คุมสอบชายชาวจีน หลังก่อเหตุลักพาตัวสาวร่วมชาติ

กทม. 14 ก.ย.- ตำรวจ สน.ทางด่วน 2 ควบคุมตัวชายชาวจีนมาสอบสวน หลังถูกจับกรณีลักพาตัวหญิงชาวจีน อายุ 27 ปี


นายสมพงษ์ คู่กรณีที่ถูกผู้ก่อเหตุขับรถชน เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 12.13 น. ขณะที่ตนเองขับรถออกจากด่านเก็บเงินบนทางด่วนศรีรัช ก็เกิดการจราจรติดขัด จากนั้นคู่กรณีก็ขับรถมาชนท้ายอย่างแรง จนได้รับความเสียหาย จากนั้นก็ได้มีการเจรจาเรื่องค่าเสียหายโดยใช้แอปพลิเคชันแปลภาษาในการสื่อสารกัน เนื่องจากคู่กรณีเป็นคนจีนพูดภาษาไทยไม่ได้ ก่อนที่ต่างคนจะขับรถลงมาจากทางด่วนเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่ประกันมาดำเนินการ ระหว่างนั้นก็มีตำรวจเข้ามาควบคุมตัวคู่กรณีไป ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น จนมาทราบภายหลังว่าหลังเกิดอุบัติเหตุบนทางด่วนนั้น มีหญิงผู้เสียหายชาวจีนได้ไปขอความช่วยเหลือกับคนขับรถแท็กซี่ที่จอดรถติดอยู่ใกล้เคียง ซึ่งถูกเชือกมัดมือมัดเท้าไว้ด้วย จากนั้น ตำรวจ สน.มักกะสัน ได้นำตัวทั้งผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายจาก สน.ทางด่วน 2 ไปสอบสวนที่ สน.มักกะสัน โดยติดต่อล่ามแปลภาษาจีนมาช่วยในการสอบปากคำ

ต่อมา พลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์รองผู้ชาการตำรวจนครบาลได้เดินทางมาประชุมความคืบหน้าคดีนี้ที่ สน.มักกะสัน โดยหลังประชุมได้เปิดเผยว่า เรื่องราวเกิดจากผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายนั้นได้ไปรู้จักกันทางเทเลแกรม จากการแนะนำให้รู้จักจากเพื่อนของฝ่ายหญิงผู้เสียหาย พูดคุยทำความรู้จักกันได้ 10 กว่าวัน จากนั้นก็ได้นัดกันไปรับประทานอาหารที่ร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งในซอยรามคำแหง 65 ก็ได้มีการดื่มเครื่องดื่มสุรากัน จากนั้นฝ่ายหญิงผู้เสียหายก็เกิดอาการเมาจนหมดสติ มารู้ตัวอีกทีก็พบว่ามานอนในสภาพเปลือยเปล่าอยู่ที่ห้องของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 81 จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ได้ชักชวนว่าจะพาไปเที่ยวพัทยา จึงขับรถไปด้วยกัน ระหว่างทางก็ซื้ออาหารมาให้รับประทาน ก่อนจะพาไปยังที่เปลี่ยวแล้วลงมือกดคอหญิงผู้เสียหาย ใช้เชือกมัดมือมัดเท้าแล้วข่มขู่เรียกค่าไถ่เป็นเงิน 200,000 หยวน หรือประมาณ 1 ล้านบาท แต่หญิงสาวผู้เสียหายบอกว่าไม่มีเงินมากขนาดนั้น จึงโทรศัพท์ไปขอยืมเพื่อน ซึ่งเพื่อนของผู้เสียหายก็โอนเงินเข้าบัญชีผู้เสียหาย มาให้ 50,000 หยวน หรือประมาณ 250,000 บาท จากนั้นระหว่างทางที่ผู้ต้องหาจะพาผู้เสียหายไปกดเงินที่ธนาคาร โดยใช้เส้นทางขึ้นทางด่วนศรีนครินทร์ จนมาเกิดอุบัติเหตุขับรถไปชนคู่กรณีบนทางด่วนศรีรัช จากนั้นหญิงผู้เสียหายจึงอาศัยจังหวะดังกล่าววิ่งหลบหนีออกจากรถไปขอความช่วยเหลือแท็กซี่ที่ขับผ่านมาพอดี จากนั้น คนขับแท็กซี่ จึงพาผู้เสียหายไปยัง สน.ทางด่วน 2 เพื่อให้ตำรวจช่วยเหลือ ก่อนที่ตำรวจทางด่วน 2 จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วตามไปจับกุมผู้ต้องหาได้ และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน สอบสวนดำเนินคดี ยึดของกลาง เป็นเชือกที่ใช้ก่อเหตุมัดมือมัดเท้าหญิงสาวผู้เสียหาย และเงินสดกว่า 100,000 บาทและเงินสกุลต่างประเทศอีกหลายสกุล


จากการตรวจสอบเบื้องต้น หญิงสาวผู้เสียหายมีอาชีพเป็นเอเย่นต์พาชาวจีนด้วยกันไปทำศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีใต้ พักอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านอโศกมนตรี ส่วนผู้ต้องหามีอาชีพรับจ้างขับรถอยู่ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งทั้งสองมักจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง โดยผู้ต้องหาใช้วีซ่านักท่องเที่ยว อยู่ได้ 15 วัน ส่วนหญิงผู้เสียหายใช้วีซ่านักท่องเที่ยวเช่นกัน อยู่ได้ 2 เดือน โดยหญิงผู้เสียหายเข้าประเทศไทยมาล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ส่วนผู้ต้องหาเคยเดินทางเข้าประเทศไทยมาแล้ว 4 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2565 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ครั้งที่ 3 เมื่อวีนที่ 16 กรกฎาคม 2566 และครั้งล่าสุดคือเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 อยู่ระหว่างประสานกับทางการจีนว่าเคยมีประวัติก่ออาชญากรรมหรือถูกออกหมายจับหรือไม่ โดยเบื้องต้นยังไม่พบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมตั้งกลุ่มเป็นแก๊ง หรือทำเป็นขบวนการ แต่เชื่อว่ามีพฤติกรรมหลอกลวงเหยื่อไปมอมยาแล้วข่มขู่รีดทรัพย์ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเคยก่อเหตุมามากน้อยแล้วเพียงใด ส่วนรถที่ใช้ก่อเหตุนั้นเช่ามาในราคาวันละ 5,000 บาท โดยเช่าเป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่ 11-14 กันยายน 2566 จึงทำให้เชื่อว่ามีการวางแผนก่อเหตุมาเป็นอย่างดี

ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา มีกรณีชายชาวจีนหลอกลวงหญิงชาวจีนด้วยกันจากย่านอาร์ซีเอไปที่โรงแรม ก่อนที่ฝ่ายชายจะขู่บังคับ มัดมือมัดเท้าสาวผู้เสียหาย แล้วเรียกค่าไถ่โดยให้โอนเงินกว่า 8 แสนบาท เหตุเกิดในท้องที่ สน.ห้วยขวาง แต่ผู้ก่อเหตุหลบหนีออกนอกประเทศไปได้ก่อน จากพฤติการณ์ที่คล้ายกันทำให้เห็นว่ามีคนจีนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย มาก่อเหตุหลอกลวงเหยื่อเรียกค่าไถ่ชาวจีนกันเอง ทางตำรวจนครบาลก็ได้พยายามสอดส่องดูแลเพื่อป้องกันคนร้ายก่อเหตุเช่นนี้ในประเทศไทย เพราะสร้างความเสียหายแก่ภาพลักษณ์ การท่องเที่ยว ถึงฝากประชาสัมพันธ์หากประชาชนพบเห็นความผิดปกติของชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยให้แจ้งตำรวจทันที

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในข้อหา เรียกค่าไถ่, หน่วงเหนี่ยวกักขัง, ทำให้สูญเสียอิสรภาพ และความผิดทางเพศ โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหากระทำอนาจารไว้ก่อน หากผลตรวจของแพทย์ ระบุว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศก็จะแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราต่อไป โดยหลังจากกุมตัวผู้ต้องหา ตำรวจได้พาไปตรวจค้นที่ห้องพักโรงแรมของผู้ต้องหาเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม เมื่อการสอบสวนแล้วเสร็จก็จะควบคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังต่อไป


ผู้สื่อข่าวยังสอบถามว่า การที่รัฐบาลมีนโยบาย สนับสนุนการท่องเที่ยว โดยใช้มาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวชาวจีน และคาซัคสถาน ที่เตรียมประกาศใช้ และจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 – กุมภาพันธ์ 2567 เป็นระยะเวลา 5 เดือนนั้น พอเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ จะส่งผลต่อการทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนักท่องเที่ยวชาวจีนยากขึ้นหรือไม่ เพราะเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าประเทศไทย พลตำรวจตรี นพศิลป์ ระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเตรียมการและวางแผนรับมือในการอำนวยความสะดวกดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทย อีกทั้งยังมีโปรแกรมจัดวางรวบรวมข้อมูลการเดินทางของนักท่องเที่ยวทุกคน ที่สามารถตรยจสอบติดตามตัวได้ จึงไม่น่าจะมีปัญหาต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

“พล.อ.ณัฐพล” เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” รมช.กลาโหม เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session […]