เตรียมตรวจ “พลายเอกชัย” เข้าลักษณะ 7 ประการช้างสำคัญหรือไม่

กรุงเทพฯ 22 ส.ค.- ปลัดกระทรวง ทส. เผยกรมอุทยานฯ เป็นคณะทำงานร่วมตรวจรูปพรรณ “พลายเอกชัย” ว่าเข้าลักษณะเป็นช้างสำคัญหรือไม่ โดยคณะทำงานจะเดินทางไปยัง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งเป็นที่ที่เจ้าของนำช้างมาอาศัยอยู่ เพื่อตรวจลักษณะ 7 ประการ


นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเชิญให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ส่งผู้แทนร่วมเป็นคณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้น ตามที่นายธนบดี พรหมสุข ประธานกรรมการศูนย์อนุรักษ์ช้าง อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ในนามของบริษัท ช้างทองคำ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นเจ้าของ “พลายเอกชัย” ชื่อเดิม “พลายบุญยง” แจ้งนายอำเภอวาปีปทุม เพื่อให้รายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่า พลายเอกชัยเป็นช้างสำคัญหรือไม่ โดยกรมการปกครองทำหนังสือแจ้งเจ้าของพลายเอกชัยแล้วว่า คณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้นจะเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 50 บ้านประสบสุข หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยแห้ง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่นำช้างมาอาศัยอยู่ ในวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566 เวลา 14.00 น. จึงขอให้เจ้าของจัดเตรียมช้าง พร้อมควาญช้างผู้ดูแล เอกสารที่เกี่ยวข้องกับช้าง และเอกสารกรรมสิทธิ์ สำหรับให้คณะทำงานฯ ตรวจสอบ

เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งเป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้น ออกหนังสือด่วนที่สุดถึงนายธนบดี พรหมสุข อ้างถึงหนังสือสำนักงานบริษัท ช้างทองคำ (ประเทศไทย) จำกัด ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2561 ที่นายธนบดีแจ้งนายอำเภอวาปีปทุม เพื่อให้รายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบช้างพลายบุญยงว่า เป็นช้างสำคัญตามขั้นตอนและระเบียบของทางราชการ ในการนี้ กรมการปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การตรวจสอบช้างดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนและระเบียบของทางราชการ จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้น โดยคณะทำงานฯ จะเข้าไปตรวจสอบในวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคมนี้


สำหรับคณะทำงานตรวจสอบลักษณะช้างสำคัญเบื้องต้นมี 13 คน ซึ่งอธิบดีกรมการปกครองเป็นประธาน มีผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ นายอำเภอแก่งคอย เป็นคณะทำงาน นอกจากนี้ยังมีนายสมโรจน์ คูกิตติเกษม และนางพัชรพร คูกิตติเกษม ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมของ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ร่วมเป็นคณะทำงาน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญคชศาสตร์ ตลอดจนมีนายสัตวแพทย์ สิทธิเดช มหาสาวังกุล ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งเป็นสัตวแพทย์ผู้ดูแล “พลายศักดิ์สุรินทร์” ในระหว่างขนย้ายกลับประเทศไทย รวมถึงสัตวแพทย์หญิง กิตติยาภรณ์ เอี่ยมสะอาด สัตวแพทย์ของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นคณะทำงานด้วย

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย แถลงว่า ช้าง “พลายเอกชัย” ยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้ชำนาญคชลักษณ์ โดยระบุว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับกรณีศูนย์อนุรักษ์ช้างในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม มีช้างเชือกหนึ่งชื่อ “พลายบุญยง” ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “พลายเอกชัย” โดยผู้ครอบครองช้างได้สังเกตเห็นลักษณะพิเศษแตกต่างจากช้างเชือกอื่น ๆ คือ มีคุณลักษณะเป็นช้างสำคัญ หรือช้างเผือก ตามตำราคชลักษณ์ และได้แจ้งไปยังนายอำเภอวาปีปทุม ในฐานะนายทะเบียนท้องที่ที่ช้างอยู่ ซึ่งนายอำเภอวาปีปทุมได้เข้าทำการตรวจสอบพบว่า มีเอกสารแสดงรูปพรรณช้าง และสุขภาพช้างเบื้องต้นมีสุขภาพดี กินอาหารและน้ำได้ตามปกติ ไม่พบลักษณะภายนอกที่ผิดปกติ และได้รายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เพื่อรายงานมายังกระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ ช้างเชือกดังกล่าวยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้ชำนาญคชลักษณ์ตามกฎหมาย ดังนั้น ผู้ครอบครองช้างต้องไม่ให้ข่าวที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดของสาธารณชน รวมทั้งต้องไม่เคลื่อนย้ายช้างออกนอกพื้นที่จังหวัดที่จะเป็นการทรมานช้าง อันอาจเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ในการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายช้างสำคัญ ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องของการพิสูจน์ลักษณะช้าง รวมถึงการเคลื่อนย้ายช้าง เพื่อไม่เป็นการทรมานช้าง


สำหรับคำว่า “ช้างสำคัญ” ตามพระราชบัญญัติสำหรับรักษาช้างป่า พระพุทธศักราช 2464 หมายถึง ช้างที่มีมงคลลักษณะ 7 ประการ คือ ตาขาว เพดานขาว เล็บขาว ขนขาว พื้นหนังขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่ ขนหางขาว และอัณฑโคตร์ขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่ ซึ่งผู้ใดที่มีช้างสำคัญ หรือช้างสีปลาด หรือช้างเนียม ต้องนำขึ้นถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และช้างดังกล่าวจะเป็นสมบัติของแผ่นดิน โดยมีขั้นตอนการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย 7 ขั้นตอน คือ 1) เจ้าของช้างต้องทำหนังสือไปยังนายอำเภอ ว่าสงสัยว่าช้างของตนเองอาจเป็นช้างสำคัญ (ช้างที่เลี้ยงไว้หรือเป็นช้างป่า) ซึ่งมีลักษณะเป็นมงคลตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย 2) นายอำเภอรายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อมีหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย 3) กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้งสำนักพระราชวัง เพื่อขอผู้ชำนาญคชลักษณ์ไปตรวจรูปพรรณช้าง และรายงานเลขาธิการพระราชวัง 4) การตรวจคชลักษณ์เป็นหน้าที่ของผู้ชำนาญคชลักษณ์ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเท่านั้น 5) เลขาธิการพระราชวังกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยและแจ้งมายังกระทรวงมหาดไทยเพื่อดำเนินการต่อไป 6) สำนักพระราชวังและกระทรวงมหาดไทย พิจารณาร่วมกันในการกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับการน้อมเกล้าฯ ถวาย และพระราชพิธีขึ้นระวางสมโภชช้างสำคัญ และ 7) เมื่อกระทำพระราชพิธีขึ้นระวางสมโภชช้างสำคัญแล้ว จึงจะนำช้างเข้ายืนโรงในโรงช้างต้น

หากประชาชนพบเห็นช้างที่มีลักษณะมงคลขั้นต้น 7 ประการ ที่อาจเข้าข่ายเป็นช้างสำคัญหรือช้างเผือก คือ ตาขาว เพดานขาว เล็บขาว ขนขาว พื้นหนังขาวหรือสีคล้ายหม้อใหม่ ขนหางขาว และอัณฑโคตร์ขาวหรือสีคล้ายหม้อใหม่ สามารถแจ้งไปยังนายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เข้าทำการตรวจสอบเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายลักษณะช้างต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม