คุมสอบชายชาวจีน หลังก่อเหตุลักพาตัวสาวร่วมชาติ

กทม. 14 ก.ย.- ตำรวจ สน.ทางด่วน 2 ควบคุมตัวชายชาวจีนมาสอบสวน หลังถูกจับกรณีลักพาตัวหญิงชาวจีน อายุ 27 ปี


นายสมพงษ์ คู่กรณีที่ถูกผู้ก่อเหตุขับรถชน เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 12.13 น. ขณะที่ตนเองขับรถออกจากด่านเก็บเงินบนทางด่วนศรีรัช ก็เกิดการจราจรติดขัด จากนั้นคู่กรณีก็ขับรถมาชนท้ายอย่างแรง จนได้รับความเสียหาย จากนั้นก็ได้มีการเจรจาเรื่องค่าเสียหายโดยใช้แอปพลิเคชันแปลภาษาในการสื่อสารกัน เนื่องจากคู่กรณีเป็นคนจีนพูดภาษาไทยไม่ได้ ก่อนที่ต่างคนจะขับรถลงมาจากทางด่วนเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่ประกันมาดำเนินการ ระหว่างนั้นก็มีตำรวจเข้ามาควบคุมตัวคู่กรณีไป ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น จนมาทราบภายหลังว่าหลังเกิดอุบัติเหตุบนทางด่วนนั้น มีหญิงผู้เสียหายชาวจีนได้ไปขอความช่วยเหลือกับคนขับรถแท็กซี่ที่จอดรถติดอยู่ใกล้เคียง ซึ่งถูกเชือกมัดมือมัดเท้าไว้ด้วย จากนั้น ตำรวจ สน.มักกะสัน ได้นำตัวทั้งผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายจาก สน.ทางด่วน 2 ไปสอบสวนที่ สน.มักกะสัน โดยติดต่อล่ามแปลภาษาจีนมาช่วยในการสอบปากคำ

ต่อมา พลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์รองผู้ชาการตำรวจนครบาลได้เดินทางมาประชุมความคืบหน้าคดีนี้ที่ สน.มักกะสัน โดยหลังประชุมได้เปิดเผยว่า เรื่องราวเกิดจากผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายนั้นได้ไปรู้จักกันทางเทเลแกรม จากการแนะนำให้รู้จักจากเพื่อนของฝ่ายหญิงผู้เสียหาย พูดคุยทำความรู้จักกันได้ 10 กว่าวัน จากนั้นก็ได้นัดกันไปรับประทานอาหารที่ร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งในซอยรามคำแหง 65 ก็ได้มีการดื่มเครื่องดื่มสุรากัน จากนั้นฝ่ายหญิงผู้เสียหายก็เกิดอาการเมาจนหมดสติ มารู้ตัวอีกทีก็พบว่ามานอนในสภาพเปลือยเปล่าอยู่ที่ห้องของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 81 จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ได้ชักชวนว่าจะพาไปเที่ยวพัทยา จึงขับรถไปด้วยกัน ระหว่างทางก็ซื้ออาหารมาให้รับประทาน ก่อนจะพาไปยังที่เปลี่ยวแล้วลงมือกดคอหญิงผู้เสียหาย ใช้เชือกมัดมือมัดเท้าแล้วข่มขู่เรียกค่าไถ่เป็นเงิน 200,000 หยวน หรือประมาณ 1 ล้านบาท แต่หญิงสาวผู้เสียหายบอกว่าไม่มีเงินมากขนาดนั้น จึงโทรศัพท์ไปขอยืมเพื่อน ซึ่งเพื่อนของผู้เสียหายก็โอนเงินเข้าบัญชีผู้เสียหาย มาให้ 50,000 หยวน หรือประมาณ 250,000 บาท จากนั้นระหว่างทางที่ผู้ต้องหาจะพาผู้เสียหายไปกดเงินที่ธนาคาร โดยใช้เส้นทางขึ้นทางด่วนศรีนครินทร์ จนมาเกิดอุบัติเหตุขับรถไปชนคู่กรณีบนทางด่วนศรีรัช จากนั้นหญิงผู้เสียหายจึงอาศัยจังหวะดังกล่าววิ่งหลบหนีออกจากรถไปขอความช่วยเหลือแท็กซี่ที่ขับผ่านมาพอดี จากนั้น คนขับแท็กซี่ จึงพาผู้เสียหายไปยัง สน.ทางด่วน 2 เพื่อให้ตำรวจช่วยเหลือ ก่อนที่ตำรวจทางด่วน 2 จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วตามไปจับกุมผู้ต้องหาได้ และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน สอบสวนดำเนินคดี ยึดของกลาง เป็นเชือกที่ใช้ก่อเหตุมัดมือมัดเท้าหญิงสาวผู้เสียหาย และเงินสดกว่า 100,000 บาทและเงินสกุลต่างประเทศอีกหลายสกุล


จากการตรวจสอบเบื้องต้น หญิงสาวผู้เสียหายมีอาชีพเป็นเอเย่นต์พาชาวจีนด้วยกันไปทำศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีใต้ พักอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านอโศกมนตรี ส่วนผู้ต้องหามีอาชีพรับจ้างขับรถอยู่ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งทั้งสองมักจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง โดยผู้ต้องหาใช้วีซ่านักท่องเที่ยว อยู่ได้ 15 วัน ส่วนหญิงผู้เสียหายใช้วีซ่านักท่องเที่ยวเช่นกัน อยู่ได้ 2 เดือน โดยหญิงผู้เสียหายเข้าประเทศไทยมาล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ส่วนผู้ต้องหาเคยเดินทางเข้าประเทศไทยมาแล้ว 4 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2565 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ครั้งที่ 3 เมื่อวีนที่ 16 กรกฎาคม 2566 และครั้งล่าสุดคือเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 อยู่ระหว่างประสานกับทางการจีนว่าเคยมีประวัติก่ออาชญากรรมหรือถูกออกหมายจับหรือไม่ โดยเบื้องต้นยังไม่พบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมตั้งกลุ่มเป็นแก๊ง หรือทำเป็นขบวนการ แต่เชื่อว่ามีพฤติกรรมหลอกลวงเหยื่อไปมอมยาแล้วข่มขู่รีดทรัพย์ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเคยก่อเหตุมามากน้อยแล้วเพียงใด ส่วนรถที่ใช้ก่อเหตุนั้นเช่ามาในราคาวันละ 5,000 บาท โดยเช่าเป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่ 11-14 กันยายน 2566 จึงทำให้เชื่อว่ามีการวางแผนก่อเหตุมาเป็นอย่างดี

ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา มีกรณีชายชาวจีนหลอกลวงหญิงชาวจีนด้วยกันจากย่านอาร์ซีเอไปที่โรงแรม ก่อนที่ฝ่ายชายจะขู่บังคับ มัดมือมัดเท้าสาวผู้เสียหาย แล้วเรียกค่าไถ่โดยให้โอนเงินกว่า 8 แสนบาท เหตุเกิดในท้องที่ สน.ห้วยขวาง แต่ผู้ก่อเหตุหลบหนีออกนอกประเทศไปได้ก่อน จากพฤติการณ์ที่คล้ายกันทำให้เห็นว่ามีคนจีนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย มาก่อเหตุหลอกลวงเหยื่อเรียกค่าไถ่ชาวจีนกันเอง ทางตำรวจนครบาลก็ได้พยายามสอดส่องดูแลเพื่อป้องกันคนร้ายก่อเหตุเช่นนี้ในประเทศไทย เพราะสร้างความเสียหายแก่ภาพลักษณ์ การท่องเที่ยว ถึงฝากประชาสัมพันธ์หากประชาชนพบเห็นความผิดปกติของชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยให้แจ้งตำรวจทันที

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในข้อหา เรียกค่าไถ่, หน่วงเหนี่ยวกักขัง, ทำให้สูญเสียอิสรภาพ และความผิดทางเพศ โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหากระทำอนาจารไว้ก่อน หากผลตรวจของแพทย์ ระบุว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศก็จะแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราต่อไป โดยหลังจากกุมตัวผู้ต้องหา ตำรวจได้พาไปตรวจค้นที่ห้องพักโรงแรมของผู้ต้องหาเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม เมื่อการสอบสวนแล้วเสร็จก็จะควบคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังต่อไป


ผู้สื่อข่าวยังสอบถามว่า การที่รัฐบาลมีนโยบาย สนับสนุนการท่องเที่ยว โดยใช้มาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวชาวจีน และคาซัคสถาน ที่เตรียมประกาศใช้ และจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 – กุมภาพันธ์ 2567 เป็นระยะเวลา 5 เดือนนั้น พอเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ จะส่งผลต่อการทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนักท่องเที่ยวชาวจีนยากขึ้นหรือไม่ เพราะเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าประเทศไทย พลตำรวจตรี นพศิลป์ ระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเตรียมการและวางแผนรับมือในการอำนวยความสะดวกดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทย อีกทั้งยังมีโปรแกรมจัดวางรวบรวมข้อมูลการเดินทางของนักท่องเที่ยวทุกคน ที่สามารถตรยจสอบติดตามตัวได้ จึงไม่น่าจะมีปัญหาต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ครม.แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​-​คดีพิเศษ-​พศ.

ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – ครม. แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ มอบ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​ -​ คดีพิเศษ -​ สำนักพุทธฯ​ ขณะที่ “เอกนิติ​” คุมพาณิชย์​ -​ สำนักงบฯ ด้าน “ธรรมนัส​” คุมท่องเที่ยว​ -​ เกษตร​ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​นัดพิเศษ นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ มีมติแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี​ 6 คน​ ประกอบด้วย นายพิพัฒน์​ รัชกิจประการ​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน​ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์​แห่งชาติ​ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒฒาพิเศษ​ภาคตะวันออก​ (อีอีซี) นายโสภณ​ ซารัมย์​ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านสังคม​ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ (ส​ทนช.) […]

ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

ครม. ตั้ง “ไตรศุลี” นั่งเลขาธิการนายกฯ อายุน้อยที่สุด

ทำเนียบ24 ก.ย. – ครม.นัดพิเศษ ตั้ง “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ วันนี้ (24 ก.ย.) มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ครม. มีมติแต่งตั้งให้นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือเรียกกันว่า “นายกฯ น้อย” ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องคอยสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี รวมถึงการบริหารจัดการงานทั่วไป และประสานงานให้กับนายกรัฐมนตรีโดยตรง นอกจากนี้ ยังเป็นตำแหน่งที่จะต้องรวบรวมวิเคราะห์ และกลั่นกรองข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอความเห็นประกอบการพิจารณา และการสั่งการของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม นางสาวไตรศุลี ถือเป็นผู้ที่รับตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ปัจจุบันนางสาวไตรศุลี อายุ 35 ปี และเป็นลูกสาวของ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มต้นการทำงานทางการเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี […]

เจ้าของห้องคอนโด ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

23 ก.ย. – เจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สิน ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ หนุ่มเจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สิน รวมถึงใช้อาวุธมีดมาเคาะประตูเชิงข่มขู่กลางดึก เปิดใจว่าขณะเกิดเหตุตกใจกลัวมาก หากประตูพังอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด ต้องวิ่งไปหลบในห้องนอนและเอาของมาวางกั้นไว้ แต่ก็ยังโทรฯ หาตำรวจและแจ้งนิติบุคคลคอนโด แต่ก็ไม่มีใครขึ้นมา ตอนนี้ต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวและลางาน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยมีหลายคนที่เจอเหตุการณ์เหมือนกับตนเอง ส่วนทางคู่กรณี ตนอยากจะบอกว่า ถ้าหากมีอาการจิตเวชจริงก็ขอให้เข้ารับการรักษา ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษเพราะเกินเวลานั้นมานานแล้ว ยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้วเชื่อว่ากฎหมายจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สีสันวันมงคล ครม.

26 ก.ย. – นายกรัฐมนตรีถือฤกษ์ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเข้าไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการครั้งแรก ขณะที่ยังมีรัฐมนตรีอีกหลายคนเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน แต่ละคนถือเคล็ดต่างกันไป สีสันวันมงคล ครม. -สำนักข่าวไทย

จารึกนาม “16 ทหารกล้า” แนวหน้าชายแดนไทย-กัมพูชา

26 ก.ย. – กองทัพบก จัดพิธีจารึกนาม และสดุดีกำลังพล ผู้สละชีพเพื่อชาติ จากกรณีพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา อย่างสมเกียรติ.-สำนักข่าวไทย

รอปูนแข็งตัว 6 ชม. แล้วเทซ้ำ วนไปจนถึงวันอาทิตย์

กทม. 26 ก.ย. – ผู้รับเหมาปรับแผน การเทปูนลงหลุมยักษ์ เป็นการเทตามวงรอบ 6 ชั่วโมง เว้น 6 ชั่วโมง เพื่อให้ปูนแข็งตัว โดยปูนที่เทลงไปก่อนหน้าได้ไปอุดช่องโหว่ในจุดที่จะเสี่ยงให้เกิดดินสไลด์ได้ทั้งหมด 100% แล้ว คาดการเทปูน จะจบตามแผนภายในวันอาทิตย์นี้.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย