เตรียมตรวจ “พลายเอกชัย” เข้าลักษณะ 7 ประการช้างสำคัญหรือไม่

กรุงเทพฯ 22 ส.ค.- ปลัดกระทรวง ทส. เผยกรมอุทยานฯ เป็นคณะทำงานร่วมตรวจรูปพรรณ “พลายเอกชัย” ว่าเข้าลักษณะเป็นช้างสำคัญหรือไม่ โดยคณะทำงานจะเดินทางไปยัง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งเป็นที่ที่เจ้าของนำช้างมาอาศัยอยู่ เพื่อตรวจลักษณะ 7 ประการ


นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเชิญให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ส่งผู้แทนร่วมเป็นคณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้น ตามที่นายธนบดี พรหมสุข ประธานกรรมการศูนย์อนุรักษ์ช้าง อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ในนามของบริษัท ช้างทองคำ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นเจ้าของ “พลายเอกชัย” ชื่อเดิม “พลายบุญยง” แจ้งนายอำเภอวาปีปทุม เพื่อให้รายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่า พลายเอกชัยเป็นช้างสำคัญหรือไม่ โดยกรมการปกครองทำหนังสือแจ้งเจ้าของพลายเอกชัยแล้วว่า คณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้นจะเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 50 บ้านประสบสุข หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยแห้ง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่นำช้างมาอาศัยอยู่ ในวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566 เวลา 14.00 น. จึงขอให้เจ้าของจัดเตรียมช้าง พร้อมควาญช้างผู้ดูแล เอกสารที่เกี่ยวข้องกับช้าง และเอกสารกรรมสิทธิ์ สำหรับให้คณะทำงานฯ ตรวจสอบ

เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งเป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้น ออกหนังสือด่วนที่สุดถึงนายธนบดี พรหมสุข อ้างถึงหนังสือสำนักงานบริษัท ช้างทองคำ (ประเทศไทย) จำกัด ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2561 ที่นายธนบดีแจ้งนายอำเภอวาปีปทุม เพื่อให้รายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบช้างพลายบุญยงว่า เป็นช้างสำคัญตามขั้นตอนและระเบียบของทางราชการ ในการนี้ กรมการปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การตรวจสอบช้างดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนและระเบียบของทางราชการ จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้น โดยคณะทำงานฯ จะเข้าไปตรวจสอบในวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคมนี้


สำหรับคณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้นมี 13 คน ซึ่งอธิบดีกรมการปกครองเป็นประธาน มีผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ นายอำเภอแก่งคอย เป็นคณะทำงาน นอกจากนี้ยังมีนายสมโรจน์ คูกิตติเกษม และนางพัชรพร คูกิตติเกษม ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมของ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ร่วมเป็นคณะทำงาน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญคชศาสตร์ ตลอดจนมีนายสัตวแพทย์ สิทธิเดช มหาสาวังกุล ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งเป็นสัตวแพทย์ผู้ดูแล “พลายศักดิ์สุรินทร์” ในระหว่างขนย้ายกลับประเทศไทย รวมถึงสัตวแพทย์หญิง กิตติยาภรณ์ เอี่ยมสะอาด สัตวแพทย์ของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นคณะทำงานด้วย

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย แถลงว่า ช้าง “พลายเอกชัย” ยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้ชำนาญคชลักษณ์ โดยระบุว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับกรณีศูนย์อนุรักษ์ช้างในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม มีช้างเชือกหนึ่งชื่อ “พลายบุญยง” ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “พลายเอกชัย” โดยผู้ครอบครองช้างได้สังเกตเห็นลักษณะพิเศษแตกต่างจากช้างเชือกอื่น ๆ คือ มีคุณลักษณะเป็นช้างสำคัญ หรือช้างเผือก ตามตำราคชลักษณ์ และได้แจ้งไปยังนายอำเภอวาปีปทุม ในฐานะนายทะเบียนท้องที่ที่ช้างอยู่ ซึ่งนายอำเภอวาปีปทุมได้เข้าทำการตรวจสอบพบว่า มีเอกสารแสดงรูปพรรณช้าง และสุขภาพช้างเบื้องต้นมีสุขภาพดี กินอาหารและน้ำได้ตามปกติ ไม่พบลักษณะภายนอกที่ผิดปกติ และได้รายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เพื่อรายงานมายังกระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ ช้างเชือกดังกล่าวยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้ชำนาญคชลักษณ์ตามกฎหมาย ดังนั้น ผู้ครอบครองช้างต้องไม่ให้ข่าวที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดของสาธารณชน รวมทั้งต้องไม่เคลื่อนย้ายช้างออกนอกพื้นที่จังหวัดที่จะเป็นการทรมานช้าง อันอาจเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ในการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายช้างสำคัญ ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องของการพิสูจน์ลักษณะช้าง รวมถึงการเคลื่อนย้ายช้าง เพื่อไม่เป็นการทรมานช้าง


สำหรับคำว่า “ช้างสำคัญ” ตามพระราชบัญญัติสำหรับรักษาช้างป่า พระพุทธศักราช 2464 หมายถึง ช้างที่มีมงคลลักษณะ 7 ประการ คือ ตาขาว เพดานขาว เล็บขาว ขนขาว พื้นหนังขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่ ขนหางขาว และอัณฑโคตร์ขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่ ซึ่งผู้ใดที่มีช้างสำคัญ หรือช้างสีปลาด หรือช้างเนียม ต้องนำขึ้นถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และช้างดังกล่าวจะเป็นสมบัติของแผ่นดิน โดยมีขั้นตอนการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย 7 ขั้นตอน คือ 1) เจ้าของช้างต้องทำหนังสือไปยังนายอำเภอ ว่าสงสัยว่าช้างของตนเองอาจเป็นช้างสำคัญ (ช้างที่เลี้ยงไว้หรือเป็นช้างป่า) ซึ่งมีลักษณะเป็นมงคลตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย 2) นายอำเภอรายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อมีหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย 3) กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้งสำนักพระราชวัง เพื่อขอผู้ชำนาญคชลักษณ์ไปตรวจรูปพรรณช้าง และรายงานเลขาธิการพระราชวัง 4) การตรวจคชลักษณ์เป็นหน้าที่ของผู้ชำนาญคชลักษณ์ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเท่านั้น 5) เลขาธิการพระราชวังกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยและแจ้งมายังกระทรวงมหาดไทยเพื่อดำเนินการต่อไป 6) สำนักพระราชวังและกระทรวงมหาดไทย พิจารณาร่วมกันในการกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับการน้อมเกล้าฯ ถวาย และพระราชพิธีขึ้นระวางสมโภชช้างสำคัญ และ 7) เมื่อกระทำพระราชพิธีขึ้นระวางสมโภชช้างสำคัญแล้ว จึงจะนำช้างเข้ายืนโรงในโรงช้างต้น

หากประชาชนพบเห็นช้างที่มีลักษณะมงคลขั้นต้น 7 ประการ ที่อาจเข้าข่ายเป็นช้างสำคัญหรือช้างเผือก คือ ตาขาว เพดานขาว เล็บขาว ขนขาว พื้นหนังขาวหรือสีคล้ายหม้อใหม่ ขนหางขาว และอัณฑโคตร์ขาวหรือสีคล้ายหม้อใหม่ สามารถแจ้งไปยังนายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เข้าทำการตรวจสอบเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายลักษณะช้างต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]