นนทบุรี 27 ก.พ.-ผบช.ภ.1 เผยนำโทรศัพท์มือถือกลุ่มเพื่อน “แตงโม” ไปตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง พร้อมนำพยานที่มีพิรุธเข้าเครื่องจับเท็จ ทุกอย่างพิสูจน์ได้ด้วยพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
พลตำรวจโทจิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 เปิดเผยว่า ตำรวจสอบปากคำไปแล้วทั้งหมด 8 ปาก ประกอบด้วย 5 คนที่อยู่บนเรือ อีก 2 คน ที่เป็นเจ้าของอู่เรือ และผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 1 คน ส่วนแนวทางการสืบสวนได้ตั้งประเด็นไว้ ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง โดยวันนี้ตำรวจได้เชิญตัว อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม และ วิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน ผู้ที่อยู่บนเรือ มาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งแนวทางการสอบสวนทุกคนที่มาให้ปากคำก็จะเป็นพยานหลักฐานที่ใช้ในการสอบสวนต่อไปในทางคดี พยานต่างๆ ที่เป็นพยานบุคคลที่ได้สอบปากคำ ได้สอบไปตามที่เขาได้ให้ปากคำ ซึ่งเขาจะให้ปากคำอย่างไรก็ได้ ส่วนประเด็นที่สื่อมวลชนหรือสังคมสงสัยทางตำรวจก็ไม่ได้ทิ้งประเด็น
พลตำรวจโท จิรพัฒน์ กล่าวว่า พยานบุคคลคนไหนที่ฟังแล้วยังไม่มีน้ำหนักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ประสานกับกองพิสูจน์หลักฐานเอาเข้าเครื่องจับเท็จในบางกรณีที่เรายังไม่แน่ใจในคำให้การของพยานบางคน ซึ่งทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วยพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ส่วนประเด็นการใช้โทรศัพท์ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท.ได้เก็บรวบรวมข้อมูลโทรศัพท์ของแต่ละบุคคลไว้เป็นหลักฐานในสำนวนแล้ว เพื่อให้ทราบในแต่ละประเด็นที่สงสัยว่ามีการติดต่อ หรือมีค่าจ้างมา เพื่อรับงานเอ็นฯ หรือไม่อย่างไร จะค่อยๆ ดูไปทีละประเด็น และกรณีที่สงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือมีอะไร เราก็จะทำการสอบสวน
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่จะให้ประโยชน์มากที่สุดคือ ผลชันสูตรพลิกศพ และผลการตรวจพยานหลักฐานต่างๆ บนเรือที่เกิดเหตุว่า ผู้เสียชีวิตจะเสียชีวิตก่อนตกน้ำ หรือตกน้ำแล้วเสียชีวิต ผลการตรวจชันสูตรจะเป็นตัวชี้ได้ ซึ่งการสืบสวนและสอบสวนคืบหน้าไปได้เยอะ พยานหลักฐานต่างๆ ถูกรวบรวมไว้ในสำนวนค่อนข้างละเอียด ให้ความเชื่อมั่นว่าจะทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา และมีความมั่นใจว่าจะไม่มีการแทรกแซง พนักงานสอบสวนสามารถทำคดีได้อย่างตรงไปตรงมา พยานหลักฐานอะไรที่เป็นประโยชน์กับสำนวนได้เก็บรวบรวมไว้ทั้งหมด
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า ประเด็นที่เราต้องทำให้ชัดว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น ตอนนี้มีผู้โดยสารบนเรือและเกิดเหตุพลัดตกไปแล้วเสียชีวิต ส่วนใครจะเป็นคนประมาทบ้างขออนุญาตให้อยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ขณะนี้ศาลได้ออกหมายจับให้ 2 คน
ส่วนประเด็นการเปลี่ยนโรงพยาบาลชันสูตรศพ ทาง พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการเปลี่ยนอะไร การชันสูตรเบื้องต้นในที่เกิดเหตุเป็นหน้าที่ของโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ใกล้ที่เกิดเหตุอยู่แล้ว หลังจากนั้นสามารถส่งไปชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจได้ ซึ่งในพื้นที่ กทม. จะมีนิติเวช รพ.ตำรวจ นิติเวช รพ.รามาธิบดี นิติเวช รพ.ศิริราช และธรรมศาสตร์ที่ส่งไปให้นิติเวช รพ.ตำรวจ เป็นหน้าที่ เพราะมีรายละเอียดที่ตำรวจต้องการให้ทางนิติเวช รพ.ตำรวจ ตรวจสอบหลายเรื่อง ทั้งสาเหตุการตาย บาดแผลต่างๆ ที่ปรากฏบนตัวของผู้เสียชีวิต รวมถึงภายในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้ จะมีสารพิษอะไรตกค้างอยู่หรือไม่ จึงต้องตรวจอย่างละเอียด จึงเป็นหน้าที่ของสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ
ส่วนผลการชันสูตร พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่ออก กำลังช่วยเร่งผลให้อยู่ ซึ่งต้องใช้เวลา เพราะมีผลการชันสูตรหลายอย่าง ยืนยันว่าทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับผล และยังไม่ได้รับรายงาน ไม่ทราบข่าวว่ามาจากไหนเหมือนกัน นอกจากนี้ยังได้ให้ตรวจหาสารเสพติดของทุกคนที่อยู่บนเรือด้วย และหลักจากนี้จะส่งข้อมูลการสอบสวนให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน หากมีข้อสงสัยก็จะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งจะประสานกันอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ได้สอบสวนอย่างตรงไปตรงมา ถ้าพบพิรุธ หรือมีพยานหลักฐานเพิ่ม ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป คดีนี้ใช้เวลาอีกไม่นาน เพราะต้องรอผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ รวมถึงการตรวจชันสูตรพลิกศพ.-สำนักข่าวไทย