พบกากแคดเมียมซุกโกดังย่านวงศ์สว่าง

กทม. 10 เม.ย.-รมว.อุตสาหกรรม พร้อมผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่โกดังย่านวงศ์สว่าง หลังพบกากแคดเมียม เบื้องต้นมีเพียง 150 ตัน ขนเข้ามาตั้งแต่ ต.ค.66 จ่อเชิญบริษัทที่เกี่ยวข้องครอบครองกากแคดเมียมทั้งหมดมาหารือแนวทางความรับผิดชอบหลังจากนี้

เวลา 16.30 น. นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้เดินทางมาตรวจสอบโรงงานแห่งหนึ่งภายใน ซ.เวียงปรีชา ย่านวงศ์สว่าง หลังได้รับรายงานว่า พบกากแคดเมียม 300 ตัน ในโรงงานดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบด้วยเครื่องตรวจสารแคดเมียม พบว่า แร่ที่พบเป็นแร่แคดเมียมจริง ซึ่งเป็นแร่ต้องห้ามครอบครองตามกฎหมาย


สำหรับแนวทางตรวจสอบหลังจากนี้ มีคณะทำงาน 3 คณะ โดยคณะแรกแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง 8 หน่วยงาน คณะที่ 2 และ 3 แต่งตั้งโดยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้ง 3 คณะ จะทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนการได้มาซึ่งกากแคดเมียมว่ามีการขุดขึ้นมาเท่าไร และได้รับอนุญาตจากใคร มีใครเป็นผู้ครอบครองบ้าง และครอบครองจำนวนเท่าไร รวมถึงได้แจ้งเรื่องการขนย้ายกากแคดเมียมจากต้นทางมาปลายทางหรือไม่ พร้อมทั้งให้ดำเนินการหาแนวทางขนย้ายจากโรงงานที่พบ 4-5 แห่ง ทั้งในพื้นที่ จ.ชลบุรี สมุทรสาคร และ กทม. ไปยัง จ.ตาก

ส่วนกรณีการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว และบทลงโทษ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันว่า จะดำเนินการลงโทษโดยไม่มีละเว้น หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง เพราะถือว่าเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง


อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ได้มีการเชิญบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องครอบครองกากแคดเมียมทั้งหมดมาหารือแนวทางเรื่องความรับผิดชอบหลังจากนี้ ซึ่งจะต้องดำเนินการขนย้ายกากแคดเมียมกลับไปยังต้นทาง และทำการฝังกลบ ซึ่งมีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ พร้อมยืนยันกับประชาชนว่า อย่าตกใจ เมื่อพบกากแคดเมียมที่ใด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปดำเนินการทันที

เบื้องต้นจากการตรวจสอบกากแคดเมียม พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้นเพียง 150 ตัน และเป็นแคดเมียมที่ขนย้ายเข้ามาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า เจ้าของโรงงานซึ่งเป็นผู้หญิง มีความสัมพันธ์เป็นญาติสนิทของเจ้าของโรงงานในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ที่พบกากแคดเมียมก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากพบกากแคดเมียมในนี้ สำนักอนามัย กทม.ได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบสภาพของโรงงาน พร้อมทั้งวางแผนแนวทางการตรวจสุขภาพของประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน.


นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สรุปตัวเลขที่ชัดเจนของการตรวจยึดกากแคดเมียมว่า จากการตรวจสอบวันนี้ (10 เม.ย.67) พบเพิ่มอีก 2 จุดคือ ที่ บริษัทเจแอนด์บี จ.สมุทรสาคร 3,000 ตัน และที่กรุงเทพฯ 150 ตัน เท่ากับตอนนี้ ตัวเลขที่พบทั้งหมดประมาณ 12,421 ตัน จากกากอุตสาหกรรมที่มีส่วนผสมของแคดเมียมทั้งหมด 13,800 ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขประมาณจากการนับ แต่ตัวเลขอาจจะแตกต่างกันบ้างหลังชั่งน้ำหนักแล้ว

โดยที่พบเพิ่มในบริษัทเจแอนด์บี อีก 3,000 ตันนั้น เพราะก่อนหน้านี้แม้จะมีการไปตรวจสอบครั้งแรก แต่การตรวจดูไม่ทั่ว การนำตรวจไม่ได้พานำตรวจครบทั้งหมด และยังมีการปิด มีอะไรตั้งบังไว้ คือจุดแรกมีวางรอบๆ สำนักงาน มีผ้าคลุม มีกล่องโลหะตั้งสูงๆ และที่ตรวจพบเพิ่มวันนี้ คืออีกส่วนที่อยู่อาคารด้านหลัง ทำให้ขณะนี้ เหลือที่ต้องค้นหาอีกประมาณ 1,000 ตัน แต่หากคิดจากการสูญเสียความชื้น ก็คาดว่าใกล้ครบแล้ว

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยังบอกเพิ่มเติมด้วยว่า วันนี้มีการประชุม 6 กระทรวง ที่เกี่ยวข้อง มท. /สธ. /ทรัพย์/ สตช. /ดีเอสไอ กก.อุตสาหกรรม เพื่อให้ข้อมูลตรงกัน เกี่ยวกับกากอุตสาหกรรม และไม่ใช่แคดเมียมปกติ แต่มีการปรับให้พิษลดลง ใช้ซีเมนต์เข้าไปประกบทำให้การแพร่กระจายยากขึ้น และมีการหารือถึงการวางแผนการขนกลับ และก่อนขนกลับในการเก็บรักษา และการทำความสะอาดหลังขนกลับ ซึ่งแผนการขนส่งจะต้องดูที่ปลายทาง คือการฝังที่ปลายทางหากขนแล้วนำไปกองไม่ใช่เรื่องดี เพราะไปถึงควรจะต้องนำลงย่อฝังกลบเลย เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อน และการขนจะต้องมีบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถมีน้ำเข้าได้ ซึ่งจะต้องมีถุงมาหุ้มบิ๊กแบ็กอีกชั้น

ส่วนเส้นทางที่จะขน และรถจะต้องติดจีพีเอส ทั้งหมดจะถูกกำหนดโดยความสามารถของการรับปลายทาง และช่วงการขนจะต้องไม่ใช่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะเริ่มหลังสงกรานต์ โดยช่วงนี้จะอยู่ระหว่างการทำแผน และการขนจะต้องปลอดภัยเป็นไปตามหลักการไม่กระทบประชาชน

ทั้งนี้จะมีการส่งออกไปต่างประเทศหรือไม่ ย้ำว่าจากการตรวจสอบแล้วยังไม่พบ แต่หากมีการส่งจริงจะถือว่าเป็นการลักลอบ และตอนนี้ที่พบยังคงไปตั้งอยู่ตามที่ต่างๆ ในไทยที่มีการเปลี่ยนมือ

ด้าน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ กรุงเทพมหานคร ก็รู้สึกกังวลใจว่าจะหลุดรอดมาใน กทม. จึงได้ประสานความร่วมมือกับกรมโรงงาน โดยจะเน้นตรวจโรงหล่อ 154 และโรงหลอม 94 แห่ง ปูพรมตรวจไปแล้วทั้งหมด แต่ไม่ได้พบอะไร แต่กลับมาพบจุดนี้ ซึ่งเป็นจุดที่เก็บของเก่า และหลังจากนี้จะมีการเพิ่มเป้าหมายเป็นจุดเก็บของเก่าด้วย

โดยขั้นตอนต่อไปจะต้องลุยตรวจในพื้นที่ กทม.โดยละเอียด และจะให้รูปพรรณกับเจ้าหน้าที่ของ กทม.ในการช่วยสังเกตุ แต่อย่างน้อยก็รู้สึกเบาใจได้ว่า โรงงานนี้ เป็นโรงงานที่เกี่ยวข้องกับสมุทรสาคร ไม่ใช่พึ่งเกิดมาใหม่ ส่วนการทำความเข้าใจกับชาวบ้านใกล้เคียงนั้น หลังจากนี้จะเก็บตัวอย่างน้ำ ตัวอย่างอากาศว่ามีการปนเปื้อนมากน้อยแค่ไหน และตรวจร่างกายกับพนักงานในโรงงานด้วย

นอกจากนี้ เรายังสำรวจรอบๆ โรงงานแห่งนี้ พบว่าเป็นของเครือญาติเจ้าของทั้งหมด และเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลไม่ได้มีบ้านเรือนประชาชนอื่นๆ อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดประกาศห้ามเข้าใช้สถานที่ดังกล่าวและอายัดกากแคดเมียมไว้ทั้งหมดแล้ว

สำหรับตัวเลขกากแคดเมียมทั้งหมด มาจาก จ.ตาก 13,800 ตัน พบที่ จ.ชลบุรี 4,400ตัน พบที่ บริษัทเจแอนด์บีฯ จ.สมุทรสาคร 65,00 ตัน บริษัทนายจาง จ.สมุทรสาคร 1,034 ตัน โกดังที่ อ.กระทุ่มแบน 470 ตัน และวันนี้ที่กรุงเทพฯ 150 ตัน.-414.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]