25 ส.ค.2568 พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พบบุคลากรและนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมสนทนาพิเศษ “เรื่องจริงจากชายแดน” โดยมีผู้ร่วมงาน ทั้งนิสิตปัจจุบัน และนิสิตเก่า บุคลากร เต็มความจุล้นออกจากห้องประชุม
จากนั้น พลโทบุญสิน ตอบคำถามนักศึกษาเรื่องความท้าทายภารกิจการดูแลชายแดนว่า ไทยและกัมพูชาต่างฝ่ายต่างคิดว่าแผ่นดินนี้เป็นของตัวเอง เป็นความยากที่สองประเทศคุยกันไม่รู้เรื่อง นำไปสู่ความขัดแย้ง ด้วยการใช้อาวุธ
พลโทบุญสิน กล่าวต่อว่า ภารกิจที่สร้างแรงกดดัน ที่ต้องตัดสินใจเสี้ยววินาที ระหว่างการรบกับการรอ การเจรจากับการยืนหยัด ตนถูกด่าขนานหนัก ลูกน้องขาขาด ทำไมไม่บุก ไม่ยิง บางครั้งบริบทการรับผิดชอบมันไม่ได้มีอยู่แค่นั้น แต่บริบทอื่น เช่น เศรษฐกิจ สังคม การเปิดสงครามประเทศชาติจะเกิดอะไรขึ้น จะเหมาะสมหรือไม่ในช่วงเวลานั้น หากไปทะเลาะเวลานั้นเหมือนไปรังแก จะถูกทั่วโลกประณามใช่หรือไม่ ต้องคิดหลายอย่าง หากปะทะกันจะเกิดอะไรขึ้น 15 ชีวิตนี้เป็นหม้ายทันที มันคุ้มแล้วใช่หรือไม่ คุ้มกับแผ่นดินใช่ แต่อย่างอื่นคุ้มหรือไม่
“ใช้ความดุอย่างเดียว แต่ไร้ความคิด ไม่รอบคอบในการตัดสินใจอันตรายมาก จะกลายเป็นเผด็จการ และประเทศไทยจะถูกทั่วโลก ประณามทันที แต่กรณีที่ผ่านมาเหมาะสมแล้ว เพราะเขายิงเราก่อน วันนั้นวัยรุ่น ไปเจอกันที่ปราสาทตาเมือนธม การตัดสินใจที่ลำบากที่สุด เพราะถ้าปิดยิงกันแน่นอน เพราะเขาไม่ให้ปิด ตีหนึ่งรายงานผู้บังคับบัญชาขออนุญาตปิด ปิดตีสองตื่นเช้ามาเขาก็ยิงเราก่อน เพราะเขาบอกว่าเราปิดประเทศเขา แต่เราก็ปิดประเทศของเราเหมือนกัน จึงเป็นที่มาของสี่คืนห้าวัน และได้คืนมาในหลายตารางกิโลเมตร ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในแผนงานที่วางไว้หมดแล้ว แม่ทัพไม่ใช่แม่ทัพที่ใช้อารมณ์ ทุกอย่างวางแผนไว้ วิชาที่ได้ร่ำเรียนมา ได้ใช้เพื่อบ้านเมือง ผมขอยืนยันกับประชาชนทุกคน” หากรอแล้วผลประโยชน์ของชาติมาก่อน เราก็ต้องรอ แม้จะสูญเสียเราก็ต้องยอมรับ เพราะนี่แผ่นดิน ที่บรรพบุรุษเราสละเลือดเนื้อ ถ้าเจรจาแล้วเราเสียผลประโยชน์ เราต้องยืนหยัดไม่เจรจา เจรจาแล้วเสียเปรียบก็อย่าไปเจรจา ไม่ยอมรับกับข้อเสนอ ดังนั้นผู้เจรจาจะต้องทันเกม รู้ว่าเราต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เสียแผ่นดินนี้
ภาพ ชำนาญวุฒิ สุขุมวานิช