กทม. 22 ธ.ค.– ศาลยกฟ้อง “จาตุรนต์ “ ไม่ผิด ม. 116 หลังแถลงข่าวไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร คสช.ปี 57
ศาลอาญารัชดา นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา9 เป็นโจทก์ฟ้องนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานฝ่าฝืนขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ฉบับที่37/2557 , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(3)
กรณีวันที่ 27 พ.ค.2557 จำเลยแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนต่อต้านการเข้าควบคุมอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) โดยให้ประชาชนเห็นว่า การเข้าควบคุมอำนาจของ คสช. เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง และคำสั่ง หรือ ประกาศ คสช.ก็ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
การกระทำของจำเลย เป็นการกระทำเพื่อให้ประชาชนทั่วไปต่อต้านการคุมอำนาจของ คสช. เป็นการยั่วยุปลุกปั่นทำลายความน่าเชื่อถือของคณะ คสช. เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องถึงขนาดจะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ,368,91 พ.ร.บ.เกี่ยวกับการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอรฯ มาตรา 14
วันนี้(22 ธ.ค.) นายจาตุรนต์ เดินทางมาศาล พร้อมด้วยนายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นทนายความให้จำเลย และประชาชนที่รอให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์ และจำเลยแล้วเห็นว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยทำความผิดตามฟ้อง 116 หรือไม่ เห็นว่า ตามมาตรา 116 ระบุว่า กระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือ วิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชน ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
แต่จำเลยเพียงแต่ไปงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนต่างประเทศ มีผู้เข้าฟังประมาณ 80 คน และจำเลยได้แถลงเป็นภาษาอังกฤษใจความสรุปได้ว่า ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้คืนอำนาจให้ประชาชน โดยจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ขอให้ประชาชนอดทน และแสดงออกอย่างสันติวิธี แม้พยานฝ่ายโจทก์จะให้เหตุผลว่า จำเลยเป็นบุคคลที่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญและตำแหน่งสุดท้ายคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นคนที่มีประชาชนให้ความเชื่อถือ และการที่จำเลยได้แสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับคสช.ในช่วงเริ่มแรกของการยึดอำนาจ ยังมีความไม่สงบในหลายพื้นที่ การกระทำของจำเลยอาจจะเป็นเหตุให้ยุยงปลุกปั่นประชาชนให้หลงเชื่อคล้อยตาม และออกมาต่อต้านการรัฐประหาร จนเกิดความไม่สงบในบ้านเมือง
แต่ความผิดตาม ม.116 ต้องปรากฎโดยชัดแจ้ง เป็นการละเมิดกฎหมายของแผ่นดิน การที่จำเลยไปแถลงข่าวดังกล่าว เป็นไปตามสิทธิเสรีภาพโดยสุจริตตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการทางการแสดงออกโดยคำพูดที่ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับ ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นสมาชิก
อย่างไรก็ตาม ไม่ปรากฎว่าหลังจากจำเลยได้แถลงข่าวแล้วมีประชาชนออกมาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ความไม่สงบในสังคม และในข้อความที่จำเลยแถลงไม่มีข้อความใดที่เจตนาให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช.
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยตามความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิเตอร์ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ไม่ได้มีพยานหลักฐานใดมาแสดงให้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เฟซบุ๊ก Chaturon.FanPage” กลับได้ข้อเท็จจริงจากพยานว่า หลังจากจำเลยแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน จำเลยถูกควบคุมตัวและไม่อนุญาตให้จำเลยใช้โทรศัพท์ หรือเครื่องมือสื่อสารใด ๆ สอดคล้องกับพยานจำเลย ยืนยันว่าหลังจากทหารเข้าควบคุมตัวจำเลยถูกยึดโทรศัพท์มือถือ และไม่มีเครื่องมือสื่อสาร ไม่สามารถติดต่อเครือญาติได้ เมื่อข้อความที่มีการโพสต์ในเฟซบุ๊กตามที่โจทก์ฟ้องอยู่ในช่วงระหว่างที่จำเลยถูกควบคุมตัว พยานหลักฐานของโจทก์ จึงยังไม่มีมูลเพียงพอที่จะรับฟังได้ พิพากษายกฟ้อง .-สำนักข่าวไทย