ตร.จ่อแจ้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่าเพิ่มหนุ่มทำร้ายไรเดอร์

ทำร้ายไรเดอร์

สน.หัวหมาก 30 ม.ค. – ผกก.สน.หัวหมาก เผยเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม หลังไรเดอร์แจ้งเอาผิดข้อหาพยายามฆ่า พบอาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้องทั้ง 5 กระบอก เป็นชื่อผู้ก่อเหตุ 1 กระบอก เร่งหาชื่อผู้ครอบครองที่เหลือ เบื้องต้นไม่พบสารเสพติด ด้านไรเดอร์เผยเอาผิดถึงที่สุด กังวลหากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว


พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยความคืบหน้าทางคดี ว่า ยังไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวน เนื่องจากยังสอบปากคำไม่เสร็จสิ้น เพราะตำรวจยังคงมีบางประเด็นที่จะต้องสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม และยังอยู่ในอำนาจการควบคุมตัวของตำรวจ 48 ชั่วโมง ทั้งนี้ ครอบครัวของผู้ต้องหายื่นประกันตัวมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก 70,000 บาท ครั้งที่สอง 100,000 บาท ขณะนี้ยังคงแจ้ง 3 ข้อหาเหมือนเดิม คือ ข้อหาทำร้ายผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย, กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น, ยิงปืนโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ และพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อหาพยายามฆ่า หลังไรเดอร์ผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติม และได้มีการแจ้งข้อหากับคนขับรถของผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวแต่ในชั้นจับกุมคนขับรถให้การปฏิเสธ ส่วนผู้ต้องหาในการสอบปากคำเบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นจับกุม แต่ว่าในชั้นสอบสวนยังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหา

พ.ต.อ.พรทวี กล่าวว่า จากการตรวจสอบอาวุธปืนทั้ง 5 กระบอก พบว่ามีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทุกกระบอก โดยมีหนึ่งกระบอกที่มีชื่อของผู้ต้องหาเป็นผู้ครอบครอง ผู้ต้องหาเองนั้นก็มีใบอนุญาตที่ถูกต้องแต่มีเพียงแค่ 1 กระบอกเท่านั้น หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะต้องไปตรวจสอบอีก 4 กระบอกว่าใครเป็นผู้ครอบครอง และครอบครองถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เบื้องต้นผู้ต้องหาอาจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ในข้อหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต


เมื่อถามว่ามีการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ต้องหาแล้วหรือไม่ ผกก.สน.หัวหมาก ระบุว่า ในการก่อเหตุผู้ต้องหาไม่ได้ขับรถ จึงไม่ได้วัดปริมาณแอลกอฮอล์แต่ขณะเข้าจับกุมพบว่าผู้ต้องหาอยู่ในอาการมึนเมา และจากการสอบปากคำผู้ต้องหาก็ยอมรับว่าได้ดื่มสุราจริงตั้งแต่ตีห้าของวันที่เกิดเหตุ เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ต้องหา พบว่าเคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 4-5 ปีก่อน และตำรวจยังตรวจหาสารเสพติดในร่างกายผู้ต้องหาแต่ไม่พบ

พ.ต.อ.พรทวี กล่าวว่า ผู้ต้องหายังให้การไม่ละเอียด เบื้องต้นให้การว่ามีคนขี่รถจักรยานยนต์มาวนเวียนที่บริเวณหน้าบ้านหลายวัน ทำให้วันที่เกิดเหตุเข้าใจว่าไรเดอร์คนดังกล่าวคือคนที่ขี่รถจักรยานยนต์มาวนเวียนที่หน้าบ้านจึงบันดาลโทสะ และเมาสุราจึงก่อเหตุขึ้น ทั้งนี้ผู้ต้องหานั้นมีความเครียดสะสมมาหลายวันเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจโดยประกอบธุรกิจส่วนตัวจึงได้มีการดื่มสุรา แต่ผู้ก่อเหตุให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่โดยการให้เข้าไปตรวจภายในบ้าน ตำรวจจึงประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ อาวุธปืน รวมถึงกล้องวงจรปิดภายในบ้าน

พ.ต.อ.พรทวี กล่าวว่า วันนี้ได้มีการเรียกไรเดอร์ผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมประเด็นการส่งพัสดุว่าใครเป็นคนสั่งมาให้มารับออเดอร์ที่บ้านของผู้ต้องหาเพื่อให้คลายข้อสงสัยในทุกประเด็น เบื้องต้นผู้หญิงที่มีการจ้างงานให้กับผู้เสียหายนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นใคร


เมื่อถามว่าผู้หญิงที่เรียกไปรับพัสดุนั้นเป็นบุคคลในบ้านหรือไม่ ผกก.สน.หัวหมาก ระบุว่า ไม่ใช่บุคคลในบ้าน เพราะบ้านหลังดังกล่าวอยู่กันเพียงแค่ 2 คน คือแม่และตัวผู้ต้องหา รวมถึงทราบมาว่าผู้ต้องหานั้นมีการเลิกรากับแฟนสาวไปแล้วหลายปี

ต่อมาเวลา 13.10 น. นายอุทิตย์ อายุ 46 ปี ผู้เสียหาย เดินทางที่ สน.หัวหมาก เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยทางพนักงานสอบสวนได้นัดมาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม นายอุทิตย์ได้เล่าเหตุการณ์ในวันที่เกิดเหตุว่า ได้รับออเดอร์ขณะที่อยู่คอนโดแห่งหนึ่งจึงไปรับออเดอร์ในซอยพระราม 9 ซอย 35 เมื่อไปถึงในซอยดังกล่าว ส่วนตัวไม่ทราบว่าบ้านลูกค้าคือหลังไหนจึงได้โทรไปสอบถามกับลูกค้าเพิ่มเติม โดยทางด้านลูกค้าได้ถามกลับมาว่าบ้านหลังดังกล่าวมีรถยี่ห้ออะไรอยู่บ้าง แต่ขณะที่กำลังอธิบายอยู่นั้นผู้ต้องหาได้ออกจากบ้านมาพอดี ขับรถเลยไปก่อนที่จะขับวนกลับมา ก่อนเข้าไปทำร้ายร่างกายภายในบ้านพัก ตอนแรกผู้ต้องหาถามกับตนว่า “เป็นสายมาสืบหรือเปล่า” ตัวเองจึงปฏิเสธ พร้อมเอาโทรศัพท์มาโชว์กับผู้ต้องหาว่ามารับออเดอร์จริงๆ แต่ผู้ต้องหาไม่รับฟังพร้อมพูดว่า “ รู้ไหมว่ากูเป็นใคร” ก่อนจะนำอาวุธมาข่มขู่ และลากตนเข้าไปในบ้าน โดยหยิบปืนทีละกระบอกมาโชว์ และนำปืนมาทั้งทุบทั้งตีที่ร่างกายของตน พร้อมยิงปืนออกไปที่ประตู 1 นัด ไม่แน่ใจว่าผู้ต้องหาต้องการยิงขู่หรือไม่ แต่ทางตำรวจได้มีการตรวจสอบปืนกระบอกดังกล่าวพบว่ามี ยังมีลูกกระสุนปืนคาอยู่ในลำกล้องปืนอีก 1 นัด ซึ่งตอนที่ผู้ต้องหานำปืนมาจ่อศีรษะตนนั้นไม่รู้ว่าเขายิงมาแล้วแต่ปืนมันด้านหรือไม่ แต่ถ้าในวันที่เกิดเหตุถ้าถูกยิงขึ้นมาจริงๆ ก็คงตายอยู่ในนั้น

นายอุทิตย์ ยังเล่าว่าในระหว่างที่ผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายอยู่นั้น ลูกค้าที่เป็นผู้หญิงปลายสายนั้นก็ยังคงโทรศัพท์อยู่และพยายามขอคุยกับผู้ต้องหาแต่ผู้ต้องหานั้น ไม่คุยพร้อมทำร้ายร่างกายตนต่อ แม้จะพยายามกราบร้องขอชีวิตแต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้ได้รับบาดเจ็บหนักทั้งร่างกายแขนซ้ายหักจนผิดรูป ส่งผลทำให้ไม่สามารถทำงานได้ 15 วัน และจะต้องทำการผ่าตัดที่ รพ.ในสังกัด ทำให้ไม่สามารถทำงานได้และขาดรายได้ ทั้งที่มีภาระในการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ถึงแม้จะไม่มีลูกแต่ก็ต้องมีภาระที่ต้องใช้จ่าย ยอมรับว่าเป็นกังวลในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล จึงอยากจะดำเนินคดีในถึงที่สุด แม้ผู้ต้องหา คนขับรถ และผู้หญิงที่เป็นลูกค้า ก็จะไม่ให้อภัยต่อให้ก้มกราบก็ตาม ตนยังได้สอบถามผู้หญิงที่เป็นลูกค้าว่าเรียกตนมาให้ถูกทำร้ายหรือไม่ แต่ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ไม่ตอบและตัดสายทิ้งไป นายอุทิตย์ยังบอกอีกว่าขณะที่ผู้หญิงคนดังกล่าวอยู่ในสายตอนที่ตัวเองโดนทำร้ายร่างกายก็พยายามที่จะขอคุยแต่กับผู้ชายผู้ก่อเหตุเพียงอย่างเดียว

นายอุทิตย์ ยืนยันว่า ไม่รู้จักทั้งลูกค้าที่เป็นผู้หญิงและผู้ต้องหารับออเดอร์ที่บ้านหลังดังกล่าวนั้นเป็นการมาครั้งแรก พร้อมบอกว่าอยากให้ทุกคนเห็นภาพกล้องวงจรปิดขณะที่ถูกทำร้ายร่างกาย อยากให้รู้ว่าตอนนั้นตัวเองถูกกระทำอะไรบ้าง จำได้ว่าถูกทำร้ายนานกว่าครึ่งชั่วโมง ส่วนในทางคดีอยากจะให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และไม่อยากให้ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว ยอมรับว่าถ้าผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวก็จะกังวล เพราะผู้ต้องหาเป็นคนมีฐานะ ส่วนตัวไม่มีอะไรไปสู้ อีกทั้งยังไม่รู้กฎหมายมีเพียงแค่ตำรวจกับสื่อมวลชนที่จะช่วยได้เท่านั้น ในส่วนของค่าเสียหายก็ให้ทางตำรวจเป็นผู้ดำเนินการแทน. -419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]