กรุงเทพฯ 9 ต.ค.- สตม.โชว์เทคโนโลยีไบโอแมทริกซ์รวบผู้ต้องหาชาวต่างชาติกว่า 40,000 คน ในห้วง 4 เดือนที่ผ่านมา
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงจับกุมคดีสำคัญในรอบสัปดาห์ที่ได้จากการตรวจสอบระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล หรือ ระบบไบโอแมทริกซ์ โดยจับกุมชายชาวอิหร่าน อายุ 47 ปี และชายชาวจีน อายุ 57 ปี ใช้หนังสือเดินทางปลอมเดินทางเข้าไทย แต่ระบบไบโอแมทริกซ์ ตรวจพบว่าใบหน้าผู้ต้องหาไม่ตรงกับภาพถ่ายในหนังสือเดินทางและมีการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล
จากการสอบสวนผู้ต้องหาอิหร่านรับสารภาพว่า ซื้อหนังสือเดินทางมาจากสถานีรถไฟในประเทศฝรั่งเศส ในราคา 520 ยูโร หรือ 17,500 บาท เพื่อเดินทางเข้าไทยก่อนต่อเครื่องไปญี่ปุ่นเพื่อลักลอบทำงาน ส่วนผู้ต้องหาชาวจีนรับสารภาพว่า ได้ติดต่อนายหน้าในประเทศเมียนมาจัดหาหนังสือเดินทางให้ในราคา 25,000 จ๊าด หรือประมาณ 1,250 บาท โดยรับหนังสือเดินทางที่เมืองย่างกุ้ง ก่อนบินเข้ามาในประเทศไทย และถูกจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งสองถูกตั้งข้อหาใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่น และใช้หนังสือเดินทางปลอม
นอกจากนี้ยังจับกุมหญิงสาวชาวเคนย่าอายุ 28 ปี หลังตรวจพบว่า ผู้ต้องหาอยู่ในประเทศไทยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งผู้ต้องหาเดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2017 และอยู่เกินถึง 715 วัน จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ส่งหนังสือเดินทางไปให้นายหน้าที่ประเทศเคนย่า ประทับรอยตราประทับปลอมเพื่อให้อยู่ต่อในไทยได้ จ่ายค่าจ้าง 10,000 บาท แต่สุดท้ายถูกจับได้ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศไทย
ทั้งนี้ พล.ต.ท.สมพงษ์ ระบุ หลังมีการติดตั้งเทคโนโลยีไบโอแมทริกซ์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สามารถจับกุมชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ได้กว่า 40,000 คน และได้เปรียบเทียบปรับนำเงินเข้าแผ่นดินแล้วกว่า 90 ล้านบาท ยืนยันว่าเทคโนโลยีดังกล่าวมีความทันสมัยเท่าเทียมกับต่างประเทศ และยังดูแลความปลอดภัยด้านความมั่นคงของประเทศอีกด้วย. -สำนักข่าวไทย

