กรุงเทพฯ 4 มี.ค. – “เฉลิมชัย” ลั่นยึดคืนพื้นที่ป่าไม้ ใช้ผิดวัตถุประสงค์-ซื้อขายสู่มือนายทุนทำสวนทุเรียน ให้กรมป่าไม้ทำหนังสือแจ้งผู้ว่าฯ ในฐานะประธาน คทช.จังหวัดตรวจสอบคัดกรองผู้ที่จะได้รับการจัดที่ดิน หากพบซื้อขายโอนสิทธิ์ ให้ยึดคืนและจะไม่ได้สิทธิใด ๆ อีกเลย ย้ำนำกลับมาทำป่าชุมชนและพื้นที่สาธารณประโยชน์
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า สั่งการให้กรมป่าไม้บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกรณีที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ในหลายพื้นที่ของภาคตะวันออก นำไปทำสวนทุเรียนและสวนยางพารา โดยต้องยึดคืนพื้นที่และดำเนินคดีทุกราย
สำหรับพื้นที่ที่หน่วยราชการขอเข้าใช้ประโยชน์ แต่พบว่า มีผู้บุกรุก กรมป่าไม้ได้ส่งหนังสือไปยังหน่วยงานนั้นๆ ขอความร่วมมือในการเร่งรัดตรวจสอบเพื่อให้การใช้ประโยชน์ในพื้นที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ขออนุญาตไว้
ส่วนพื้นที่ตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามแนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เบื้องต้นกรมป่าไม้พบข้อมูลว่า ชาวบ้านที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินได้รวบรวมและซื้อขายโอนสิทธิ์ให้แก่นายทุนเพื่อทำสวนทุเรียนและสวนยางพารา
พร้อมกันนี้ได้ยกตัวอย่างกรณีที่เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ตรวจยึดสวนทุเรียนในอำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเป็นพื้นที่ที่ส่งมอบให้ คทช. นำไปจัดสรรเป็นที่ดินทำกินให้แก่ชาวบ้าน แต่กลับปรากฏว่า มีบริษัทเอกชนยึดครองทำแปลงสวนทุเรียน
ดังนั้นกรมป่าไม้จึงแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธาน คทช. จังหวัดเร่งรัดตรวจสอบ หากพบว่า มีการซื้อขายเปลี่ยนมือ ขอให้ยึดคืนเพื่อนำมาใช้เป็นป่าชุมชนหรือพื้นที่สาธารณประโยชน์
ทั้งนี้ที่ดินที่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ที่ส่งมอบให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) มี 7.2 ล้านไร่เพื่อให้เกษตรกรทำกิน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คทช. กำหนดสามารถถือครองที่ดินได้ตามความเหมาะสม แต่ต้องไม่เกินรายละ 20 ไร่ หากมีการซื้อขายเปลี่ยนมือและทำผิดหลักเกณฑ์เงื่อนไข จะไม่ได้รับสิทธิใดๆ อีกเลย
การตรวจสอบและดำเนินการครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ และรักษาสิทธิ์ของชุมชนในการเข้าถึงที่ดินทำกิน มุ่งหวังให้ที่ดินทำกินเป็นของประชาชนที่สมควรได้รับการช่วยเหลือ ไม่ใช่ให้กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาหาประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศ.-512.-สำนักข่าวไทย