“พิชัย”ระบุถ้านายกฯไม่ไหวให้ลาออก

กรุงเทพฯ 11 ก.ย.-“พิชัย” โต้นายกฯหลังจี้ส.ส.ในสภาเรื่องเผด็จการรัฐสภา ชี้ส.ว.250 คนคือคำตอบ ถ้าไม่ไหวควรลาออก ห่วงต้องกลับคำว่าไม่หนีคดี


นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ส.ส.ฝ่ายค้านจำนวนมากเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมลาออก แต่แทนที่พล.อ.ประยุทธ์จะหาทางอธิบายแก้ข้อกล่าวหา กลับพูดถึงเรื่องเผด็จการรัฐสภา ยิ่งเป็นการตอกย้ำระบบเผด็จการสืบทอดอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์เอง เพราะปัจจุบันในสภามีสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ที่มาจากแต่งตั้งของพล.อ.ประยุทธ์ให้เข้ามาเลือกพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี 250 คน ซึ่งตอกย้ำเผด็จการรัฐสภาอย่างแท้จริง เพราะถ้าหากไม่มี 250 ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งและโหวตให้พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่มีทางได้เป็นนายกรัฐมนตรี

“พล.อ.ประยุทธ์อาจจะเข้าใจผิด คิดว่าในอดีตพรรคการเมืองที่ชนะเสียงข้างมากในสภาเป็นเผด็จการรัฐสภา ทั้งที่เป็นเสียงของประชาขนโหวตให้ชนะการเลือกตั้งเข้ามา และต้องใช้เสียงส่วนมากในการบริหารประเทศและสภาก็มีอายุตามเทอม 4 ปีก่อนที่จะเลือกตั้งใหม่ ถ้าทำไม่ดีประชาชนจะไม่เลือกกลับมา ซึ่งเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ใช้กันทั่วโลก ในขณะที่เผด็จการแบบพล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาโดยการรัฐประหาร ประชาชนไม่ได้เลือก อยู่มา 5 ปีกว่าถึงจัดเลือกตั้ง โดยเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ มีวุฒิสภาจากการแต่งตั้ง 250 คน โหวตเลือกนายกฯ ซึ่งเป็นเผด็จการรัฐสภาอย่างแท้จริงและนักศึกษา ประชาชน รวมถึงพรรคฝ่ายค้านกำลังหาทางแก้รัฐธรรมนูญเรื่องนี้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์รังเกียจเผด็จการรัฐสภาจริงก็ต้องยกเลิก ส.ว. ไม่ให้โหวตนายกฯ และยกเลิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งนี้ไปเลย” นายพิชัย กล่าว


นายพิชัย กล่าวว่า การที่ประชาชนรังเกียจรัฐประหาร รังเกียจเผด็จการ รังเกียจการคุกคามประชาชน และไม่อยากให้ซื้อเรือดำน้ำในเวลาที่ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจ แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับเรียกร้องให้อย่ารังเกียจทหาร ซึ่งเป็นคนละเรื่องกันเลย เป็นการเบี่ยงเบนประเด็น เพราะคงไม่มีใครรังเกียจทหารอาชีพที่ทำหน้าที่ปกป้องประเทศ ไม่ใช่เป็นทหารที่ทำรัฐประหารเข้ามาบริหารแล้วทำประเทศเสื่อมถอย ที่คนกำลังรังเกียจกัน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับเวลาที่นักศึกษา นักเรียน และ ประชาชน จำนวนมากออกมาชุมนุม ต่อต้านและขับไล่ รัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ แต่กลับถูกหาว่าเป็นพวกชังชาติ ทั้งที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ชาติ จึงไม่อยากให้ใช้วิธีการแย่ ๆ แบบตรรกะวิบัตินี้ในการตอบโต้คนที่เห็นต่างที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“จากที่ได้ฟังนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงานตอบการอภิปรายในสภาครั้งแรก รู้สึกผิดหวังอย่างมาก เหมือนกับอยู่คนละประเทศ พูดเหมือนทุกอย่างดีหมด ทั้งที่เศรษฐกิจไทยมีปัญหาอย่างมาก จริงอยู่สถานะทางเศรษฐกิจของไทยยังมั่นคง เพราะประเทศไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับสูง แต่ปัญหาหลักคือเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำมากมาตลอด 6 ปี ตั้งแต่รัฐประหาร พอมาเจอวิกฤติ โควิด ไทยกลับยิ่งทรุดหนักที่สุดในเอเชีย และยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ทำให้เศรษฐกิจไทยแทบไม่ขยายตัวเลยตลอด 6 ปีที่ผ่านมา จะไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นที่เขาขยายตัวสูงมาตลอดหลายปีไม่ได้” นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าว่า ไทยยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3-4 ปีกว่าจะฟื้นกลับมาเท่าเดิม ซึ่งจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างมาก นอกจากนี้ การขายฝันว่าจะสร้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง โดยเริ่มจากมาตรการการสนับสนุนค่าจ้างครึ่งหนึ่งให้กับการจ้างงาน 260,000 คน สำหรับนักศึกษาจบใหม่ อยากถามว่าจะจ้างไปใช้ในการผลิตสินค้าและให้บริการประเภทไหนในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ไม่อยากให้พูดเพื่อสร้างความหวังโดยไม่สามารถจะทำได้จริง เพราะตลอด 6 ปียังไม่เคยทำได้เลย


นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องพลังงาน การออกใบอนุญาตให้โรงไฟฟ้าชุมชน อยากให้พิจารณาให้ดี อย่าได้เอื้อประโยชน์ให้เฉพาะกับกลุ่มหัวคะแนนของพรรคพลังประชารัฐ ตามที่มีข่าวตั้งแต่สมัยรัฐมนตรีคนที่แล้วที่จะใช้โรงไฟฟ้าชุมชนนี้เหมือนเป็นการซื้อเสียงให้กับฐานเสียงของพรรค ซึ่งหากตรวจพบอาจถูกดำเนินคดีได้ นอกจากนี้ การจะยกเลิก แก๊สโซฮอล์ 91และ 95 ที่มีส่วนผสมเอทานอล 10% เพื่อไปใช้ E 20 ที่มีส่วนผสมของเอทานอล 20% อย่างเดียวไม่น่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และอาจเป็นการเอื้อประโยชน์นายทุนผู้ผลิตเอทานอลตามที่เคยทักท้วงไว้แล้ว เพราะราคาเอทานอลสูงกว่าราคาเนื้อน้ำมันที่กลั่นแล้วหลายเท่า ซึ่งจะทำให้ต้นทุนและราคาของน้ำมันแพงขึ้นไปอีก เป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชนมากขึ้น อีกทั้งยังควรที่จะเจรจาต่อรองราคาเอทานอลให้ลดลง เพราะราคาเอทานอลของไทยสูงกว่าราคาในตลาดโลกมาก

“ถ้ารู้ตัวว่าไม่ไหว พล.อ.ประยุทธ์ก็ควรจะลาออกไปตามคำเรียกร้องของฝ่ายค้าน นักศึกษา และประชาชนจำนวนมาก อย่าทำให้ประเทศเสียหายไปกว่านี้ และไม่ต้องรอให้นักศึกษาและประชาชนออกมาไล่มากขึ้นกว่านี้ เพราะที่บอกว่าจะไม่หนีคดี แต่สุดท้ายอาจจะต้องกลับคำ ถ้าหากมีคนเจ็บคนตายจากการชุมนุมเหมือนในอดีต เพราะครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งที่แล้วอย่างแน่นอน” นายพิชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากระเบิดกัมพูชา ทำพิธีลอยอังคาร

ชลบุรี 24 ส.ค. – 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวดตกใส่ ทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณกลางอ่าวสัตหีบ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดของกัมพูชา เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ประกอบด้วย ครอบครัวประชัน ซึ่งสูญเสียนางสาวรุ่งรัศ เด็กหญิงทักษพร และเด็กชายพงศภัค ครอบครัวเด็กชายกิตติศักดิ์ คำวัง ครอบครัวนางสาวอรุณรัตน์ วันศรี ครอบครัวนายสมศรี ลาภบุญ และครอบครัวนางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง นำอัฐิผู้เสียชีวิต เดินทางจากจังหวัดศรีสะเกษ มายังกองเรือยุทธการ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก สนับสนุนที่พัก รวมทั้ง จัดเรือกร.702 นำครอบครัวผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกลางอ่าวสัตหีบ พิธีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติ ทุกคนต่างบอกว่า แม้จะผ่านมา 1 เดือน แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะครอบครัวประชัน ที่ต้องภรรยาและลูกอีก 2 คนไปพร้อมกัน.-สำนักข่าวไทย

ทบ. ตรวจสอบสาเหตุพลทหารเสียชีวิตที่ปราสาทตาเมือนธม

24 ส.ค. – กองทัพบกได้รับรายงานการเสียชีวิตของกำลังพลบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ พร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิอย่างครบถ้วน กองทัพบกขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ พลทหาร พิทยุตท์ โสดา กำลังพลสังกัด กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 18.15 น. โดยพบร่างผู้เสียชีวิตภายในห้องสุขา บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พลทหารพิทยุตท์ โสดา อายุ 20 ปี เป็นทหารกองประจำการ รุ่นปี 1/67 จากการสมัครใจเข้ามารับราชการในโครงการพลทหารออนไลน์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง พลปืนเล็ก หมู่ปืนเล็กที่ 2 หมวดปืนเล็กที่ 1 สังกัด กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติเสพยาเสพติด ไม่มีภาวะความเครียด […]

แจงปมเลขบัตรประชาชน “หลวงพ่ออลงกต” ซ้ำคนตาย

กทม. 24 ส.ค.-กรมการปกครอง แจงปม “เลขประจำตัวประชาชน” หลวงพ่ออลงกต ซ้ำกับคนตาย ส่วนการเปิดพร้อมเพย์ เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตาย ซึ่งตรงกับบัญชีกองทุนอาทรประชานาถ เป็นการดำเนินการโดยธนาคารพาณิชย์ กรณีมีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งมีชื่อเดิมว่า นายอลงกต พูลมุข มีชื่อซ้ำกับ นายอลงกต พลมุข ที่มีภูมิลำเนาที่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา และได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น รวมทั้งวันเดือนเกิดยังตรงกัน ต่างกันเพียงปีเกิด ล่าสุดเฟซบุ๊ก กรมการปกครอง fanpage ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า “กรมการปกครอง ชี้แจงกรณีเลขบัตรประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกต ตามที่ปรากฏข้อมูลจากสื่อมวลชนว่า ‘หลวงพ่ออลงกต มีเลขประจำตัวประชาชนตรงกับนายอลงกต พลมุข ซึ่งเป็นบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว’ นั้น สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง พบว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต เลขประจำตัวประชาชน x-xxxx-xxx036-50-7 ชื่อจริง อลงกต พูลมุข นามสกุล พูลมุข มีสระอู เกิดปี […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]