปัจจุบัน บางราย ระบุว่า ปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้า นี้สะท้อนความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน โดยผู้มีรายได้น้อย นอกจากไม่มีรายได้พอ จะซื้อที่อยู่อาศัยในเมืองแล้ว ต้องไปซื้อบ้านอยู่ชานเมือง ปริมณฑล เมื่อจะใช้บริการรถไฟฟ้า เดินทางเข้าเมือง ก็ซ้ำร้าย ค่าโดยสารก็แพง ไม่สามารถใช้บริการได้อีก . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึง ส.ค.นี้

ทำเนียบ 14 พ.ค.-รัฐบาลเชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมปีนี้ ทุกสถานพยาบาลทั่วประเทศ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดเตรียมวัคซีนเพื่อป้องกันสายพันธุ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ตามการประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยจัดเตรียมวัคซีนรองรับ 4,570,000 ล้านโดส กระจายหน่วยบริการให้บริการฉีดกลุ่มเป้าหมาย ระบุเป็นวัคซีนป้องกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ A(H1N1), สายพันธุ์ A (H3N2) และ สายพันธุ์ B วิคตอเรีย ที่มีประสิทธิผลและมีความปลอดภัย สปสช. กำหนดเป้าหมายเพื่อฉีดให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ที่แนะนำ 12 -20 สัปดาห์ (สามารถให้ได้ตลอดการตั้งครรภ์) 2. เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี 3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 […]

เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง

สงขลา 14 พ.ค.-“ชัยชนะ” เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง ย้ำพร้อมช่วยเหลือทุกกรณี หากไม่ได้รับความเป็นธรรม นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางเข้าเยี่ยมด.ต.นิสาธิต คงเทพ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง ณ เรือนรับรองตำรวจชายแดนที่ 43 จังหวัดสงขลา โดยในโอกาสนี้ นายชัยชนะได้มอบกระเช้าและเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับครอบครัว นายชัยชนะ ได้พูดคุยกับ ด.ต.นิสาธิต ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าในฐานะประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร หากมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นหรือมีความต้องการความช่วยเหลือในเรื่องใด กรรมาธิการตำรวจพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นอกจากนี้ นายชัยชนะ ยังได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขอโทษประชาชนที่เกิดความไม่สบายใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าพรรคให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบและการแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม.-312.-สำนักข่าวไทย

ปูพรมค้น 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง

ตรัง 14 พ.ค. – ตำรวจปูพรมปิดล้อม 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ล่าสุดตามยึดรถกระบะของกลางที่คนร้ายใช้ไปซื้อยางรถยนต์มาก่อเหตุ เมื่อวานนี้ (13 พ.ค.) ตำรวจสอบสวนกลางนำกำลังร่วมกันตรวจยึดรถกระบะโตโยต้า สีเทาดำ (สงวนหมายเลขทะเบียน) และสิ่งของอื่น ๆ อีกหลายรายการ ที่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือ นายศุภกรณ์ รักวิวัฒน์ หรือ “บิน ควนกุน” อายุ 37 ปี หัวหน้าแก๊งและเป็นผู้มีอิทธิพล, นายจรณชัย สมาธิ หรือ แต้ม อายุ 32 ปี, นายปิยะศักดิ์ สุวรรณมณี หรือ แจ๊ค อายุ 33 ปี และนายรพีพันธ์ บุญเกื้อ […]

แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายยื่นขอความเป็นธรรมปมมติแพทยสภา

สธ. 13 พ.ค. – แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายความส่วนตัวยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อสภานายกพิเศษ กรณีมติที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นายเนติธร หลินหะตระกูล ทนายความส่วนตัวที่ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกสภาพิเศษ กรณีที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภามีมติการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ปม “ทักษิณ ชินวัตร” รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพและเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน เกี่ยวกับการออกใบส่งตัว และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูล หรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งนี้ มีนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับเรื่อง นายกองตรี […]

ข่าวแนะนำ

รวบ 19 คนไทยรับจ้างกดเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

15 พ.ค.- เปิดปฏิบัติการ “The Scam เงินแท้ คนเก๊” รวบ 19 คนไทยขายชาติ รับจ้างกดเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์รวม 6.6 ล้านบาท พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ร่วมแถลงข่าว กรณีมีผู้เสียหายจากการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งสายที่ 1 อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ มีพัสดุมาส่ง จากนั้นได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ส่ง (สายที่ 2) เมื่อผู้เสียหายโทรกลับไป อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กองคลัง โดยให้ทำตามขั้นตอนที่คนร้ายสั่ง อ้างเพื่อเพิ่มเงินบำนาญ โดยได้หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินครั้งแรกจำนวน 720,000 บาท และต่อมาได้มีสายที่ 3 โทรเข้ามาหาผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าการทำธุรกรรมที่ได้ทำไปก่อนหน้านั้นผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอก เป็นเหตุให้ต้องระงับบัญชี และให้ทำตามขั้นตอนจากธนาคารแทน ผู้เสียหายหลงเชื่อ ทำให้ต้องโอนเงินไปอีกเป็นจำนวน 6 ครั้ง แต่มาทราบภายหลังว่าสุดท้ายเป็นการโอนเงินออกจากบัญชีทุกบัญชีของตนเองไปยังบัญชีของคนร้าย รวมความเสียหายทั้งหมด 3,942,767 บาท พฤติการณ์ดังกล่าว ผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้ร่วมกันกระทำความผิดเป็นกระบวนการ ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. จึงได้ทำการสืบสวนพิสูจน์ทราบข้อมูล […]

นายกฯ เยือนเวียดนามวันแรก เดินหน้าความร่วมมือสองประเทศในทุกมิติ

เวียดนาม 15 พ.ค. – นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการ พร้อมเดินหน้าความร่วมมือสองประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะการผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการบินและเทคโนโลยี.-สำนักข่าวไทย

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

ยังปิดล้อม! เหตุชายคลั่งยิงปืนขึ้นฟ้า จ่อปรับยุทธวิธี

15 พ.ค.- ยังปิดล้อม! เหตุชายคลุ้มคลั่งยิงปืนขึ้นฟ้า ด้านผู้ช่วย ผบ.ตร. รุดลงพื้นที่ เน้นยํ้าเรื่องความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบ เตรียมปรับยุทธวิธีระงับเหตุ เมื่อเวลา 17.30 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่เหตุชายคลุ้มคลั่งก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้าและยิงใส่เจ้าหน้าที่ ภายในบ้านพักหลังวัดลครทำ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ โดย พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า จะเข้าไปพูดคุยกับทาง พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นยังเน้นยํ้าเรื่องความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบพื้นที่ ซึ่งจะยังไม่มีการยกระดับมาตรการหรือยุทธวิธีใดๆ ยึดการเจรจาเป็นหลักแม้สถานการณ์จะล่วงเลยมานานกว่า 9 ชั่วโมง แต่ยืนยันว่าทุกอย่างยังอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัย ส่วนกรณีชาวบ้านหลายครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณบ้านของผู้ก่อเหตุนั้น เบื้องต้นจะหารือกับทาง พล.ต.ท.สยาม เรื่องมาตรการเยียวยา ตำรวจเตรียมปรับยุทธวิธีระงับผู้ก่อเหตุ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางลงพื้นที่อีกครั้ง พร้อมให้ข้อมูลว่า ตอนนี้กำลังให้แม่ของผู้ก่อเหตุเข้าไปเจรจาอยู่ เพื่อให้ผู้ก่อเหตุวางอาวุธและมอบตัว ตอนนี้ผู้ก่อเหตุได้ขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้าน แต่ท่าทีโดยรวมของผู้ก่อเหตุเย็นลง อาการคลุ้มคลั่งก็ลดลงด้วย หากการเจรจาไม่เป็นผลหลังจากนี้อาจจะมีการปรับยุทธวิธีต่อไป -420 .-สำนักข่าวไทย