“เศรษฐา” แหล่งผลิตผ้าม่อฮ่อม จ.แพร่ เล็งต่อยอด-ส่งออก

แพร่ 9 เม.ย. – “เศรษฐา” ควงผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เดินตลาดทุ่งโฮ้ง ดูแหล่งผลิตผ้าม่อฮ่อม เล็งต่อยอด-ส่งออก พร้อมพูดคุยกับเกษตรกร รับฟังปัญหาด้านการเกษตร


นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เบอร์ 4 เขต 1 นพ.นิยม วิวรรธนดิฐกุล ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เบอร์ 7 เขต 2 และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เบอร์ 5 เขต 3 เดินตลาดทุ่งโฮ้ง เพื่อทักทายพ่อค้าแม่ค้า และพี่น้องประชาชนที่มาเดินซื้อผ้าม่อฮ่อม และผ้ามัดย้อม ซึ่งตลาดทุ่งโฮ้ง ถือเป็นแหล่งผลิตผ้าม่อฮ่อมและผ้ามัดย้อมที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ นับเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่แข็งแกร่งเสมอมาของ จ.แพร่ โดยนายเศรษฐา และคณะได้พากันสวมเสื้อม่อฮ่อม เพื่อทำกิจกรรมที่ จ.แพร่ ในวันนี้ด้วย

นายวรวัจน์ กล่าวว่า ในอดีตเมื่อครั้งสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ตลาดทุ่งโฮ้งเคยผลิตผ้าม่อฮ่อมจำนวนมาก ทั้งเพื่อจำหน่าย และการส่งออก แต่ปัจจุบันจำนวนการผลิตลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ทำให้การจำหน่ายในประเทศลดลง และรัฐบาลไม่ได้ผลักดันสินค้าอันเป็นเอกลักษณ์นี้ไปยังต่างประเทศเท่าที่ควร พรรคเพื่อไทยจึงเป็นความหวังของพี่น้องชาวเมืองแพร่ที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และเข้ามาพัฒนาต่อยอดสินค้า รวมไปถึงส่งเสริมการส่งออกสินค้าประจำจังหวัดให้มากขึ้น


นายเศรษฐา ระบุว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะเป็นนายหน้านำสินค้า และซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) ของไทยไปเจรจาค้าขายกับต่างชาติ นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย จะเป็นเซลส์แมน นำสินค้าของพี่น้องประชาชนไปขายกับต่างประเทศ

สำหรับบรรยากาศระหว่างที่นายเศรษฐา และผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย เดินตลาดอยู่นั้น พ่อค้าแม่ค้าตามร้านค้าต่างๆ ได้ให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย ขอให้ได้เป็นรัฐบาล และขอฝากเรื่องปัญหาปากท้อง เพราะกลุ่มคนค้าขายคือคนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก นอกจากนี้ มีประชาชนจากต่างจังหวัดที่มาเลือกซื้อของได้เข้ามาขอถ่ายภาพกับแกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมระบุว่า “แลนด์สไลด์แน่นอน”

จากนั้น นายเศรษฐา ลงพื้นที่สวนทุเรียน อ.วังชิ้น จ.แพร่ ร่วมรับฟังปัญหาจากเกษตรกรกลุ่มต่างๆ ของ จ.แพร่ อาทิ กลุ่มชาวสวนทุเรียน กลุ่มชาวสวนกล้วย กลุ่มชาวสวนส้มเขียวหวาน กลุ่มผู้ปลูกถั่วลิสง กลุ่มชาวสวนส้มโอ เกษตรกรปลูกยางพารา และกลุ่มชาวนา


โดยตัวแทนกลุ่มชาวสวนทุเรียน ได้สะท้อนปัญหาว่า เรื่องผลผลิตไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ พื้นที่อุทยานฯ เข้ามากินพื้นที่เรื่อยๆ และเรื่องน้ำ เราใช้น้ำธรรมชาติจาภูเขา ไม่ได้กั้นน้ำ ทำให้น้ำไม่เพียงพอ

ขณะที่ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนส้มและส้มโอ สะท้อนปัญหาว่า ในการปลูกส้มมีปัญหาเรื่อง 1. เชื้อราที่ต้น และปัญหาเรื่องแมลง 2. เรื่องของตลาด ส้มมีผลผลิตจำนวนมาก แต่ราคาถูก และปัจจุบันส้มราคาดิ่งเหลือกิโลกรัมละเพียง 3 บาทเท่านั้น ทั้งที่รสชาติดีมาก 3. เรื่องการพัฒนาการแปรรูปที่ยังขาด 4. เรื่องเอกสารสิทธิในที่ดินที่ใช้เพาะปลูก และ 5. เรื่องการขนส่งผลผลิตที่มีต้นทุนสูง

ด้านตัวแทนกลุ่มชาวนา สะท้อนปัญหาว่า ข้าวราคาถูก ขณะที่ต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย หรือน้ำมันที่ใช้ทำนา และใช้ขนส่งผลผลิต ราคาสูง เช่นเดียวกับตัวแทนกลุ่มผู้ปลูกยางพารา ที่สะท้อนปัญหาราคายางพาราที่ถูกมากๆ

นายเศรษฐา ระบุว่า ประเด็นเรื่องเชื้อรา และโรคที่เกิดกับต้นผลไม้ชนิดต่างๆ พรรคเพื่อไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ หาแนวทางแก้ไขเรื่องนี้ โดยการฉีดยาเข้าไปที่ราก ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างถาวร ส่วนเรื่องตลาด พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะทำการขยายตลาด เราจะไปเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ เราจะไปเจรจาขอโควตาส่งทุเรียน ส้ม ส้มโอ ฯลฯ ไม่ใช่กับเพียงญี่ปุ่น จีน อียู แต่ต้องเปิดตลาดในทวีปแอฟริกา ซึ่งมีความต้องการทางด้านอาหารสูงด้วย นอกจากนี้ เราจะมีการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม ขยายถนน ขยายรถไฟรางคู่ ทำการคมนาคมให้ดีแน่นอน ขณะที่ปัญหาเรื่องต้นทุนพลังงาน เช่น ค่าน้ำมัน ฯลฯ ประเทศไทยเรามีพลังงานทดแทนจำนวนมากที่จะดึงมาใช้ เราอาจจะมีมาตรการงดเว้นภาษีพลังงานบางจำพวก เพื่อให้ต้นทุนถูกลง และพรรคเพื่อไทยเรามีนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้พี่น้องอยู่แล้ว สำหรับปัญหาเรื่องน้ำ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้น้ำไม่ท่วมในช่วงที่มีน้ำมาก และไม่แล้งในช่วงฤดูแล้งด้วย และหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แน่นอนว่าเราจะต้องทำให้พี่น้องประชาชนมีสิทธิในที่ดินทำกิน

“วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า พวกผมมาหาเสียง มาขอเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย เราไม่ได้เสแสร้งใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งต้องบอกว่า หากอยากให้นโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นจริง ขอเสียงให้นายวรวัจน์ เบอร์ 5 ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ผูกพันกันมานาน อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรคพลังประชาชน มาจนพรรคเพื่อไทย เป็นกำลังสำคัญของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดจากอดีตถึงปัจจุบัน เราตั้งใจแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรชาวเมืองแพร่อย่างจริงจัง จึงต้องได้ ส.ส.แพร่ ยกจังหวัด เลือกพรรคเพื่อไทยให้ถล่มทลาย เพื่อได้นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย” นายเศรษฐา กล่าว

ขณะที่ชาวบ้านอวยพรว่า “ขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาอวยพร และช่วยให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลด้วย” – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]