“ภูมิธรรม” แจงรอศาล รธน.วินิจฉัย ก่อนเปิดโฉมหน้ารัฐบาลใหม่

“ภูมิธรรม” รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก่อนแถลงเปิดโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ โวมีเสียงหนุนเพียงพอ โต้ “ก้าวไกล” เรื่อง ม.112 แสดงจุดยืนชัดมาตลอดว่าไม่เอา ส่วนจะยกมือโหวตให้หรือไม่ ถือเป็นเอกสิทธิ์ ไม่อยากกดดัน หากไม่โหวตให้เราเลยก็ได้ เราพูดในเงื่อนไขที่สุภาพ พร้อมย้ำกำหนด “ทักษิณ” กลับบ้าน ยังไม่เปลี่ยนแปลง รอครอบครัวแจง


3 ส.ค.66 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้า​พรรค​เพื่อไทย กล่าวถึงการเลื่อนแถลงจัดตั้งรัฐบาล ว่า เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ให้วินิจฉัยเรื่องของการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สามารถดำเนินการซ้ำได้หรือไม่ โดยศาลขอรายละเอียดเพิ่มเติม และจะเลื่อนไปพิจารณาในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ จึงได้ประสานไปยังประธานรัฐสภา และได้คำตอบว่า ต้องรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน จึงต้องเลื่อนวาระการโหวตนายกรัฐมนตรีออกไป แต่คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากวันที่ 16 สิงหาคม น่าจะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีได้ ดังนั้น เมื่อการโหวตเลื่อนออกไป ทุกอย่างก็ไม่ควรจะทำอะไรให้มาก ควรจะรอความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน

ส่วนที่หลายฝ่ายหวั่นใจว่า เสียงจะไม่พอ ขอยืนยันว่า เสียงที่เรามีเพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาล แต่เมื่อเลื่อนการประชุมออกไป ก็มีเวลาทำงานมากขึ้น เพราะการแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย ยิ่งได้มากก็ยิ่งดี รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และประธานสภาฯ กำหนดวาระการประชุม เราก็พร้อมที่จะแถลงข่าวร่วมการจัดตั้งรัฐบาล


เมื่อถามว่า เสียงที่รวบรวมไว้พอจะเปิดเผยได้หรือไม่ว่ามีพรรคใดบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า รออีกสักหน่อยก็คงดี แต่ก็ยอมรับว่า มีเสียงจาก 8 พรรคร่วมเดิมจำนวนหนึ่งพอสมควร และมีเสียงจากขั้วพรรคร่วมรัฐบาลเดิมฝั่ง 188 เสียง อีกจำนวนหนึ่ง และต้องมีเสียง สว.อีก เนื่องจากเราอยู่ภายใต้วิกฤตการณ์ของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ที่กำหนดเงื่อนไขว่าต้องได้เสียงเกิน 375 เสียง เสียงจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เราอยากให้ได้มั่นคงและมากขึ้นที่สุด เพราะการมีเสียง สส. จะทำให้เกิดรัฐบาลที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพ รวมถึงกำหนดทิศทางการทำงาน สามารถบริหารทิศทางการทำงานทั้งหมดได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และยังต้องบวกเสียง สว. อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเราอยากได้มากขึ้น เพื่อที่จะได้เห็นว่า เราเป็นรัฐบาลที่สามารถเข้ามากู้วิกฤติได้ ภายใต้ความร่วมมือของทุกฝ่าย ซึ่งก็จะทำให้ความขัดแย้งคลี่คลายลงไป

เมื่อถามว่า ตอนนี้มีรายงานข่าวว่าไม่มีทั้ง 2 ลุง เข้าร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวว่า รอการตัดสินใจที่ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร วันนี้เราพยายามแสวงหาความร่วมมือ แต่เราก็รู้ว่ามีข้อจำกัด และยังมีข้อที่เป็นปัญหาของประชาชนอยู่ เราต้องคำนึงถึงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ด้วย

เมื่อถามว่า หากไม่นับรวมเสียง สว. จะต้องหา สส. เพิ่มหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า รอการแถลงรายละเอียด แต่การแสวงหาความร่วมมือ แสดงให้เห็นถึงฉันทามติในการจัดตั้งรัฐบาล


นายภูมิธรรม ยังชี้แจงถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลระบุว่า ตนไม่ง้อเสียงโหวตจากพรรคก้าวไกล ยืนยันไม่เป็นความจริง ตนได้ชี้แจงไปแล้วว่า การแยกตัวครั้งนี้ เมื่อเรายุติ MOU ถือว่าทุกฝ่ายเป็นอิสระต่อกัน ส่วนพรรคก้าวไกลจะโหวตหรือไม่โหวต ถือเป็นเอกสิทธิ์ สิ่งสำคัญคือ เราอยากสร้างมิติทางการเมืองใหม่ เรากับพรรคก้าวไกลสามารถที่จะทำงานการเมืองที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ เพราะฉะนั้น อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ เรายินดีที่จะสนับสนุน ไม่จำเป็นที่จะต้องยืนฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล แล้วคัดค้านกันไปตลอด อีกทั้งตนยังยกตัวอย่างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องการแก้ เพื่อปลดล็อกปัญหาประเทศ ตนพร้อมสนับสนุน และคุณก็ต้องสนับสนุนด้วยเช่นกัน เพราะคิดว่าเป็นปัจจัยร่วมที่เป็นวาระแห่งชาติ ต้องร่วมกันทำ ส่วนกฎหมายที่ตกลงกันใน MOU ที่ตรงกับนโยบายพรรคเพื่อไทย หรือกฎหมายอื่น ที่ไม่ได้พูดไปใน MOU เราก็ยินดีสนับสนุน แต่ปัญหาที่เราไม่เอาแน่นอน คือ มาตรา 112 เพราะเราปฏิเสธมาตั้งแต่ MOU ครั้งแรกว่า เราไม่เซ็น แต่พอ MOU ครั้งที่ 2 ก็บรรจุใส่มาอีก เราก็บอกแล้วว่า เราไม่สะดวกใจที่จะเซ็น เพราะเราไม่เห็นด้วย และได้ยืนยันไปว่า ถ้ามีเรื่องมาตรา 112 เราไม่โหวตให้ แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นที่ดี เราจะโหวตให้ เพราะฉะนั้น เราจึงบอกว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ถ้าจะโหวตให้เรา เราก็ขอบคุณดีใจ แต่ถ้าไม่โหวต เราก็ไม่ถือโทษโกรธใคร ถือเป็นเอกสิทธิ์ ที่พูดทั้งหมดเป็นแบบนี้ เรื่องในที่ประชุมก็มีนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ทั้งหมดยืนยันในสิ่งที่ตนพูดได้ อันนี้เป็นข้อเท็จจริง

ส่วนที่นายชัยธวัช ออกมาระบุว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยบอกให้พรรคก้าวไกล ถอยมาตรา 112 และมีการฉีก MOU ยืนยันไม่เป็นความจริง มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ก่อนจะย้ำว่าใน MOU ครั้งแรก เราชัดเจน ถ้ามีมาตรา 112 เราไม่เซ็น และจะขอสงวนสิทธิ์​ ไม่ร่วมใน MOU ข้อนั้น จึงได้มีการถอนออกไป ส่วน MOU พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ก็ใส่มาอีก ซึ่งเราก็ปฏิเสธ เราได้แสดงท่าทีของเรากับพรรคก้าวไกลอย่างชัดเจนมาโดยตลอดว่า มาตรา 112 เราไม่เห็นด้วยที่จะไปร่วมเซ็น ส่วนจะไปแก้อะไร ก็ไปทำกัน ถือเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค อันนี้เราพูดจากันชัดเจน อีกทางพรรคเพื่อไทยที่ได้รับไม้ต่อจากพรรคก้าวไกล ก็ได้พูดคุยกับหลายพรรคการเมือง ซึ่งทุกคนก็ย้ำว่า หากมีมาตรา 112 ไม่เซ็น ซึ่งก็ได้แจ้งทางพรรคก้าวไกลแล้วว่า แต่ละพรรคมีความเห็นอย่างไร แต่ถ้าก้าวไกลยังตอบกลับมายืนยันว่า การแก้ไข ม.112 ไม่ใช่ประเด็น เพราะหากไม่มี ม.112 ก็มีประเด็นอื่นอีก

เมื่อถามถึงกรณีพรรคก้าวไกล บอกว่า พรรคเพื่อไทยมีความกังวล หากพรรคก้าวไกลโหวตให้ สว.บางคนอาจไม่สบายใจ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราบอกแล้วว่าถ้าโหวตให้เราก็ขอบคุณ​และยินดี แต่ถ้าไม่โหวตให้ก็ไม่เป็นไร ถือเป็นเอกสิทธิ์ เพราะตอนนี้เราดำเนินการหาเสียง อย่าถือว่าเราไปกดดัน หากไม่โหวตให้เราเลยก็ได้ เป็นสิ่งที่เราต้องไปแสวงหาความร่วมมือ เป็นการพูดในเงื่อนไขที่สุภาพ และไม่กดดันกัน ถือเป็นสิทธิที่จะเพิ่มหรือลดคะแนนให้กับเรา ก็พูดกันอย่างตรงไปตรงมา ชัดเจนที่สุด ไม่มีอะไรเคลือบแฝง

เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลไม่โหวตสนับสนุนให้ เราก็จะหาคะแนนเสียงจากพรรคร่วมฯ และ สว. เป็นหลักใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกพรรคที่เข้ามาในสภาฯ ตอนนี้ เป็นตัวแทนจากประชาชนที่มีความคิดหลากหลาย เพราะฉะนั้น ถ้าเราเดินหน้าไปได้ ประเทศต้องมีความปรองดอง เพราะฉะนั้น การฟังความคิดของทุกพรรคการเมือง ของทุกกลุ่ม ก็เป็นเรื่องที่ดี และถ้าเป็นรัฐบาลที่ขึ้นมาจากการยอมรับความคิดที่หลากหลาย ก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ไม่ได้บอกว่าจะเอาทุกพรรค ก็อยู่ที่ว่าพรรคไหนจะร่วมกันอย่างไร หรือสังคมได้ความเข้าใจและเห็นว่าการร่วมมือกันไปสู่ทิศทางใดก็จะเป็นคำตอบ

เมื่อถามถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉการเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดินของนายเศรษฐา ทวีสิน จะมีผลต่อการพิจารณาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องของนายเศรษฐา ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเดิม ซึ่งก็ทราบว่าได้มีการแถลงออกมาแล้ว จึงเป็นเรื่องที่นายเศรษฐาและบริษัทต้องไปชี้แจงทำความเข้าใจ แต่สำหรับพรรคเพื่อไทย เมื่อเห็นรายละเอียดต่างๆ แล้ว เราไม่คิดว่ามีปัญหาอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการและกฎหมาย

เมื่อถามถึงกำหนดการเดินทางกลับบ้านของนายทักษิณ ชินวัตร ว่ายังคงเป็นวันที่ 10 สิงหาคม อยู่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ก็เป็นเรื่องของครอบครัว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการเมือง ส่วนนายทักษิณ และครอบครัว จะตัดสินใจอย่างไร ก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ขณะนี้เท่าที่ทราบ เท่าที่ทุกคนรู้ ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง.

ภาพ : ชำนาญวุฒิ สุขุมวานิช

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคตะวันออก ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 […]

ตชด.ลาดตระเวนเข้ม 24 ชม. แนวชายแดนไทย-กัมพูชา

สระแก้ว 29 มิ.ย. – ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ลาดตระเวน ตั้งบังเกอร์ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.โคกสูง เฝ้าระวังพื้นที่ตลอด 24 ชม. หลังมีรายงานกลุ่มชาวกัมพูชาลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืช-สร้างสิ่งปลูกสร้าง ละเมิดข้อตกลง MOU 43 วันนี้ ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 (ตชด.12) จัดกำลังลาดตระเวนแนวชายแดนในพื้นที่เปราะบาง 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโคกสูง และอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังจากมีกรณีข้อพิพาท ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในจุดที่ยังเป็นพื้นที่ข้อพิพาทจากแนวเขตตาม MOU ปี 2543 ซึ่งห้ามทั้งสองประเทศสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรใดๆ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตชด.12 ในการตรวจจุดแนวชายแดน โดยเริ่มจากแนวตะเข็บรอยต่อบริเวณอำเภอโคกสูง ซึ่งติดกับ จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นแนวเขตพื้นที่ที่เรียกว่าดินต่อดิน ซึ่งเป็นแนวกั้นธรรมชาติอย่างชัดเจน ซึ่งจะแตกต่างจากแนวชายแดน อำเภออรัญประเทศ ที่มีคลองธรรมชาติ ซึ่งแนวคลองลึกและจะมีแนวลวดหนามกั้นชัดเจนตลอดทั้งเส้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ เผยว่า บริเวณ อ.โคกสูง มีรายงานว่ากลุ่มชาวกัมพูชา ลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืชหรือสร้างสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ ซึ่งละเมิดข้อตกลง […]

น้องสาว ผกก.โจ้ วอนตำรวจช่วยไขปริศนาการตายของพี่ชาย

กทม. 29 มิ.ย.-น้องสาวอดีตผู้กำกับโจ้ วอนตำรวจช่วยไขปริศนาการเสียชีวิตของพี่ชาย และเร่งทำคดี เพื่อให้ครอบครัวได้รับความเป็นธรรม หลังผ่านมา 4 เดือน คดียังไม่คืบ ส่วนบรรยากาศงานฌาปนกิจวันนี้ เป็นไปด้วยความโศกเศร้า เวลา 15.30 น. พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ นายธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรลักษณ์มหาวิหาร หลังเก็บศพมานานกว่า 4 เดือน บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างโศกเศร้าของบุคคลในครอบครัว ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่น ตลอดจนอดีตผู้บังคับบัญชาอย่างพลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดหรือ ป.ส. และผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าที่สนิทสนม ได้เดินทางมาร่วมในพิธีฌาปนกิจวันนี้ด้วย ขณะที่ นางสาวศรัญญา อุทธนผล อายุ 34 ปี น้องสาวของผู้กำกับโจ้ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีดังกล่าวว่า หลังจากตนพร้อมแฟนสาวของผู้กำกับโจ้ เดินทางยื่นคำร้องขอให้ DSI รับคดีการเสียชีวิตของพี่ชายเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากติดใจสาเหตุการการตายของพี่ชาย จนถึงขณะนี้นาน 4 เดือนแล้ว คดียังไม่คืบหน้า ซึ่งล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม […]

คปท.แถลงยืนข้างกองทัพปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่หนุนรัฐประหาร

กทม. 29 มิ.ย.- คปท. แถลงยืนข้างกองทัพปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่สนับสนุนรัฐประหาร และไม่คิดสนับสนุนรัฐประหารแน่นอน นัดหารือใหญ่ 1 ก.ค.นี้ ยกระดับขับไล่นายกฯ-พรรคร่วม เวลา 14.00 น. นายพิชิต ไชยมงคล พร้อมแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ร่วมแถลงจุดยืน ภายหลังการชุมนุมใหญ่เมื่อวานนี้ แต่ปรากฏว่าการปราศรัยของแกนนำบนเวทีบางคนกลับมีเนื้อหาที่เปิดทางให้กับการรัฐประหาร ทำให้ในวันนี้นายพิชิต ต้องออกมาแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงว่า พรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลกำลังกล่าวหาประชาชนที่ออกมาชุมนุมว่าสนับสนุนรัฐประหาร ทั้งที่ควรจะกดดันให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ยืนยันว่าแนวทางของ คปท. ไม่เคยเรียกร้องให้เกิดการรัฐประหารจากกองทัพใดๆ ทั้งสิ้น แต่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบต่อคำพูด และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และการที่ คปท. ยืนเคียงข้างกองทัพปกป้องอธิปไตยของชาติ ก็ไม่ได้มีความหมายถึงการรัฐประหารแต่อย่างใด ส่วนแนวทางการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ แกนนำ คปท. จะประชุมร่วมกับแกนนำทุกของคน “รวมพลังแผ่นดิน” ในวันอังคารที่ 1 กรกฎาคมนี้ ว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งจะเป็นการยกระดับกิจกรรมหลังวันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป เพื่อทำกิจกรรมให้เข้มข้นขึ้น อาจจะยังไม่ถึงขั้นปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล แต่พื้นที่การชุมนุมก็คงจะใกล้ทำเนียบรัฐบาลมากขึ้น และไม่ใช้พื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว […]