กรุงเทพฯ 4 ก.พ. – กลุ่มผู้เสียหายจากการถูกหลอกซื้อ Voucher ที่พักโรงแรม 4-5 ดาว เข้ายื่นหนังสือที่ สอท. ทวงถามความคืบหน้าคดี หลังผ่านไป 3 เดือน คดีไม่คืบหน้า มูลค่าความเสียหายขณะนี้กว่า 30 ล้านบาท

ผู้เสียหายที่ถูกหลอกซื้อ Voucher ที่พักโรงแรม 4-5 ดาว จากบริษัทแห่งหนึ่ง เข้าติดตามความคืบหน้าคดีกับผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 หลังแจ้งความกับตำรวจท้องที่ และกรอกแบบฟอร์มร้องทุกข์ของกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีไปแล้ว แต่คดียังไม่คืบหน้า
ตัวแทนผู้เสียหาย เล่าว่า กลุ่มผู้เสียหายได้ซื้อ Voucher โรงแรมที่พักระดับ 4-5 ดาว ผ่าน LINE Official มีบริษัทแห่งหนึ่งเป็นตัวกลางจองห้องพักโรงแรมต่างๆ โดยทางบริษัทจะออกโปรโมชันจองห้องพักราคาถูกมาเรื่อยๆ เช่น ที่พักโรงแรม 5 ดาว คืนละไม่เกิน 3,000 บาท, โปรโมชัน 1 แถม 1 และ Voucher มีอายุ 2 ปี ทำให้ผู้เสียหายซื้อเก็บไว้จำนวนมาก บางรายซื้อเก็บไว้ รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท แต่เมื่อจะไปเข้าพัก กลับพักไม่ได้ หรือถูกยกเลิกการจองห้องพัก อ้างว่าห้องพักเต็ม เมื่อสอบถามทางโรงแรม ทราบว่าบริษัทดังกล่าวไม่จ่ายเงินให้กับโรงแรม ต่อมาวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 บริษัทแจ้งทางไลน์ว่า ขอยกเลิกการจองห้องพักทั้งหมด ก่อนประกาศปิดกิจการชั่วคราว ช่วงกลางเดือนมกราคม 2565 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ช่วงวันที่ 1-4 พฤศจิกายน 2564 บริษัทยังระดมเทขาย Voucher ด้วยโปรโมชันราคาถูกอยู่ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าวันรุ่งขึ้นจะยกเลิกการจอง แสดงเจตนาฉ้อโกง ซึ่งขณะนี้น่าจะมีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 800 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท เมื่อติดต่อไปทางบริษัท ก็สร้างกลุ่มไลน์ขึ้นมาเพื่อประนีประนอม
สำหรับยอดความเสียหายหลักพัน จะผ่อนชำระ 3 ปี ส่วนยอดความเสียหายหลักหมื่น จะผ่อนชำระ 5 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานมาก หรือแม้แต่การเสนอให้ผู้เสียหายเข้าพักที่โรงแรมตัวเองที่ จ.กาญจนบุรี เพื่อหักหนี้ ซึ่งไม่ตรงตามความต้องการ เพราะไม่ใช่โรงแรมระดับ 4-5 ดาว ตามที่ตกลงไว้ เมื่อผู้เสียหายไม่ตกลง ก็จะเตะออกจากกลุ่มไลน์ และมีการข่มขู่ทางโรงแรมไม่ให้เปิดเผยข้อมูลกับผู้เสียหาย
พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ระบุว่า ตำรวจไซเบอร์รับเรื่องมาช่วงปลายปี 2564 และตั้งแต่ต้นปีก็ดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่ แต่ต้องใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานให้รอบด้านรัดกุม เบื้องต้นวันนี้ได้รับคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายไว้ และจะตรวจสอบพยานหลักฐานของผู้เสียหาย พร้อมนัดสอบปากคำ ส่วนผู้เสียหายรายใดที่อยู่ต่างจังหวัด ไม่สะดวกมาแจ้งความที่ สอท. ก็แจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ได้ ซึ่งหากเกิดปัญหาติดขัดประการใด ให้ประสานมาที่ตำรวจไซเบอร์ ทางตำรวจไซเบอร์จะช่วยประสานตำรวจท้องที่ให้ ส่วนบริษัทคู่กรณี ตำรวจก็มีการตรวจสอบไปแล้วบางส่วน เบื้องต้นพบว่าเปิดบริษัทถูกต้อง แต่ในข้อมูลสืบสวนไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด พร้อมฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อดูเพียงราคาถูกอย่างเดียว ต้องตรวจสอบชื่อบริษัท บัญชีธนาคารต่างๆ ว่ามีประวัติไม่ดีหรือไม่ก่อนด้วย เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ. – สำนักข่าวไทย