BIG STORY : ไทม์ไลน์สาวใหญ่เมาแล้วขับ ซิ่งเบนซ์ชนแหลก

กทม. 12 ส.ค. – ย้อนเหตุการณ์สาวใหญ่ขับเบนซ์ป้ายแดงเมา เฉี่ยวชนรถแล้วหนี ขอโทษก่อเหตุเพราะเครียดธุรกิจถูกอายัดทรัพย์ ล่าสุดถูกดำเนินคดี 4 ข้อหา


เหตุการณ์ที่ น.ส.วิชาดา วิทยสินธนา อายุ 37 ปี เมาขับเบนซ์ป้ายแดง รุ่น E220d สีดำ ทะเบียน ฐ 0710 กรุงเทพมหานคร เฉี่ยวชนรถหลายคันแล้วหลบหนี จนทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย มีรถยนต์ 2 คัน และจักรยานยนต์อีก 4 คัน เสียหาย

รถเบนซ์คันดังกล่าวเริ่มชนแล้วหนีตั้งแต่เวลา 23.00 น. ขับชนรถของประชาชนบริเวณแยกแคราย จ.นนทบุรี มุ่งหน้าเข้าถนนวิภาวดี-รังสิต ก่อนเลี้ยวเข้าถนนพหลโยธิน จากนั้นมุ่งมายังถนนกำแพงเพชร และสิ้นสุดลงที่ถนนพระราม 6 รวมเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางมีประชาชน อาสาสมัครกู้ภัยและตำรวจพยายามช่วยกันติดตามปิดล้อมและสกัดจับแต่ไม่เป็นผล กระทั่งรถเบนซ์คันดังกล่าวไปชนเข้ากับรถที่จอดอยู่ด้านหน้าบริษัทคงอุดม สภาพด้านหน้ารถเฉี่ยวชนจนพังยับเยิน กระจกด้านหลังถูกทุบจนแตกเสียหาย ระหว่างนั้น นายชัชวาลย์ คงอุดม หรือ “ชัช เตาปูน” ได้ออกมาช่วยเหลือและเจรจาเกลี้ยกล่อมให้คนขับรถเบนซ์ลงมาจากรถและอยู่ในความสงบ


นายชัชวาลย์ บอกว่า เมื่อคืนระหว่างคุยธุระอยู่ในที่พักย่านเตาปูน ช่วง 4 ทุ่ม ได้ยินเสียงดังคล้ายคนทะเลาะกันที่หน้าบ้าน จึงออกไปดู พบรถเบนซ์สภาพพังยับเยินจอดอยู่ และมีกลุ่มคนที่ขับตามมาใช้หมวกกันน็อกพยายามทุบรถ เพื่อให้คนขับลงมาจากรถ ในฐานะที่ตนเป็นเจ้าของบ้าน จึงเข้าไปช่วยเจรจา เมื่อเปิดประตูรถได้ พบ น.ส.วิชาดา สวมชุดเดรสลายดอกสีฟ้า มีแผลแตกเลือดไหลบริเวณคิ้วขวา จึงพยายามเข้าช่วยเกลี้ยกล่อม ระหว่างพูดคุย น.ส.วิชาดา อยู่ในอาการเมาสุรา จึงพยายามพูดคุย “บอกให้หยุดหลบหนี” กระทั่งทราบว่าที่ น.ส.วิชาดา หลบหนีมาบริเวณนี้เนื่องจากพ่อของ น.ส.วิชุดา พักอาศัยอยู่ที่เตาปูนแมนชั่น ตนจึงติดต่อพ่อของ น.ส.วิชาดา จนทราบว่า น.ส.วิชุดา มีอาการเครียดเพราะถูกโกงเงินจากการทำธุรกิจเสียหายนับล้านบาท และเรียนจบบัญชีจากมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐ ส่วนรายละเอียดไม่ทราบว่ารถคันดังกล่าวเริ่มต้นขับรถมาจากที่ใด และมาจอดตรงจุดนี้ได้อย่างไร พร้อมยืนยันไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับครอบครัวผู้ก่อเหตุ เพียงแค่ออกมาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าบ้านของตนเท่านั้น

นายจรัสพงษ์ อนุชาติบุตร อาสาสมัครกู้ภัยวชิรพยาบาล หนึ่งในผู้ที่ไล่ตาม บอกว่า รับแจ้งเหตุดังกล่าวช่วง 23.30 น. จึงนำกำลังเข้าไปช่วยสกัด แต่กลับถูกผู้ก่อเหตุขับชนรถจักรยานยนต์ของตัวเองได้รับความเสียหาย ที่บริเวณแยกสะพานแดง ถนนพระราม 5

นายธีรศักดิ์ ศิลปกิจ อายุ 23 ปี พลเมืองดี หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า รถเบนซ์คันดังกล่าวตั้งใจขับรถไล่ชนโดยไม่ยอมลงมาดูผู้บาดเจ็บและเจรจากับผู้เสียหาย มองว่าหากลงมาดูผู้บาดเจ็บและลงมาพูดคุย เหตุการณ์ก็อาจจะไม่เลวร้ายขนาดนี้ ขณะนั้นจึงตัดสินใจยื่นมือเข้าไปหักพวงมาลัยรถหรูคันดังกล่าวให้พุ่งชนรถอีกคัน เพื่อไม่ให้ขับต่อไปได้ โดยนายธีรศักดิ์ถูกกระจกบาดได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือ


สาวซิ่งเบนซ์ ขอโทษ อ้างเครียดธุรกิจถูกอายัดทรัพย์
ล่าสุดตำรวจคุมตัว น.ส.วิชาดา ไปตรวจร่างกายซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ที่โรงพยาบาลตำรวจ หลังเมื่อคืนตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 257 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ น.ส.วิชาดา และสามี เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจและไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดสะสม มาจากเรื่องที่ถูกคู่ค้าดำเนินคดีจนถูกอายัดทรัพย์สิน ไม่สามารถนำเงินไปบริหารธุรกิจ ทั้งที่ผู้ก่อเหตุคือหุ้นส่วนบริษัท ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้วฐานยักยอกทรัพย์และลักทรัพย์ แต่คู่ค้าก็ไม่ยอมแก้ต่างให้ อีกทั้งปัจจุบันหุ้นส่วนรายนี้ก็ยังไม่ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด

ดำเนินคดี 4 ข้อหา สาวใหญ่ขับเบนซ์ชนแหลก
ด้าน พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ระบุว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้นพบว่า มีอาการเครียดและตกใจ กลัวจะถูกคู่กรณีทำร้ายร่างกายจึงขับรถหลบหนี และเพื่อให้ปราศจากข้อสงสัยเรื่องการเสพยาเสพติด จึงให้ตำรวจส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อดูสารแปลกปลอมในร่างกาย รวมถึงอาการบาดเจ็บอื่นๆ เพื่อนำไปประกอบในสำนวนคดี ส่วนเรื่องที่ถูกคนพยายามสกัดหยุดรถและทำให้รถเสียหาย ต้องสอบถามผู้ต้องหาอีกครั้งว่าจะดำเนินคดีหรือไม่ แต่ขณะนี้จะเน้นไปที่การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาก่อน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในท้องที่อื่น ต้องรอให้ตำรวจในพื้นที่ทำเรื่องมาขออายัดตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ตำรวจยังได้เรียกผู้ได้รับความเสียหายอีก 3-4 คน เข้าให้การเพื่อประกอบการดำเนินคดีเพิ่มเติมภายในวันนี้ เบื้องต้นมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 3 คน ประกอบด้วย ผู้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อมาสด้า 2 สีขาว ซึ่งได้รับบาดเจ็บ ตัวรถเสียหาย เหตุเกิดบริเวณถนนกำแพงเพชร 1 ขาออก มุ่งหน้าแยกรัชโยธิน ตรงห้าแยกลาดพร้าว ผู้เสียหายอีกรายขับขี่รถจักรยานยนต์ ได้รับบาดเจ็บ ตัวรถพังเสียหาย เหตุเกิดบริเวณทางลงสะพานข้ามแยกกำแพงเพชร จากถนนพหลโยธินขาเข้า มุ่งหน้ากำแพงเพชร และผู้เสียหายอีกรายขี่รถจักรยานยนต์ เหตุเกิดบริเวณหน้าธนาคารทหารไทย ถนนพหลโยธิน

น.ส.พิชญา ลากูล เจ้าของรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า 2 สีขาว ทะเบียน กท 9069 ร้อยเอ็ด หนึ่งในผู้เสียหายที่เข้าให้ปากคำกับตำรวจ พร้อมตรวจสอบสภาพรถยนต์ที่ได้รับความเสียหาย เล่าว่า กำลังขับรถมุ่งหน้าแยกรัชโยธิน ตรงห้าแยกลาดพร้าว แขวงจตุจักร เขตจตุจักร เพื่อกลับหอพัก จู่ๆ รถคันนี้ก็พุ่งมาชนท้ายอย่างแรง จนท้ายรถบุบ กระจกหลังแตกละเอียดทั้งหมด ได้รับบาดเจ็บฟกช้ำช่วงขาและเข่า ยอมรับว่าโกรธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตนเพิ่งเรียนจบและได้งานต่างจังหวัด ต้องใช้รถคันนี้ขนของไปทำงานในวันศุกร์นี้ แต่รถกลับมาถูกชน ประกันแจ้งว่าต้องใช้เวลาซ่อมอย่างน้อย 20 วัน แม้ผู้ก่อหตุจะขอโทษและอ้างว่าเครียดก็ตาม แต่ทุกคนก็มีปัญหาเป็นของตัวเอง ไม่ควรทำแบบนี้. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]