ตำรวจขอประชาชนเลี่ยงกิจกรรมคาร์ม็อบ

กทม. 9 ก.ค.- กองบัญชาการตำรวจนครบาล แนะประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางชุมนุมคาร์ม็อบ พรุ่งนี้ คาดหลายเส้นทางได้รับผลกระทบ


พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงเตรียมความพร้อมสถานการณ์การชุมนุมโดยระบุว่า วันพรุ่งนี้(10 ก.ค. 64) มีการนัดชุมนุม 3 กลุ่ม คือ กลุ่มประชาชนคนไทย ,กลุ่มคนไทยไม่ทน และกลุ่มคาร์ม็อบ แต่ขณะนี้ กทม.เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หากมีการชุมนุม มั่วสุม การจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะเข้าข่ายมีความผิด รวมถึง พ.ร.บ.ควบคุมโรค และ พ.ร.บ.การจราจร หากมีการเคลื่อนขบวนไปที่ต่างๆ หากกลุ่มผู้ชุมนุมมีการจัดกิจกรรมในช่วงที่ ศบค.ประกาศออกแนวทางข้อกำหนดยกระดับมาตรการจำกัดการเดินทาง 14 วัน เพื่อตั้งเป้าลดจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ให้ได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ จะถูกดำเนินคดีในความผิดตาม พร.บ..ฉุกเฉินฯ เช่นกัน

ด้านพลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากที่มีการนัดรวมตัวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เพื่อทำกิจกรรมคาร์ม็อบ ไปยัง 4 พรรคการเมืองและจุดสุดท้ายที่แยกราชประสงค์ มีเส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบตั้งแต่แยกอรุณอัมรินทร์ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถนนราชดำเนินกลาง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกผ่านฟ้า ถนนหลานหลวง ถนนพระราม 6 ถึงพรรคประชาธิปัตย์ ถนนกำแพงเพชร ไปจนถึงพรรคภูมิใจไทย ถนนพหลโยธิน ถนนรัชดาฯ ถึงพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมพลังประชาชาติไทย ถนนอโศกมนตรี เลี้ยวขวาถนนสุขุมวิท ถนนเพลินจิต ถึงแยกราชประสงค์ ทั้งนี้ ย้ำว่าจะไม่มีการปิดถนน ยกเว้นผู้ชุมนุมกีดขวางเส้นทางจนสัญจรไม่ได้ ขณะที่ประชาชนสามารถหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางหลัก และทางด่วนทางพิเศษ ที่อยู่ใกล้เคียงกับเส้นทางดังกล่าว  โดย กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จัดเตรียมกำลังตำรวจจราจร คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนในภาพรวม เพื่อให้ได้รับ ผลกระทบน้อยที่สุด .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชนรถบรรทุก

แพทย์หญิงดับสลด ขับชนท้ายรถบรรทุก

แพทย์หญิง ขับรถพุ่งชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ เสียชีวิตคาที่ บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี มุ่งหน้าสะพานตากสิน ถนนกรุงธนบุรี ตรวจสอบในรถพบซองยาแก้หวัด-คัดจมูก

แสตมป์ถูกข่มขู่

โฆษก ทบ. พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​”

โฆษกกองทัพบก พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​” ถูกนายพลข่มขู่​ ขอข้อมูลเพิ่มตรวจสอบอยู่ในประจำการหรือไม่​ ลั่น​ หากยังรับราชการถือผู้วินัยร้ายแรง​แม้เป็นเรื่องส่วนตัว​

ข่าวแนะนำ

น้ำค้างแข็งดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์ น้ำค้างแข็งต่อเนื่อง อุณหภูมิยอดหญ้าติดลบ

ภาคเหนือหนาวต่อเนื่อง บริเวณกิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งขาวโพลน เป็นวันที่ 10 อุณหภูมิยอดหญ้า ติดลบ 0.4 องศาฯ

U.S. President Joe Biden and Trump shaking hands during meeting in Oval Office on November 13, 2024

“ทรัมป์” เตรียมสาบานตนรับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐวันนี้

วอชิงตัน 20 ม.ค. – นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกอบกิจกรรมหลายอย่างเมื่อวานนี้ ก่อนเตรียมตัวเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีช่วงเที่ยงวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น นายทรัมป์เดินทางมาถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตั้งแต่เย็นวันเสาร์ และเมื่อวานนี้เขาและนายเจดี แวนซ์ ว่าที่รองประธานาธิบดี ได้เดินทางไปร่วมพิธีวางพวงมาลาและเคารพเหล่าทหารที่เสียชีวิตในสงครามที่สุสานแห่งชาติอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย จากนั้นนายทรัมป์ได้ไปเข้าร่วมงานปราศรัยกับผู้สนับสนุนที่แคปิตอลวันอารีนา ซึ่งเป็นสนามกีฬาในร่มในกรุงวอชิงตัน นับเป็นการปราศรัยใหญ่ในกรุงวอชิงตันครั้งแรกของทรัมป์ หลังจากที่เคยปราศรัยเรียกร้องผู้สนับสนุนให้ยกขบวนไปอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 คัดค้านที่เขาพ่ายแพ้ให้แก่นายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งปี 2563 สนามกีฬาแห่งนี้ยังจะเปิดให้ผู้คนได้เข้าชมงานพิธีสาบานตนของทรัมป์ผ่านการถ่ายทอดสดทางจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายจากอิทธิพลของกระแสลมวนขั้วโลกแผ่ปกคลุมสหรัฐ ทำให้ต้องย้ายการจัดพิธีสาบานตนจากด้านหน้าอาคารรัฐสภาเข้าไปจัดด้านใน โดยมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบ ขณะที่ชาวอเมริกันจากทั่วประเทศเดินทางถึงกรุงวอชิงตันแล้วเพื่อร่วมงานที่เกี่ยวข้องกับพิธีสาบานตนของทรัมป์ หลายคนผิดหวังที่พลาดโอกาสได้ร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์ แต่ส่วนใหญ่เข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสภาพอากาศเลวร้าย นายทรัมป์ วัย 78 ปี จะทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในเวลาเที่ยงวันของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเที่ยงคืนวันนี้ตามเวลาไทย ตามด้วยการกล่าวปราศรัย ซึ่งจะเป็นการประกาศแนวทางสำหรับการบริหารงานเป็นเวลา 4 ปีหลังจากนี้.-815(814).-สำนักข่าวไทย

ฝุ่นPM

เตือนเฝ้าระวังค่าฝุ่น PM2.5 สูงตลอดสัปดาห์นี้

กรมควบคุมมลพิษ แจ้งเตือนแนวโน้มค่าฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดสัปดาห์ โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 22-25 ม.ค. ทั้งสาเหตุจากอากาศนิ่งและจมตัว อัตราการระบายอากาศค่อนข้างต่ำ ประกอบกับข้อมูลจุดความร้อนที่ยังพบการเผาในหลายพื้นที่ รวมถึงหมอกควันข้ามแดน