fbpx

จตช. สั่งฟันวินัยจ่าคลั่งบุกซ้อมอดีตแฟนปางตาย

กรุงเทพฯ 30 ต.ค.- จตช. สั่งดำเนินการทั้งทางอาญา และทางวินัย “จ่าเชิด” ก่อเหตุใช้อาวุธปืนบุกพังบ้าน ข่มขู่ และใช้กำลังทำร้ายอดีตแฟน บาดเจ็บ


จากกรณีปรากฏข่าวเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์และสื่อมวลชนต่างๆว่า มีตำรวจใช้ชื่อ “จ่าเชิด” ก่อเหตุใช้อาวุธปืนบุกพังบ้าน ข่มขู่ และใช้กำลังทำร้ายอดีตแฟน รวมถึงบุคคลในบ้าน จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมเกี่ยวกับการกระทำของตำรวจรายดังกล่าว

วันนี้ 30 ต.ค.2564 พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช. ได้ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้สั่งตรวจสอบเบื้องต้นทันที พบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจจริงคือ ด.ต.เชิด สงวนศักดิ์ ผบ.หมู่ งานป้องกันปราบปราม สภ.เมืองชุมพร เคยเป็นคนขับรถของอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ได้ก่อเหตุเมื่อวันที่ 30 ต.ค.2564 เวลาประมาณ 01.30 น.


โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านที่ทำเป็นออฟฟิศและร้านกาแฟบริเวณติดกับปั๊มน้ำมัน ริมถนนสายเอเซีย ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จว.ชุมพร  ถูก ด.ต.เชิด บุกเข้าทุบทำลายได้รับความเสียหาย และมีบุคคลที่เป็นเจ้าของบ้านซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุถูกทำร้ายด้วย ส่วนอดีตแฟนทราบว่าวิ่งหลบหนีไปอยู่ในครัวแต่ถูก ด.ต.เชิดฯตามไปทุบตีอย่างทารุณจนได้รับบาดเจ็บ โดยมีคลิปที่ถูกบันทึกในวงจรปิดปรากฏภาพเสียงอย่างชัดเจน ซึ่งผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง ชุมพร ไว้แล้ว แต่พบว่ายังไม่มีการดำนินการทางวินัยแต่อย่างใด

เรื่องดังกล่าว พล.ต.อ.วิสนุ แจ้งว่า ได้รายงานให้พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ทราบ ซึ่ง ผบ.ตร.สั่งการให้ดำเนินการด้วยความเด็ดขาด โดยตนได้สั่งการโดยตรงไปที่ พล.ต.ต.วิฬุรห์ สุวรรณวงศ์ ผบก.จว.ชุมพร ให้รีบดำเนินการทั้งทางอาญา และทางวินัย โดยให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงห้ามเกิน 3 วัน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่ปรากฏให้เรียบร้อย โดยสามารถตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง และสั่งพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อนตาม กฏ ก.ตร.ได้ทันที ซึ่งเรื่องนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร และ ตน เพิ่งสั่งกำชับในที่ประชุมบริหาร ตร.ไป เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา ว่า กรณีที่ตำรวจกระทำผิดความผิดลหุโทษในทางอาญา ก็ถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรงได้ โดยเฉพาะหากปรากฏชัดว่าเป็นการกระทำโดยเจตนา จนเสียเกียรติต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และทำให้สังคมสูญเสียความรู้สึกและความเชื่อมั่นต่อความเป็นตำรวจ ก็สามารถใช้กฏ ก.ตร สั่งพักราชการ หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้เลย เช่นเดียวกับกรณี สารวัตรที่ใช้อาวุธปืนข่มขู่และทำร้ายประชาชนที่กำแพงเพชร

พล.ต.อ.วิสนุ ย้ำว่า ผบ.ตร ได้สั่งการให้ใช้ความเด็ดขาดกับตำรวจที่กระทำผิดวินัย และสามารถตอบสังคมได้ด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม โดยไม่มีการช่วยเหลือตำรวจที่ประพฤติชั่วเด็ดขาดเพราะเป็นการทำร้ายองค์กรและทำลายขวัญตำรวจดีดีที่เหลืออีกจำนวนมาก ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ จเรตำรวจ รีบลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงคู่ขนานไปพร้อมกันด้วยแล้วอีกส่วนหนึ่ง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

วัยรุ่นเชียงใหม่ ตะลุมบอนงานไม้ค้ำ จ.เชียงใหม่

กลุ่มวัยรุ่นตะลุมบอนชกต่อยกันในงานแห่ไม้ค้ำโพธิ์ จ.เชียงใหม่ ขณะที่ผู้จัดงานติดป้ายเตือนทะเลาะวิวาทในงาน จับได้ปรับ 75,000 มอบให้คนถ่ายคลิป 5,000

ล่า “จัก เขาบายศรี” ถ้าต่อสู้อาจจำเป็นต้องวิสามัญ

ตำรวจปิดล้อมตรวจค้นหลายจุดทั่วเมืองชลบุรี ล่าตัว “จัก เขาบายศรี” มือกราดยิงวันไหล ย่านบ่อนไก่ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หากเจอตัวแล้วยิงต่อสู้ อาจจำเป็นต้องวิสามัญ วอนญาติรีบประสานพามามอบตัว

ข่าวแนะนำ

ศาลสั่งจำคุกลูกชาย รมช.เมาแล้วขับ 2 เดือน ปรับ 4 พันบาท

ศาลสั่งจำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ลูกชายรัฐมนตรีช่วย เมาขับฝ่าด่านตรวจ โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมพักใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน

ติดตามโครงการทางแยกต่างระดับ แยกท่าเรือ จ.ภูเก็ต

จ.ภูเก็ต 19 เม.ย.-นายกฯ ติดตามโครงการทางแยกต่างระดับ แยกท่าเรือ จ.ภูเก็ต พร้อมสำรวจการจราจร วงเวียนอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร