กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – SCB EIC มองทั้งปี เงินบาทอยู่ในกรอบ 31-32 บาทต่อดอลลาร์ เศรษฐกิจไทยยังถูกความท้าทายรุมเร้า คาดครึ่งปีหลังโตได้แค่ 0.7% แนะรัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้น
ดร.ยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยฯ SCB EIC กล่าวในรายการนาทีลงทุน ช่อง 9 MCOTHD หมายเลข 30 ว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้เงินบาท แข็งค่าขึ้นมากว่า 8% อยู่ในระดับต้น ๆ ของภูมิภาค ส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อการส่งออก และการท่องเที่ยวของไทย ส่วนการลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนัดล่าสุด ไม่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทหรือเงินดอลลาร์มากนัก เพราะการลดดอกเบี้ยเป็นไปตามคาด โดยมองว่าในอีก 1 – 2 เดือนข้างหน้า ค่าเงินบาทจะอยู่ในกรอบ 31.5-32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และหากมองไปถึงสิ้นปี จะอยู่ในกรอบ 31 – 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างแข็ง สาเหตุหลักมาจากเงินดอลลาร์อ่อนค่า และมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งไทยยังส่งออกทองคำสูงขึ้นมาก เพิ่มแรงกดดันให้ค่าเงินบาทเพิ่มขึ้น ประกอบกับการมีเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดพันธบัตรของไทย ทำให้มีแรงเข้ามากดดันค่าเงินบาทเป็นระยะ ส่วนราคาทองคำ คาดว่าจะเผชิญกับแรงต้านระยะสั้น ไม่วิ่งสูงอย่างต่อเนื่อง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็พยายามดูแลค่าเงินบาทอยู่
ทั้งนี้ มองว่ามีความท้าทายทางเศรษฐกิจเข้ามารุมเร้าประเทศไทยอยู่ ทั้งการส่งออก และการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ชะลอตัว ทำให้คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เศรษฐกิจไทยอาจโตได้แค่ 0.7% หลังจากที่ในช่วงครึ่งแรกของปีโตได้ถึง 3%
ดร.ยรรยง แนะรัฐบาลใหม่ ต้องเร่งดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และวางมาตรการในระยะปานกลาง โดยในระยะสั้นต้องเริ่มต้นจากการประกาศเป้าหมาย และมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน ทำได้จริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภค นักธุรกิจ นักลงทุน และนักท่องเที่ยว รวมทั้งการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และงบกลางที่ได้จัดสรรไว้แล้วทั้งงบลงทุนและงบเยียงยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น มาตรการคนละครึ่ง มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งต้องเกิดผลได้เร็ว และไม่ดีเลย์ นอกจากนี้ จะต้องลดความตึงตัวของภาคการเงิน โดย ธปท. น่าจะต้องลดอัตราดอกเบี้ย และดูแลค่าเงินบาทให้เหมาะสม รวมทั้งการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับเอสเอ็มอี เพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
ส่วนมาตรการระยะปานกลาง ควรเร่งลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ การเจรจาการค้ากับต่างประเทศ ส่งเสริมการลงทุนสีเขียว หรือการลงทุนเพื่อความยั่งยืน ที่กำลังเป็นกระแสหลักของโลก และการวางรากฐานเศรษฐกิจใหม่ ๆ เป็นต้น.-517-สำนักข่าวไทย