“เศรษฐา” แหล่งผลิตผ้าม่อฮ่อม จ.แพร่ เล็งต่อยอด-ส่งออก

แพร่ 9 เม.ย. – “เศรษฐา” ควงผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เดินตลาดทุ่งโฮ้ง ดูแหล่งผลิตผ้าม่อฮ่อม เล็งต่อยอด-ส่งออก พร้อมพูดคุยกับเกษตรกร รับฟังปัญหาด้านการเกษตร


นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เบอร์ 4 เขต 1 นพ.นิยม วิวรรธนดิฐกุล ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เบอร์ 7 เขต 2 และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เบอร์ 5 เขต 3 เดินตลาดทุ่งโฮ้ง เพื่อทักทายพ่อค้าแม่ค้า และพี่น้องประชาชนที่มาเดินซื้อผ้าม่อฮ่อม และผ้ามัดย้อม ซึ่งตลาดทุ่งโฮ้ง ถือเป็นแหล่งผลิตผ้าม่อฮ่อมและผ้ามัดย้อมที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ นับเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่แข็งแกร่งเสมอมาของ จ.แพร่ โดยนายเศรษฐา และคณะได้พากันสวมเสื้อม่อฮ่อม เพื่อทำกิจกรรมที่ จ.แพร่ ในวันนี้ด้วย

นายวรวัจน์ กล่าวว่า ในอดีตเมื่อครั้งสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ตลาดทุ่งโฮ้งเคยผลิตผ้าม่อฮ่อมจำนวนมาก ทั้งเพื่อจำหน่าย และการส่งออก แต่ปัจจุบันจำนวนการผลิตลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ทำให้การจำหน่ายในประเทศลดลง และรัฐบาลไม่ได้ผลักดันสินค้าอันเป็นเอกลักษณ์นี้ไปยังต่างประเทศเท่าที่ควร พรรคเพื่อไทยจึงเป็นความหวังของพี่น้องชาวเมืองแพร่ที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และเข้ามาพัฒนาต่อยอดสินค้า รวมไปถึงส่งเสริมการส่งออกสินค้าประจำจังหวัดให้มากขึ้น


นายเศรษฐา ระบุว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะเป็นนายหน้านำสินค้า และซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) ของไทยไปเจรจาค้าขายกับต่างชาติ นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย จะเป็นเซลส์แมน นำสินค้าของพี่น้องประชาชนไปขายกับต่างประเทศ

สำหรับบรรยากาศระหว่างที่นายเศรษฐา และผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย เดินตลาดอยู่นั้น พ่อค้าแม่ค้าตามร้านค้าต่างๆ ได้ให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย ขอให้ได้เป็นรัฐบาล และขอฝากเรื่องปัญหาปากท้อง เพราะกลุ่มคนค้าขายคือคนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก นอกจากนี้ มีประชาชนจากต่างจังหวัดที่มาเลือกซื้อของได้เข้ามาขอถ่ายภาพกับแกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมระบุว่า “แลนด์สไลด์แน่นอน”

จากนั้น นายเศรษฐา ลงพื้นที่สวนทุเรียน อ.วังชิ้น จ.แพร่ ร่วมรับฟังปัญหาจากเกษตรกรกลุ่มต่างๆ ของ จ.แพร่ อาทิ กลุ่มชาวสวนทุเรียน กลุ่มชาวสวนกล้วย กลุ่มชาวสวนส้มเขียวหวาน กลุ่มผู้ปลูกถั่วลิสง กลุ่มชาวสวนส้มโอ เกษตรกรปลูกยางพารา และกลุ่มชาวนา


โดยตัวแทนกลุ่มชาวสวนทุเรียน ได้สะท้อนปัญหาว่า เรื่องผลผลิตไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ พื้นที่อุทยานฯ เข้ามากินพื้นที่เรื่อยๆ และเรื่องน้ำ เราใช้น้ำธรรมชาติจาภูเขา ไม่ได้กั้นน้ำ ทำให้น้ำไม่เพียงพอ

ขณะที่ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนส้มและส้มโอ สะท้อนปัญหาว่า ในการปลูกส้มมีปัญหาเรื่อง 1. เชื้อราที่ต้น และปัญหาเรื่องแมลง 2. เรื่องของตลาด ส้มมีผลผลิตจำนวนมาก แต่ราคาถูก และปัจจุบันส้มราคาดิ่งเหลือกิโลกรัมละเพียง 3 บาทเท่านั้น ทั้งที่รสชาติดีมาก 3. เรื่องการพัฒนาการแปรรูปที่ยังขาด 4. เรื่องเอกสารสิทธิในที่ดินที่ใช้เพาะปลูก และ 5. เรื่องการขนส่งผลผลิตที่มีต้นทุนสูง

ด้านตัวแทนกลุ่มชาวนา สะท้อนปัญหาว่า ข้าวราคาถูก ขณะที่ต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย หรือน้ำมันที่ใช้ทำนา และใช้ขนส่งผลผลิต ราคาสูง เช่นเดียวกับตัวแทนกลุ่มผู้ปลูกยางพารา ที่สะท้อนปัญหาราคายางพาราที่ถูกมากๆ

นายเศรษฐา ระบุว่า ประเด็นเรื่องเชื้อรา และโรคที่เกิดกับต้นผลไม้ชนิดต่างๆ พรรคเพื่อไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ หาแนวทางแก้ไขเรื่องนี้ โดยการฉีดยาเข้าไปที่ราก ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างถาวร ส่วนเรื่องตลาด พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะทำการขยายตลาด เราจะไปเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ เราจะไปเจรจาขอโควตาส่งทุเรียน ส้ม ส้มโอ ฯลฯ ไม่ใช่กับเพียงญี่ปุ่น จีน อียู แต่ต้องเปิดตลาดในทวีปแอฟริกา ซึ่งมีความต้องการทางด้านอาหารสูงด้วย นอกจากนี้ เราจะมีการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม ขยายถนน ขยายรถไฟรางคู่ ทำการคมนาคมให้ดีแน่นอน ขณะที่ปัญหาเรื่องต้นทุนพลังงาน เช่น ค่าน้ำมัน ฯลฯ ประเทศไทยเรามีพลังงานทดแทนจำนวนมากที่จะดึงมาใช้ เราอาจจะมีมาตรการงดเว้นภาษีพลังงานบางจำพวก เพื่อให้ต้นทุนถูกลง และพรรคเพื่อไทยเรามีนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้พี่น้องอยู่แล้ว สำหรับปัญหาเรื่องน้ำ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้น้ำไม่ท่วมในช่วงที่มีน้ำมาก และไม่แล้งในช่วงฤดูแล้งด้วย และหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แน่นอนว่าเราจะต้องทำให้พี่น้องประชาชนมีสิทธิในที่ดินทำกิน

“วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า พวกผมมาหาเสียง มาขอเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย เราไม่ได้เสแสร้งใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งต้องบอกว่า หากอยากให้นโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นจริง ขอเสียงให้นายวรวัจน์ เบอร์ 5 ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ผูกพันกันมานาน อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรคพลังประชาชน มาจนพรรคเพื่อไทย เป็นกำลังสำคัญของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดจากอดีตถึงปัจจุบัน เราตั้งใจแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรชาวเมืองแพร่อย่างจริงจัง จึงต้องได้ ส.ส.แพร่ ยกจังหวัด เลือกพรรคเพื่อไทยให้ถล่มทลาย เพื่อได้นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย” นายเศรษฐา กล่าว

ขณะที่ชาวบ้านอวยพรว่า “ขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาอวยพร และช่วยให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลด้วย” – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]