พบกากแคดเมียมซุกโกดังย่านวงศ์สว่าง

กทม. 10 เม.ย.-รมว.อุตสาหกรรม พร้อมผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่โกดังย่านวงศ์สว่าง หลังพบกากแคดเมียม เบื้องต้นมีเพียง 150 ตัน ขนเข้ามาตั้งแต่ ต.ค.66 จ่อเชิญบริษัทที่เกี่ยวข้องครอบครองกากแคดเมียมทั้งหมดมาหารือแนวทางความรับผิดชอบหลังจากนี้

เวลา 16.30 น. นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้เดินทางมาตรวจสอบโรงงานแห่งหนึ่งภายใน ซ.เวียงปรีชา ย่านวงศ์สว่าง หลังได้รับรายงานว่า พบกากแคดเมียม 300 ตัน ในโรงงานดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบด้วยเครื่องตรวจสารแคดเมียม พบว่า แร่ที่พบเป็นแร่แคดเมียมจริง ซึ่งเป็นแร่ต้องห้ามครอบครองตามกฎหมาย


สำหรับแนวทางตรวจสอบหลังจากนี้ มีคณะทำงาน 3 คณะ โดยคณะแรกแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง 8 หน่วยงาน คณะที่ 2 และ 3 แต่งตั้งโดยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้ง 3 คณะ จะทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนการได้มาซึ่งกากแคดเมียมว่ามีการขุดขึ้นมาเท่าไร และได้รับอนุญาตจากใคร มีใครเป็นผู้ครอบครองบ้าง และครอบครองจำนวนเท่าไร รวมถึงได้แจ้งเรื่องการขนย้ายกากแคดเมียมจากต้นทางมาปลายทางหรือไม่ พร้อมทั้งให้ดำเนินการหาแนวทางขนย้ายจากโรงงานที่พบ 4-5 แห่ง ทั้งในพื้นที่ จ.ชลบุรี สมุทรสาคร และ กทม. ไปยัง จ.ตาก

ส่วนกรณีการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว และบทลงโทษ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันว่า จะดำเนินการลงโทษโดยไม่มีละเว้น หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง เพราะถือว่าเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง


อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ได้มีการเชิญบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องครอบครองกากแคดเมียมทั้งหมดมาหารือแนวทางเรื่องความรับผิดชอบหลังจากนี้ ซึ่งจะต้องดำเนินการขนย้ายกากแคดเมียมกลับไปยังต้นทาง และทำการฝังกลบ ซึ่งมีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ พร้อมยืนยันกับประชาชนว่า อย่าตกใจ เมื่อพบกากแคดเมียมที่ใด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปดำเนินการทันที

เบื้องต้นจากการตรวจสอบกากแคดเมียม พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้นเพียง 150 ตัน และเป็นแคดเมียมที่ขนย้ายเข้ามาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า เจ้าของโรงงานซึ่งเป็นผู้หญิง มีความสัมพันธ์เป็นญาติสนิทของเจ้าของโรงงานในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ที่พบกากแคดเมียมก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากพบกากแคดเมียมในนี้ สำนักอนามัย กทม.ได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบสภาพของโรงงาน พร้อมทั้งวางแผนแนวทางการตรวจสุขภาพของประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน.


นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สรุปตัวเลขที่ชัดเจนของการตรวจยึดกากแคดเมียมว่า จากการตรวจสอบวันนี้ (10 เม.ย.67) พบเพิ่มอีก 2 จุดคือ ที่ บริษัทเจแอนด์บี จ.สมุทรสาคร 3,000 ตัน และที่กรุงเทพฯ 150 ตัน เท่ากับตอนนี้ ตัวเลขที่พบทั้งหมดประมาณ 12,421 ตัน จากกากอุตสาหกรรมที่มีส่วนผสมของแคดเมียมทั้งหมด 13,800 ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขประมาณจากการนับ แต่ตัวเลขอาจจะแตกต่างกันบ้างหลังชั่งน้ำหนักแล้ว

โดยที่พบเพิ่มในบริษัทเจแอนด์บี อีก 3,000 ตันนั้น เพราะก่อนหน้านี้แม้จะมีการไปตรวจสอบครั้งแรก แต่การตรวจดูไม่ทั่ว การนำตรวจไม่ได้พานำตรวจครบทั้งหมด และยังมีการปิด มีอะไรตั้งบังไว้ คือจุดแรกมีวางรอบๆ สำนักงาน มีผ้าคลุม มีกล่องโลหะตั้งสูงๆ และที่ตรวจพบเพิ่มวันนี้ คืออีกส่วนที่อยู่อาคารด้านหลัง ทำให้ขณะนี้ เหลือที่ต้องค้นหาอีกประมาณ 1,000 ตัน แต่หากคิดจากการสูญเสียความชื้น ก็คาดว่าใกล้ครบแล้ว

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยังบอกเพิ่มเติมด้วยว่า วันนี้มีการประชุม 6 กระทรวง ที่เกี่ยวข้อง มท. /สธ. /ทรัพย์/ สตช. /ดีเอสไอ กก.อุตสาหกรรม เพื่อให้ข้อมูลตรงกัน เกี่ยวกับกากอุตสาหกรรม และไม่ใช่แคดเมียมปกติ แต่มีการปรับให้พิษลดลง ใช้ซีเมนต์เข้าไปประกบทำให้การแพร่กระจายยากขึ้น และมีการหารือถึงการวางแผนการขนกลับ และก่อนขนกลับในการเก็บรักษา และการทำความสะอาดหลังขนกลับ ซึ่งแผนการขนส่งจะต้องดูที่ปลายทาง คือการฝังที่ปลายทางหากขนแล้วนำไปกองไม่ใช่เรื่องดี เพราะไปถึงควรจะต้องนำลงย่อฝังกลบเลย เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อน และการขนจะต้องมีบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถมีน้ำเข้าได้ ซึ่งจะต้องมีถุงมาหุ้มบิ๊กแบ็กอีกชั้น

ส่วนเส้นทางที่จะขน และรถจะต้องติดจีพีเอส ทั้งหมดจะถูกกำหนดโดยความสามารถของการรับปลายทาง และช่วงการขนจะต้องไม่ใช่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะเริ่มหลังสงกรานต์ โดยช่วงนี้จะอยู่ระหว่างการทำแผน และการขนจะต้องปลอดภัยเป็นไปตามหลักการไม่กระทบประชาชน

ทั้งนี้จะมีการส่งออกไปต่างประเทศหรือไม่ ย้ำว่าจากการตรวจสอบแล้วยังไม่พบ แต่หากมีการส่งจริงจะถือว่าเป็นการลักลอบ และตอนนี้ที่พบยังคงไปตั้งอยู่ตามที่ต่างๆ ในไทยที่มีการเปลี่ยนมือ

ด้าน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ กรุงเทพมหานคร ก็รู้สึกกังวลใจว่าจะหลุดรอดมาใน กทม. จึงได้ประสานความร่วมมือกับกรมโรงงาน โดยจะเน้นตรวจโรงหล่อ 154 และโรงหลอม 94 แห่ง ปูพรมตรวจไปแล้วทั้งหมด แต่ไม่ได้พบอะไร แต่กลับมาพบจุดนี้ ซึ่งเป็นจุดที่เก็บของเก่า และหลังจากนี้จะมีการเพิ่มเป้าหมายเป็นจุดเก็บของเก่าด้วย

โดยขั้นตอนต่อไปจะต้องลุยตรวจในพื้นที่ กทม.โดยละเอียด และจะให้รูปพรรณกับเจ้าหน้าที่ของ กทม.ในการช่วยสังเกตุ แต่อย่างน้อยก็รู้สึกเบาใจได้ว่า โรงงานนี้ เป็นโรงงานที่เกี่ยวข้องกับสมุทรสาคร ไม่ใช่พึ่งเกิดมาใหม่ ส่วนการทำความเข้าใจกับชาวบ้านใกล้เคียงนั้น หลังจากนี้จะเก็บตัวอย่างน้ำ ตัวอย่างอากาศว่ามีการปนเปื้อนมากน้อยแค่ไหน และตรวจร่างกายกับพนักงานในโรงงานด้วย

นอกจากนี้ เรายังสำรวจรอบๆ โรงงานแห่งนี้ พบว่าเป็นของเครือญาติเจ้าของทั้งหมด และเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลไม่ได้มีบ้านเรือนประชาชนอื่นๆ อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดประกาศห้ามเข้าใช้สถานที่ดังกล่าวและอายัดกากแคดเมียมไว้ทั้งหมดแล้ว

สำหรับตัวเลขกากแคดเมียมทั้งหมด มาจาก จ.ตาก 13,800 ตัน พบที่ จ.ชลบุรี 4,400ตัน พบที่ บริษัทเจแอนด์บีฯ จ.สมุทรสาคร 65,00 ตัน บริษัทนายจาง จ.สมุทรสาคร 1,034 ตัน โกดังที่ อ.กระทุ่มแบน 470 ตัน และวันนี้ที่กรุงเทพฯ 150 ตัน.-414.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย