“บิ๊กโจ๊ก” ยืนยันพร้อมอพยพคนไทยทันทีหากเมียนมากำหนดเส้นทาง

กรุงเทพฯ 8 พ.ย. – “บิ๊กโจ๊ก” เผยพร้อมอพยพคนไทยกลับจากเมียนมาทันทีที่รัฐบาลเมียนมากำหนดเส้นทางเคลื่อนย้าย พร้อมคัดแยกกลุ่มเหยื่อและกลุ่มสมัครใจ เพื่อดำเนินคดีฐานมีส่วนร่วมในอาชญากรรมข้ามชาติ


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกนายทุนชาวจีนหลอกไปทำงานในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา ที่เป็นหนึ่งในฐานของขบวนการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ชาวจีนที่ใช้คนไทยทำงานที่เป็นคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงเหยื่อในประเทศไทย และขณะนี้เกิดการสู้รบว่า หลังจากที่ได้เดินทางไปหารือกับรัฐบาลเมียนมาเพื่อเร่งขอความช่วยเหลือคนไทยออกจากพื้นที่ที่มีการสู้รบดังกล่าว โดยล่าสุดสามารถช่วยเหลือคนไทยออกมาได้แล้วจำนวน 162 คน ที่เหลือ 74 คน ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายออกจากตัวอาคารได้ เนื่องจากถูกนายจ้างชาวจีนทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่จึงไม่กล้าเคลื่อนย้ายออกมา เกรงจะได้รับผลกระทบจะเกิดการสูญเสียระหว่างการเคลื่อนย้ายหากถูกโจมตี

ส่วนเส้นทางการลำเลียงคนไทยออกจากพื้นที่นั้น ขณะนี้รอการประสานงานจากทางเมียนมา ซึ่งอยู่ระหว่างกำหนดเส้นทางเคลื่อนย้ายเพื่อความปลอดภัย โดยหากมีความจำเป็นอาจต้องอพยพคนไทยไปผ่านเส้นทางในประเทศจีนก่อนก็ต้องทำ เพราะทุกชีวิตของคนไทยมีค่าจึงจำเป็นต้องพากลับประเทศไทยก่อน เพราะตอนนี้สถานการณ์สู้รบในเมียนมารุนแรงไม่ต่างจากอิสราเอล คาดว่าภายในปลายสัปดาห์นี้ หากได้รับการติดต่อจากเมียนมาว่าสามารถเคลื่อนย้ายคนไทยออกจากพื้นที่ได้หมดทุกคนแล้ว ตนก็จะเดินทางไปรับคนไทยกว่า 200 คน ออกจากพื้นที่ยังจุดที่กำหนดไว้


อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในจำนวนคนไทยทั้งหมดนั้น มีทั้งผู้ที่สมัครใจไปทำงาน โดยที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นงานในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมีบางส่วนที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกจริง ซึ่งขณะนี้มีรายชื่อทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้วจะประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงาน เพื่อดำเนินการสอบปากคำและร่วมกันคัดแยก โดยแบ่งเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่สมัครใจไปทำงานที่พบว่ามีอยู่กว่า 70% เพราะมีรายชื่อว่าเคยถูกช่วยเหลือออกมาจากกัมพูชามาแล้วก่อนหน้านี้ และกลุ่มที่สองคือกลุ่มที่ถูกหลอกจริง ๆ ซึ่งเป็นรายชื่อใหม่มีเพียง 30% เท่านั้น โดยผู้ที่สมัครใจไปจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามความผิดพระราชบัญญัติองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ฐานมีส่วนในอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุด และความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เพื่อไม่ให้บุคคลเหล่านี้กลับไปก่อคดีอีก และต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการหลอกลวงคนไทยด้วย ส่วนกลุ่มคนที่ตกเป็นเหยื่อนั้น จะได้รับการเยียวยาตามกฎหมาย. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]