กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – ทนายความ ยืนยันเงินบริจาคถูกนำไปใช้ไม่ผิดวัตถุประสงค์แม้จะเข้าคนละโครงการกับที่ผู้บริจาคต้องการ เผยใช้เงินสดเพราะในสมัยนั้นไม่มีระบบอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง
นายกสานติ์ ปัญญาชัยรักษา ทนายความของนายเสกสันน์ หรือ หมอบี เปิดเผยว่า ตัวเองมีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงกับสังคมแทนลูกความ ขณะนี้ได้ดำเนินการส่งเอกสารหลักฐานและชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ ให้กับตำรวจกองบังคับการปราบปรามเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และจนถึงขณะนี้ทางตำรวจก็ยังไม่ได้มีการประสานมาขอข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าเงินของผู้บริจาคถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น ผู้บริจาคต้องการนำเงินไปบริจาคในโครงการไทยชีวิตโคกระบือ แต่มีการออกใบอนุโมทนาบัตรเป็นโครงการรักษาผู้ป่วย HIV ทางนายกสานติ์ ระบุโดยให้มองว่าการกระทำดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความเสียหายหรือไม่ หรือส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินที่ผู้บริจาคตั้งใจนำไปทำบุญหรือไม่ เช่น ผู้บริจาคต้องการนำเงินไปช่วยเหลือผู้อื่นแต่มีการนำเงินไปใช้สร้างอาบอบนวด ซึ่งกรณีนี้มองว่าเป็นการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ แต่กรณีนี้ทางหมอบีได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้อื่น แม้จะไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของผู้บริจาก แต่ก็เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ซึ่งการนำเงินไปใช้หากไม่ส่งผลให้เกิดความเสียหายหรือมีผู้ได้รับผลกระทบ ส่วนตัวก็มองว่าไม่เข้าข่ายความผิด แต่หากมองว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายได้รับผลกระทบส่วนตัวก็มองว่าการจะเข้าข่ายความผิดต้องดูองค์ประกอบตามหลักการของกฎหมาย ซึ่งก็จะต้องพิจารณาเป็นกรณีไป ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการนำเงินไปมอบให้วัดว่าเหตุใดจึงไม่ใช้การโอนผ่านระบบโมบายแบงค์กิ้ง แต่มีการนำเงินสดไปให้แทน ทางทนายความระบุว่า โครงการนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีะบบการโอนเงินผ่านอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้มีการสอบถามเพิ่มเติมเนื่องจากพบว่าโครงการนี้เกิดขึ้นในปี 2562 ซึ่งก็เป็นช่วงที่มีระบบอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งแล้ว โดยทางทนายความระบุเพียงว่าไม่สามารถตอบในรายละเอียดได้
สำหรับอาการของนายเสกสันน์ ขณะนี้พบว่าเจ้าตัวเพิ่งหายจากอาการป่วย แต่ภาพรวมไม่ได้รู้สึกเครียดหรือกังวลอะไร มีเพียงอาการเหนื่อยและความรู้สึกเป็นห่วงหลวงพ่อ. -412-สำนักข่าวไทย