เตรียมตรวจ “พลายเอกชัย” เข้าลักษณะ 7 ประการช้างสำคัญหรือไม่

กรุงเทพฯ 22 ส.ค.- ปลัดกระทรวง ทส. เผยกรมอุทยานฯ เป็นคณะทำงานร่วมตรวจรูปพรรณ “พลายเอกชัย” ว่าเข้าลักษณะเป็นช้างสำคัญหรือไม่ โดยคณะทำงานจะเดินทางไปยัง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งเป็นที่ที่เจ้าของนำช้างมาอาศัยอยู่ เพื่อตรวจลักษณะ 7 ประการ


นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเชิญให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ส่งผู้แทนร่วมเป็นคณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้น ตามที่นายธนบดี พรหมสุข ประธานกรรมการศูนย์อนุรักษ์ช้าง อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ในนามของบริษัท ช้างทองคำ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นเจ้าของ “พลายเอกชัย” ชื่อเดิม “พลายบุญยง” แจ้งนายอำเภอวาปีปทุม เพื่อให้รายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่า พลายเอกชัยเป็นช้างสำคัญหรือไม่ โดยกรมการปกครองทำหนังสือแจ้งเจ้าของพลายเอกชัยแล้วว่า คณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้นจะเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 50 บ้านประสบสุข หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยแห้ง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่นำช้างมาอาศัยอยู่ ในวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566 เวลา 14.00 น. จึงขอให้เจ้าของจัดเตรียมช้าง พร้อมควาญช้างผู้ดูแล เอกสารที่เกี่ยวข้องกับช้าง และเอกสารกรรมสิทธิ์ สำหรับให้คณะทำงานฯ ตรวจสอบ

เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งเป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้น ออกหนังสือด่วนที่สุดถึงนายธนบดี พรหมสุข อ้างถึงหนังสือสำนักงานบริษัท ช้างทองคำ (ประเทศไทย) จำกัด ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2561 ที่นายธนบดีแจ้งนายอำเภอวาปีปทุม เพื่อให้รายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบช้างพลายบุญยงว่า เป็นช้างสำคัญตามขั้นตอนและระเบียบของทางราชการ ในการนี้ กรมการปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การตรวจสอบช้างดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนและระเบียบของทางราชการ จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้น โดยคณะทำงานฯ จะเข้าไปตรวจสอบในวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคมนี้


สำหรับคณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้นมี 13 คน ซึ่งอธิบดีกรมการปกครองเป็นประธาน มีผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ นายอำเภอแก่งคอย เป็นคณะทำงาน นอกจากนี้ยังมีนายสมโรจน์ คูกิตติเกษม และนางพัชรพร คูกิตติเกษม ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมของ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ร่วมเป็นคณะทำงาน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญคชศาสตร์ ตลอดจนมีนายสัตวแพทย์ สิทธิเดช มหาสาวังกุล ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งเป็นสัตวแพทย์ผู้ดูแล “พลายศักดิ์สุรินทร์” ในระหว่างขนย้ายกลับประเทศไทย รวมถึงสัตวแพทย์หญิง กิตติยาภรณ์ เอี่ยมสะอาด สัตวแพทย์ของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นคณะทำงานด้วย

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย แถลงว่า ช้าง “พลายเอกชัย” ยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้ชำนาญคชลักษณ์ โดยระบุว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับกรณีศูนย์อนุรักษ์ช้างในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม มีช้างเชือกหนึ่งชื่อ “พลายบุญยง” ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “พลายเอกชัย” โดยผู้ครอบครองช้างได้สังเกตเห็นลักษณะพิเศษแตกต่างจากช้างเชือกอื่น ๆ คือ มีคุณลักษณะเป็นช้างสำคัญ หรือช้างเผือก ตามตำราคชลักษณ์ และได้แจ้งไปยังนายอำเภอวาปีปทุม ในฐานะนายทะเบียนท้องที่ที่ช้างอยู่ ซึ่งนายอำเภอวาปีปทุมได้เข้าทำการตรวจสอบพบว่า มีเอกสารแสดงรูปพรรณช้าง และสุขภาพช้างเบื้องต้นมีสุขภาพดี กินอาหารและน้ำได้ตามปกติ ไม่พบลักษณะภายนอกที่ผิดปกติ และได้รายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เพื่อรายงานมายังกระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ ช้างเชือกดังกล่าวยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้ชำนาญคชลักษณ์ตามกฎหมาย ดังนั้น ผู้ครอบครองช้างต้องไม่ให้ข่าวที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดของสาธารณชน รวมทั้งต้องไม่เคลื่อนย้ายช้างออกนอกพื้นที่จังหวัดที่จะเป็นการทรมานช้าง อันอาจเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ในการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายช้างสำคัญ ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องของการพิสูจน์ลักษณะช้าง รวมถึงการเคลื่อนย้ายช้าง เพื่อไม่เป็นการทรมานช้าง


สำหรับคำว่า “ช้างสำคัญ” ตามพระราชบัญญัติสำหรับรักษาช้างป่า พระพุทธศักราช 2464 หมายถึง ช้างที่มีมงคลลักษณะ 7 ประการ คือ ตาขาว เพดานขาว เล็บขาว ขนขาว พื้นหนังขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่ ขนหางขาว และอัณฑโคตร์ขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่ ซึ่งผู้ใดที่มีช้างสำคัญ หรือช้างสีปลาด หรือช้างเนียม ต้องนำขึ้นถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และช้างดังกล่าวจะเป็นสมบัติของแผ่นดิน โดยมีขั้นตอนการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย 7 ขั้นตอน คือ 1) เจ้าของช้างต้องทำหนังสือไปยังนายอำเภอ ว่าสงสัยว่าช้างของตนเองอาจเป็นช้างสำคัญ (ช้างที่เลี้ยงไว้หรือเป็นช้างป่า) ซึ่งมีลักษณะเป็นมงคลตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย 2) นายอำเภอรายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อมีหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย 3) กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้งสำนักพระราชวัง เพื่อขอผู้ชำนาญคชลักษณ์ไปตรวจรูปพรรณช้าง และรายงานเลขาธิการพระราชวัง 4) การตรวจคชลักษณ์เป็นหน้าที่ของผู้ชำนาญคชลักษณ์ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเท่านั้น 5) เลขาธิการพระราชวังกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยและแจ้งมายังกระทรวงมหาดไทยเพื่อดำเนินการต่อไป 6) สำนักพระราชวังและกระทรวงมหาดไทย พิจารณาร่วมกันในการกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับการน้อมเกล้าฯ ถวาย และพระราชพิธีขึ้นระวางสมโภชช้างสำคัญ และ 7) เมื่อกระทำพระราชพิธีขึ้นระวางสมโภชช้างสำคัญแล้ว จึงจะนำช้างเข้ายืนโรงในโรงช้างต้น

หากประชาชนพบเห็นช้างที่มีลักษณะมงคลขั้นต้น 7 ประการ ที่อาจเข้าข่ายเป็นช้างสำคัญหรือช้างเผือก คือ ตาขาว เพดานขาว เล็บขาว ขนขาว พื้นหนังขาวหรือสีคล้ายหม้อใหม่ ขนหางขาว และอัณฑโคตร์ขาวหรือสีคล้ายหม้อใหม่ สามารถแจ้งไปยังนายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เข้าทำการตรวจสอบเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายลักษณะช้างต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้