ศาลพิพากษากักขัง 2 เดือน แก๊งซิ่งรถบนมอเตอร์เวย์

21 ก.พ.- ศาลพิพากษา 12 ผู้ก่อเหตุซิ่งรถแข่งบนมอเตอร์เวย์ เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน มีกำหนดคนละ 2 เดือน ที่เรือนจำกลางชลบุรี ริบรถของกลางทั้งหมดและสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์


ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทาง และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ปฏิบัติราชการ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.พิชญ์รุจ กุลวิมลประทีป รอง ผบก.ทล.,ร่วมกับกรมทางหลวง โดย นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง., นายสุวิชาณ สุระบาล ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง., นายกฤษณะ เพ็ญสมบูรณ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงระหว่างเมือง

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน นำโดย พ.ต.อ.วันชนะ ทิพย์อาสน์ ผกก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.วินัย ธนะโชติ รอง ผกก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ งามแฉ่ง สวญ. ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.พงศ์ศรัณย์ วังพลับ, พ.ต.ท.โสภณ โกมลสุทธิ รอง ผกก.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.ภครพล สิริวุฒิกะประภา, พ.ต.ท.นักรบ ศิริพันธ์, พ.ต.ท.ภูเดชา เชื่อมั่น, พ.ต.ต.กัมปนาท ขันใจ สว.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล., ร.ต.อ.บดี ดวนพล, ร.ต.อ.ณัฐพล ฤทธิรงค์ รอง สว.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล., ร.ต.อ.รัศมี คำศรีแก้ว, ร.ต.อ.สิงห์โรจน์ สืบส่ง, ร.ต.อ.บัณฑิต นวลปาน รอง สว.ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล, ร.ต.ท.นิคม พวงสุวรรณ์, ร.ต.ท.วีระ คณาโจทย์, ด.ต.สันติ โพธิรัตน์, ด.ต.วัชรินทร์ วงศ์เล็ก, ด.ต.อัฐพงศ์ พันธุ์จบสิงห์, ด.ต.สุวิท คงวิจิตร, จ.ส.ต.เสฎฐวุฒิ บัวป้อม, จ.ส.ต.นนทนันท์ แนบเนียร, จ.ส.ต.ศรัญญู คำฟู, ส.ต.อ.เกริกเกียรติ อินทร์เสนา, ส.ต.อ.อณัฐชา ผิวก่ำ, ส.ต.ท.นิติ ศรีบุญเรือง ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล.


ร่วมกันสืบสวนสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหา
1.นายสิริชัยฯ อายุ 23 ปี
2.นายณัฐวุฒิฯ อายุ 22 ปี
3.นายณัฏฐพลฯ อายุ 30 ปี
4.นายศิวรุตฯ อายุ 26 ปี
5.นายกรองเกียรติฯ อายุ 40 ปี
6.นายธงชัยฯ อายุ 26 ปี
7.นายภาสกรฯ อายุ 21 ปี
8.นายพินิจฯ อายุ 32 ปี
9.นายศุภรัตน์ฯ อายุ 27 ปี
10.นายอลงกตฯ อายุ 23 ปี
11.นายภาณุภัทรฯ อายุ 27 ปี
12.นายศุภกรฯ อายุ 28 ปี

ฐานความผิด “ร่วมกันแข่งรถในทางฯ, ขับรถในลักษณะที่เห็นได้ว่าไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น และไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์ 12 คัน

พฤติการณ์ ด้วยปรากฏคลิปวีดีโอซึ่งแพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2568 มีกลุ่มรถยนต์ลักษณะคล้ายรถแต่งซิ่ง ขับแข่งกันบนถนนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ด้วยความเร็วสูง และประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกัน จำนวน 13 คัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและมีทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ซึ่งปรากฏภาพเคลื่อนไหว และภาพนิ่งเป็นข่าวเผยแพร่โดยทั่วไปเป็นวงกว้าง ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของท้องที่เกิดเหตุและความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนในลักษณะอุกอาจ ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ก่อความเสียหายให้เกิดความหวาดกลัวแก่ประชาชนในวงกว้าง นั้น


สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนถนนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 91+700 (มุ่งหน้ากรุงเทพมหานคร) ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2568 เวลาประมาณ 02.20 น.

พนักงานสอบสวน ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. ได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้วได้ความว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมด 12 ราย ได้รวมกลุ่มขับรถยนต์เข้าสู่ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์) ซึ่งเป็นถนนสาธารณะ ทิศทางจากด่านเก็บเงินหนองขาม (กม.100) มุ่งหน้ากรุงเทพมหานคร โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ขับขี่รถมาด้วยความคึกคะนอง และด้วยความเร็วสูงประมาณ 130-180 กม./ชม. ในลักษณะฉวัดเฉวียน แซงซ้ายขวา เปลี่ยนช่องเดินรถตลอดเวลา ขับกระจายกันเต็มพื้นที่ผิวถนนทุกช่องเดินรถ บ้างประกบซ้ายขวาของรถยนต์คันอื่นที่แล่นมาตามปกติ และแซงขึ้นหน้าในระยะและทิศทางที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อันเป็นการขับรถโดยประมาทและน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และเป็นการขับรถในลักษณะที่เห็นได้ว่าไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น และไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น ย่อมทำให้ผู้ใช้ถนนร่วมกับกลุ่มผู้ก่อเหตุเกรงกลัวต่อความปลอดภัย เป็นระยะทางต่อเนื่องกันไปกว่า 10 กิโลเมตร เมื่อถึงบริเวณที่เกิดเหตุรถของผู้ก่อเหตุ 1 ราย ได้เฉี่ยวชนกับผู้ใช้ทางอื่นเสียหลักและหมุนไม่เป็นทิศทางขวางช่องเดินรถ และผู้ก่อเหตุรายอื่นซึ่งแล่นรถมาด้วยความเร็วสูงไม่สามารถหลบหลีกได้ทัน เป็นเหตุให้รถทั้งหมด 13 คัน เฉี่ยวชนกันได้รับความเสียหาย และเศษชิ้นส่วนรถยนต์กระเด็นแตกกระจายไปทั่วทิศทางของถนนแทบไม่เหลือช่องเดินรถ อันเป็นการขับรถในลักษณะรวมกลุ่มแข่งรถกันในทาง โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงาน อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

ในชั้นสอบสวนกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 12 ราย ให้การรับสารภาพในความผิดฐาน “ร่วมกันแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงาน, ขับรถในลักษณะที่เห็นได้ว่าไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น และไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น, ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” พนักงานสอบสวนจึงมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 12 ราย ไปยังพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี ซึ่งพนักงานอัยการขอให้ศาลลงโทษกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43(5), และ 43(8), 134 วรรคสอง, 158/1, 160 ทวิ, 160 เบญจ (2) พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ (ฉบับที่ 13) มาตรา 5, 9, 28, 30, 34 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83 และ ขอริบรถยนต์ จำนวน 12 คันของกลาง เพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดตามกฎหมาย

ต่อมาวันที่ 20 ก.พ. 2568 ศาลแขวงชลบุรี ได้พิพากษากลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมด จำคุกคนละ 2 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน มีกำหนดคนละ 2 เดือน ที่เรือนจำกลางชลบุรี ริบรถของกลางทั้งหมดและสั่ง เพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ ของกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมด

ด้วยความห่วงใยทุกชีวิต จาก กองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับกรมทางหลวง จึงได้จัดทำแผ่นประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง หากพบเห็นผู้กระทำความผิดโปรดแจ้ง 1586 กด 7 หรือ 1193 ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.อ.วันชนะ ทิพย์อาสน์ ผกก.8 บก.ทล. โทร. 0 2360 7751 และ พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ งามแฉ่ง สวญ.ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. โทร. 0 2364 8445

.416.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย