กทม.27 ส.ค.-เลื่อนอ่านคำตัดสินศาลอุทธรณ์คดี “โมนา” อดีตผู้เข้าประกวดนางงาม ทุบตี-ฆ่าฝังดิน “น้องน้ำ” สาวใช้วัย 15 เหตุเพื่อนสนิทเบี้ยว ศาลให้ออกหมายจับ-ปรับนายประกัน
วันนี้(27 ส.ค.)ศาลอาญา ถ.รัชดาฯ นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่ น.ส.กฤษณา หรือโมนา สุวรรณพิทักษ์ อดีตผู้เข้าประกวดนางงาม จ.เพชรบุรี , น.ส.ปรารถนา ท้วมทรัพย์ เพื่อนสนิทรุ่นน้อง และนายปราโมทย์ สุวรรณพิทักษ์ พี่ชายและอดีตผู้ใหญ่บ้าน เป็นจำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษอาญาหรือรับโทษน้อยลง และจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่นฯ ซึ่งมารดา ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย
อัยการโจทก์ยื่นฟ้องว่า ช่วงเดือน ก.พ.- มี.ค.55 น.ส.จริยา หรือน้องน้ำ อายุ 15 ปีเศษ ได้มาทำงานเป็นสาวรับใช้กับจำเลยที่ 1 ที่บ้านพักใน กทม. โดยช่วงต้นเดือน เม.ย. – 12 เม.ย.55 จำเลยที่ 1 ซึ่งมีเจตนาฆ่า ได้ใช้ของแข็งไม่มีคม เป็นกระป๋องสเปรย์ ทุบตีที่ศีรษะ น.ส.จริยา หลายครั้งซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ และยังใช้ท่อต่อพลาสติก เครื่องดูดฝุ่นทุบตีบริเวณต้นขา และใช้ที่หนีบผมขณะที่ยังมีความร้อนจี้ตามลำตัวจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นวันที่ 15 เม.ย.55 จำเลยที่ 2 และ 3 ร่วมกัน เคลื่อนย้ายศพ ซึ่งได้มีการขุดหลุมฝังศพผู้ตายที่ข้างบ้านพักในจังหวัดเพชรบุรี จำเลยที่ 1 และ 2 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธแต่ก่อนการสืบพยานในชั้นศาล ได้ขอให้การรับสารภาพ ขณะที่นางจันทิรา ศรีศักดิ์ มารดาผู้ตายได้ยื่นคำร้อง ขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินทั้งสิ้น 1,465,776 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ก.พ.2562 ว่า โจทก์มีพยาน ซึ่งเป็นบุตรสาว ของจำเลยที่ 1 ที่เห็นเหตุการณ์ทุบตีผู้ตายก่อนเสียชีวิต มาเบิกความ ซึ่งหากไม่เป็นความจริงบุตรสาวคงให้การถึงมารดาในพฤติการณ์ที่จะเป็นความผิดร้ายแรง นอกจากนี้ยังมีคำให้การของจำเลยที่ 2 ในชั้นสอบสวนที่ให้การไว้ถึง 5 ครั้งโดยเป็นเหตุการณ์ที่ตรงกันหมดที่มีการทุบตีทำร้ายผู้ตาย จนมาเสียชีวิตภายหลัง ด้วยเหตุที่ว่าจำเลยที่ 1 เห็นว่าผู้ตายดื้อ ใช้อะไรก็ไม่ค่อยทำตาม ซึ่งจำเลยเป็นคนโมโหร้าย และยังเคยมีเหตุการณ์ทำร้ายจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทจนบาดเจ็บ และทำร้ายแฟนหนุ่มของบุตรสาวจนหัวแตกเพราะไม่พอใจเรื่องการพาไปเที่ยว การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการเล็งเห็นผลว่าจะถึงแก่ความตายได้ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตและต้องชดใช้ให้มารดาผู้ตาย เป็นเงินทั้งสิ้น 1,065,776 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.55 , จำเลยที่ 2 และ 3 มีความผิดฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษอาญาหรือรับโทษน้อยลง ให้จำคุกคนละ 2 ปี คำให้การของจำเลยที่ 2 ในชั้นสอบสวนมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้ 1 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 3 รับสารภาพก่อนสืบพยาน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี ซึ่ง แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพแต่เมื่อพิจารณาพฤติการณ์แล้วเป็นการกระทำที่ร้ายแรง ซึ่งแม้จำเลยที่ 3 จะเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านทำคุณงามความดีมาก่อนและเยียวยามารดาผู้ตายแล้วก็ตาม ก็ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษต่อมาโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์
วันนี้(27 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว น.ส.กฤษณา หรือโมนา มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ส่วนนายปราโมทย์ จำเลยที่ 3 ได้รับการประกันตัว ระหว่างอุทธรณ์คดี เดินทางมาฟังคำพิพากษา ขณะที่น.ส.ปรารถนา จำเลยที่ 2 ซึ่งได้ประกันตัวไม่ได้เดินทางมาศาล นอกจากมารดาผู้ตายแล้ว นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ก็ร่วมเดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยมีตำรวจกองปราบปราม 3 รายติดตามมาดูแลความปลอดภัย
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การนัดอ่านคำพิพากษาวันนี้(27 ส.ค.) น.ส. ปรารถนา จำเลยที่ 2 ทราบนัดโดยชอบแล้ว ปรากฎว่าไม่มาศาล จึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 2 เพื่อมาฟังคำพิพากษาและปรับนายประกัน พร้อมเลื่อนไปอ่าน คำพิพากษา วันที่ 6 ต.ค.นี้ เวลา 09.30 น.
นางปวีณาฯ กล่าวว่า ศาลได้เลื่อนไปอ่านอุทธรณ์ ในวันที่ 6 ต.ค.นี้ เนื่องจากจำเลยที่ 2 หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ส่วนวันนี้(27 ส.ค.) ก็ได้พามารดาน้องน้ำมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เนื่องจากมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์ที่ศาลในวันนี้(27 ส.ค.)ก็เรียบร้อยดี
ด้านนางจันทิรา ศรีศักดิ์ มารดาน้องน้ำ กล่าวว่า รู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัยมาตลอด จากการที่อยู่ในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ส่วนคดีนี้ตนยังรู้สึกเสียใจที่ลูกสาวเสียชีวิต แต่ก็พอใจตั้งแต่คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ตลอดชีวิต.-สำนักข่าวไทย