จเรตำรวจเรียกสอบเพิ่ม 3 คน ถูกพาดพิงในคลิป  “เสี่ยแป้ง” 

พัทลุง 2 ธ.ค.- จเรตำรวจเรียกสอบปากคำเพิ่มอีก 3 ราย ที่ถูกกล่าวถึงในคลิปของ “แป้ง นาโหนด” รวมถึงผู้สื่อข่าวอีก 1 ราย ที่ได้คลิปมาเผยแพร่เป็นคนแรก


ที่ห้องประชุม 2 กองบังกับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง เช้าวันนี้ พล.ต.ต.โอภาส  ทั่งทอง  ผบก.กต.9  จเรตำรวจและคณะ ได้สอบปากคำ ร.ต.ต.ธีระวุฒิ หน.สายตรวจ 19 สภ.บ้านในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง (จ่าติก) จ.ส.อ.สมมิตร ทหารสังกัด ช.พัน 402 ค่ายอภัยบริรักษ์ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง (จ่ามิตร) และนายสมชาย อดีตประธานสภาเทศบาลตำบลปรางหมู่  อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง โดยไม่ให้สื่อขึ้นไปร่วมรับฟังแต่อย่างใด

ทั้ง 3 คนใช้เวลาอยู่ในภายห้องดังกล่าวเกือบ 4 ชั่วโมง ก่อนที่นายสมชาย อดีตประธานสภาเทศบาลตำบลปรางหมู่ จะลงมาตอบคำถามของผู้ข่าวแบบสั้นๆ ว่า มาให้ปากคำเกี่ยวข้องกรณีที่ “แป้ง นาโหนด” อัดคลิประบายถึงเรื่องคดีบุกเข้าปล้นตัวผู้ต้องหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 8 เมื่อปี 2562 ที่นายแป้ง ต้องติดคุกเพียงคนเดียว ไม่มีอะไรเพิ่มเติมมากมาย เรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถาม ส่วนใหญ่อยู่ในรูปคดีและสำนวนเบื้องต้นของเดิม และเจตำรวจไม่ได้นัดมาให้การหรือสอบปากคำอีกแล้ว ขณะที่อีก 2 คน คือ  ร.ต.ต.ธีระวุฒิ (จ่าติก) และ จ.ส.อ.สมมิตร (จ่ามิตร) หลบผู้สื่อข่าวเดินออกทางประตูด้านข้างกองบังกับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง หนีขึ้นรถกระบะและขับออกไปทันที


ขณะที่ในช่วงบ่าย นายไสวผู้สื่อข่าวประจำท้องถิ่นพัทลุง ซึ่งเลื่อนนัดเข้าให้ปากคำเป็นวันนี้ โดยระบุว่ามาให้ปากคำในฐานะพยาน เกี่ยวกับเอกสารรายละเอียดที่นายแป้ง ออกมาร้องเรียน ก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกันกับทีมงานสอบสวนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคลิปแต่อย่างใด ระบุไม่รู้สึกหนักใจในในการเข้าให้ปากคำในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตำรวจ เรื่องของคดีและเรื่องต่างๆ ที่ส่งผ่านมาที่ตน เพราะได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ส่วนจากการที่โพสต์เฟซบุ๊กว่านายแป้ง ยังมีความเกรงกลัวถึงความปลอดภัยนั้น นายไสว เผยนายแป้งและญาติ ยังกังวลในเรื่องดังกล่าว หากมีการมอบตัวมีอะไรที่จะสร้างความมั่นใจให้แก่นายแป้ง อาทิ การมอบตัวนายแป้งมีความปลอดภัยในระดับไหน และการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม กระบวนการศาล หากเข้าไปแล้วจะปลอดภัยในประการใด เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวนี้ยังไม่มีคำตอบให้กับเขา

เมื่อผู้สื่อข่าวหลังจากที่นายแป้งส่งคลิปครั้งที่ 2 มาให้นั้นมีสัญญาณอะไรจากนายแป้งบ้างหรือไม่ นายไสว กล่าวว่า  ไม่มีการติดต่อกันโดยตรงตั้งแต่ส่งคลิปครั้งที่ 2 มาให้ตน เพราะหลังจากนั้นจะส่งมายังทางญาติ ซึ่งเป็นการพูดคุยกันมากกว่า ส่วนการมอบตัวหรือไม่นั้นขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันแต่อย่างใด และสิ่งที่เขายังไม่มั่นใจคือความปลอดภัยและการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากกระแสข่าวที่นายแป้งจะเข้ามอบตัวภายใน  4-5 วันนี้ จากการพุดคุยกับทางญาติ ก็ไม่มีการยืนยันแต่อย่างใด และทางญาติได้พูดคุยกับตนหากนายแป้งเข้ามอบตัวใน 4-5 วันนี้ กระบวนการสอบสวน กระบวนการรื้อคดีทุกๆอย่าง จะไม่เป็นแบบเดิมหรอ ไม่มีการรื้อแต่อย่างใด ก็เหมือนกับการที่ตนได้พูดคุยกับรองโฆษกอัยการเมื่อวานนี้นั้น สรุปได้ว่า ณ วันนี้สำนวนการรื้อคดีใหม่มันยังไม่มีหลักฐานที่จะรื้อคดีใหม่ให้เขาได้ ไม่มีวัตถุพยาน พยานบุคคลใหม่ ทำให้ขณะนี้จึงไม่สามารื้อฟื้นคดีใหม่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทางดีเอสไอจะมีการรื้อคดีใหม่ โดยให้ภรรยานายแป้งเขียนใบคำร้องนั้น นายไสว กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ทางญาติ ไม่ได้พูดคุยกับตนในเรื่องนี้ ตนจึงไม่ทราบเรื่องของดีเอสไอ ในส่วนของทนายตนไม่ทราบเช่นกัน ส่วนตนจะทำในเรื่องที่นายแป้งได้ร้องเรียนมายังตน ในวันนี้ทุกคนบอกว่ามีการรื้อฟื้นคดี  รื้อฟื้นข้อเรียกร้องแต่ในขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรม รู้ว่ากระบวนการทำงานเริ่มแล้วแต่ยังไม่รู้ว่าการทำงานในข้อที่ 1-3 มีการปังธงไปแล้วแค่ไหน


ในขณะเดียวกันทางด้านนายกัมปนาท (อยู่ในระหว่างการหลบหนี) จากการเข้าค้นบ้านล่าสุด ซึ่งเป็นสารวัตรกำนัน ต.วังใหม่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ยังไม่มีการติดต่อเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน  สภ.ตะโหมด จ.พัทลุง  

ด้านตำรวจเร่งหาข้อมู โดยวันนี้ (1 ธ.ค.66) จเรตำรวจลงพื้นที่จังหวัดพัทลุง สอบปากคำบุคคลที่เสี่ยแป้งกล่าวอ้างถึงในคลิป โดยเฉพาะ “นายจรวด” ซึ่งคนนี้คือคนที่เสี่ยแป้งอ้างว่าถูกอัยการ บ. หลอกให้ไปชิงตัว จากแก๊งค้าเสพติดที่จับนายจรวดไปเป็นตัวประกัน เมื่อปี  62 แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นการชิงตัวผู้ต้องหาจากตำรวจ ทำให้เสี่ยแป้งถูกจับดำเนินคดี พร้อมกับนายจรวด และสุดท้ายนายจรวดได้ประกันไปคนเดียว ทั้งๆ ที่ข้อหาหนักกว่าเสี่ยแป้ง การสอบปากคำนายจรวดวันนี้ใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง หลังสอบปากคำเสร็จ นายจรวดรีบเดินทางกลับทันที โดยไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดกับสื่อแต่อย่างใด นอกจากนายจรวดแล้วยังมีอีก 5 คน ที่เสี่ยแป้งพาดพิงถึงในคดีเดียวกัน โดยในวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.66) จเรตำรวจนัดสอบปากคำ ประธานติ่ง และพ่อของนายจรวด ส่วนตำรวจที่ถูกกล่าวอ้างถึงทางทีมข่าวได้ติดต่อสอบถามได้คำตอบว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อให้ไปสอบปากคำ

ส่วนความคืบหน้า หลังเมื่อวานนี้ (30 พ.ย.66) เจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยพาเสี่ยแป้งหนีลงมาจากเทือกเขาบรรทัด ได้ตัว 4 คน พร้อมยึดของกลางจำนวนมาก ทั้งอาวุธปืน และกระสุน ล่าสุดมีการออกหมายจับเพิ่มอีก 1 คน คือ นายกัมปนาท ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี

คดีเสี่ยแป้ง ไม่ใช่แค่นักโทษหลบหนีคดี แต่ยังพาดพิงไปถึงกระบวนการยุติธรรม เพราะมีทั้งอัยการ ตำรวจผู้คุมเรือนจำ รวมไปถึงความเป็นอยู่ในเรือนจำที่เสี่ยแป้งออกมาแฉ เรื่องนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่า ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ทั้งรายละเอียดของคดีทั้งหมดของเสี่ยแป้ง รวมถึงเนื้อหาที่เสี่ยแป้ง อ้างว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังมีการอ้างถึงการติดสินบนเจ้าหน้าที่ โดยมีอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นประธาน และมีเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ รวมถึงสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมในคณะกรรมการด้วย ให้เวลา 10 วัน รายงานผล.–สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]