“พลายประตูผา” ไม่ร่วมขบวนแห่พระธาตุปีนี้ เหตุยังตกมัน

โคลัมโบ 14 ส.ค.- ทูตไทยเยี่ยม “พลายประตูผา” พบยังตกมัน เป็นเหตุไม่ได้เข้าร่วมขบวนแห่พระธาตุเขี้ยวแก้วประจำปีนี้ โดยจะเร่งหารือเพื่อสนับสนุนการปรับสภาพความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น เดินหน้าประสานความร่วมมือระหว่างประเทศต่อเนื่อง


นายพจน์ หาญพล เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโคลัมโบไปเยี่ยม “พลายประตูผา” หรือ Thai Raja ที่วัดสุธุฮุมโปลลา (Suduhumpola) เมืองแคนดี ซึ่งเป็นสถานที่ที่วัดพระธาตุเขี้ยวแก้วนำมาแยกดูแลเชือกเดียวในช่วงที่ตกมัน โดยวัดสุธุฮุมโปลลาอยู่ห่างจากวัดพระธาตุเขียวแก้วประมาณ 2.5 กิโลเมตร

สำหรับสภาพทั่วไปของ “พลายประตูผา” เท่าที่เห็นภายนอก สมบูรณ์ดี  มีควาญหลักและควาญสำรองรวม 2 คนดูแล


ขณะนี้เป็นที่แน่ชัดว่า จะไม่ได้เข้าร่วมขบวนแห่ Esala Perahera 21-31 August 2023 เนื่องจากยังอยู่ระหว่างตกมัน

ควาญผูกตรึง 3 ขาของช้าง โดยขาหลังคล้องโซ่สั้นที่หุ้มด้วยยาง แล้วผูกไว้กับต้นไม้ ส่วนขาหน้าทั้ง 2 ข้างคล้องโซ่ยาว แล้วผูกไว้กับต้นไม้ ซึ่งการผูกค่อนข้างตึงพอควร

เมื่อถามควาญ ได้ความว่า ช้างสามารถล้มตัวลงนอนได้ แต่สาเหตุที่ไม่ผ่อนโซ่ให้ยาวกว่านี้ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้ช้างเอี้ยวตัวแล้วแว้งมาทำร้ายได้


ก่อนหน้านี้เอกอัครราชทูตไทยได้แจ้งแก่ไวยาวัจกรของวัดพระธาตุเขี้ยวแก้วแล้วว่า เมื่อช้างหายจากอาการตกมัน หวังว่า จะผ่อนโซ่ให้ช้างมีความเป็นอยู่ประจำวันอย่างธรรมชาติ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยอยู่ รวมถึงเน้นย้ำถึงความสำคัญในการปรับปรุงสภาพพื้นที่ ภูมิทัศน์ และส่วนประกอบอื่นๆ ในบริเวณด้วยเช่น แหล่งน้ำ ถังน้ำให้ดีขึ้นด้วย โดยในอนาคตจะร่วมกันผลักดันให้สภาพความเป็นอยู่และการดูแล “พลายประตูผา” ดียิ่งขึ้นต่อไป

ส่วนความก้าวหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันในด้านการดูแลรักษาพยาบาลช้าง รวมถึงการพัฒนาบุคลากรในสาขานี้ในอนาคต กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคลัมโบเชิญสัตวแพทย์ 2 คน พร้อมทั้งภัณฑารักษ์ (หัวหน้าควาญ) ซึ่งดูแลรักษา “พลายศักดิ์สุรินทร์” โดยตลอดในช่วงที่พักพิงชั่วคราวที่สวนสัตว์เดฮิวาลา (Dehiwala) เดินทางมายังประเทศไทยประมาณต้นเดือนกันยายน

การเดินทางมาสัตวแพทย์และหัวหน้าควาญจะเป็นประโยชน์ต่อ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างเต็มรูปแบบในโรงพยาบาลช้าง จังหวัดลำปาง โดยสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้แจ้งว่า ในการรักษา “พลายศักดิ์สุรินทร์” นั้น สัตวแพทย์จะต้องคำนึงถึงลักษณะนิสัยช้าง พฤติกรรม และสุขภาพทั่วไปได้แก่ การกิน การดื่ม การขับถ่าย การนอน และ กิจวัตรประจำวัน ร่วมกับความเจ็บป่วยต่างๆ รวมถึงสุขภาพจิตด้วย ดังนั้นสัตวแพทย์และหัวหน้าควาญของสวนสัตว์เดฮิวาลาซึ่งดูแลช้างมานานกว่า 6 เดือนจะได้ร่วมสังเกตการณ์และให้ความเห็นจากประสบการณ์ตรงในการดูแลรักษาด้วย

นอกจากนี้ยังจะได้พูดคุยเพื่อเตรียมการสำหรับการที่คณะผู้แทนไทยจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเดินทางไปหารือกับกรมการสวนสัตว์แห่งชาติ (National Zoological Department) และมหาวิทยาลัย Peradeniya ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีคณะสัตวแพทยศาสตร์เพียงแพ่งเดียวในศรีลังกาเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับศรีลังกาในด้านองค์ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงช้างต่อไป

สำหรับพิธีแห่พระธาตุเขี้ยวแก้ว (Esala Perahera) เป็นประเพณีที่เก่าแก่และสำคัญของศรีลังกา เริ่มครั้งแรกในสมัยพระเจ้าสิริเมฆวรรณแห่งอาณาจักรอนุราธปุระ ประมาณปี พ.ศ. 853 ต่อมาในปี พ.ศ. 2371 (ค.ศ. 1828) ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษปกครองศรีลังกา ได้มีการรื้อฟื้นประเพณีการแห่พระธาตุเขี้ยวแก้วเป็นประจำทุกปีจวบจนถึงปัจจุบัน

“พระธาตุเขี้ยวแก้ว” คือ พระทันตธาตุพระทันต์ธาตุเบื้องต่ำขวาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของศรีลังกา ประดิษฐานที่วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว (Sri Dalada Maligawa) เมืองแคนดี (Kandy)

“วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว” เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท (สยามวงศ์) สร้างโดยพระเจ้าวิมลธรรมสุริยะที่ 1 พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์สุดท้ายของประเทศศรีลังกา ในปี พ.ศ. 2138 โดยตัววัดตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังโบราณ เนื่องจากความเชื่อของชาวสิงหลที่ว่า ผู้ที่รักษาพระเขี้ยวแก้วไว้ย่อมมีสิทธิชอบธรรมในการปกครองอาณาจักร ปัจจุบันวัดพระธาตุเขี้ยวแก้วได้รับขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก 

ในพิธีแห่พระธาตุเขี้ยวแก้วจะอัญเชิญพระธาตุเขี้ยวแก้วมาแห่เพื่อขอฝน ในขบวนแห่ประกอบด้วย ขบวนช้าง ขบวนเต้นรำ KANDYDANCE และขบวนกลอง ซึ่งมีการประดับประดาอย่างสวยงามตระการตา โดยขบวนเคลื่อนออกจากวัดพระธาตุเขี้ยวแก้วตอนหัวค่ำ เดินไปตามเส้นทางในตัวเมืองแคนดีเพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสสักการะบูชาพระธาตุเขี้ยวแก้วโดยทั่วกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]