กรุงเทพฯ 18 พ.ย.- เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสภาพรถควบคุมฝูงชน ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณแยกเกียกกายวานนี้ พบรถส่วนใหญ่ถูกรื้อแผงวงจร กรอกทรายใส่ระบบเครื่องยนต์ เสียหายหลายคัน
พันตำรวจโทศรายุทธ อรุณฉาย รองผู้กำกับการควบคุมฝูงชน 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน พร้อมด้วยตำรวจช่างจากกองบังคับการตำรวจจราจร ร่วมกันเข้าตรวจสอบสภาพความเสียหายรถควบคุมฝูงชน 3 คัน และรถเติมน้ำ 2 คัน จากการนำไปปฏิบัติภารกิจที่หน้ารัฐสภา และแยกเกียกกาย วานนี้(17 พ .ย.)
พันตำรวจโทศรายุทธ ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่ารถทุกคันอยู่ในสภาพพังเสียหาย ถูกคนเข้าไปรื้อทำลายแผงวงจรควบคุมสั่งการระบบต่างๆ รวมถึงมีคนเปิดฝาถังเครื่องยนต์กรอกทรายเข้าไปในช่องเติมน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อระบบเครื่องยนต์ภายใน อย่างเช่นรถควบคุมฝูงชนที่ใช้ฉีดน้ำระงับเหตุความวุ่นวาย ซึ่งมีมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ก็ได้รับความเสียหายเกือบทั้งคัน นอกจากนี้ยังมีรถควบคุมฝูงชนอีก 2 คัน ที่ต้องจอดทิ้งไว้ชั่วคราวบริเวณถนนสามเสน แยกเกียกกาย เนื่องจากยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ส่วนการซ่อมบำรุงให้กลับมาใช้งานได้ตามปกตินั้น จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่ายังพอมีความเป็นไปได้ แต่ต้องรอช่างผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทผู้ผลิต มาตรวจสอบและประเมินความเสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เพราะเหตุใดจึงมีคนเข้าไปรื้อทำลายอุปกรณ์ภายในรถได้ ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ประจำรถแต่เชื่อว่าเหตุจำเป็นต้องสละรถเพื่อความปลอดภัย เพราะเชื่อว่าหากตัดสินใจขับรถฝ่าฝูงชน อาจจะทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และขอยืนยันว่ารถควบคุมฝูงชนเป็นรถเพื่อใช้ในการรักษาความสงบเรียบร้อยไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งการจัดซื้อรถคันนี้มาใช้งาน ตนและครูฝึกก็ได้รับการทดสอบจากการถูกน้ำฉีดสกัด , น้ำผสมก๊าซน้ำตา มาแล้ว จึงมั่นใจว่า การนำไปใช้งานจริงจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน ส่วนความเข้มข้นของแก๊สน้ำตาต่อสัดส่วนน้ำธรรมดาอยู่ร้อยละ 3 ซึ่ง เป็นระดับที่น้อยที่สุด ของสูตรผสม
สำหรับรถที่ต้องนำไปใช้ปฏิบัติหน้าที่แทนรถที่เสียหาย เท่าที่พอทราบข้อมูลยังมีอีกจำนวนหนึ่ง และหากมีความจำเป็น ก็สามารถนำรถควบคุมฝูงชนจากในพื้นที่ข้างเคียงมาใช้งานได้.-สำนักข่าวไทย