Elephant in Surin Province with mahout

สื่อจีนรายงานผลกระทบท่องเที่ยวสุรินทร์

สุรินทร์ 3 ส.ค. – สื่อทางการจีนรายงานว่า การท่องเที่ยวในจังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจท่องเที่ยวเกี่ยวกับช้าง ยังคงได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งและการปะทะกันตามแนวพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชา สถานีโทรทัศน์ซีจีทีเอ็น (CGTN) ของทางการจีนรายงานว่า ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งแม้ว่าได้ยุติลงชั่วคราวจากข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อจังหวัดสุรินทร์ของไทย ที่ซึ่งช้างซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวท้องถิ่นกำลังแบกรับภาระหนัก   รายงานระบุว่า สัตว์ที่มีตัวใหญ่ยักษ์อย่างช้าง มีความอ่อนโยนอย่างมาก อีกทั้งยังไวต่อเสียงและแรงสั่นสะเทือน จึงได้รับผลกระทบอย่างมากจากเสียงปืนใหญ่และเสียงคำรามของยานพาหนะทางทหารที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ควาญช้างในพื้นที่เล่าว่า ช้างเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว อยู่กันมาตั้งแต่ช้างลืมตาดูโลก เมื่อใดก็ตามที่เกิดระเบิดขึ้นใกล้ ๆ ช้างจะตกใจมาก และจะร้องไห้ แสดงปฏิกิริยาเหมือนคน ซีจีทีเอ็นรายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ด้านการท่องเที่ยวท้องถิ่นกล่าวว่า ช้างเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนจังหวัดสุรินทร์ ทำให้จังหวัดนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทุกงานทุกเทศกาลต่าง ๆ ในจังหวัดสุรินทร์ ล้วนมีช้างเป็นสัตว์อยู่ในงานด้วย นอกจากความสำคัญทางวัฒนธรรมแล้ว ช้างยังเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจจังหวัดสุรินทร์ เพราะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เน้นไปที่ปางช้าง เส้นทางขี่ช้างเที่ยว และการแสดงต่าง ๆ ช่วยเกื้อหนุนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสุรินทร์หลายพันครอบครัว แต่เมื่อเกิดการปะทะตามพรมแดนที่อยู่ใกล้กับสุรินทร์ ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทาง เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย.-815(814).-สำนักข่าวไทย

Indonesia's Lewotobi Laki-laki volcano erupts

ภูเขาไฟทางใต้ของอินโดนีเซียปะทุใหญ่

จาการ์ตา 3 ส.ค. – ภูเขาไฟบนเกาะฟลอเรส ทางตอนใต้ของอินโดนีเซีย เกิดการปะทุพ่นเถ้าถ่านร้อนสูงขึ้นไปเป็นระยะทางมากกว่า 10 กิโลเมตร ช่วงกลางดึกวันศุกร์ หลังจากปะทุครั้งใหญ่จนทางการบาหลีต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินหลายสิบเที่ยวมาแล้วเมื่อเดือนก่อน สำนักงานภูเขาไฟวิทยาแห่งอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ภูเขาไฟเลอโวโตบี ลากี-ลากี (Lewotobi Laki-laki)  เกิดปะทุขึ้นอีกครั้งช่วงกลางดึกคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น พ่นกลุ่มควันและเถ้าถ่านสูงขึ้นไปในอากาศกว่า 10 กิโลเมตร อีกทั้งยังทำให้เกิดฟ้าผ่าบริเวณที่กลุ่มควันและเถ้าถ่านปะทุจากปากปล่องภูเขาไฟ รวมถึงลาวาสีแดงที่ไหลลงมาตามเนินเขา แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้ได้รับอันตรายจากการระเบิดครั้งนี้ และยังไม่มีประกาศยกเลิกเที่ยวบิน มีเพียงคำประกาศเตือนชาวบ้านและนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้าใกล้ปากปล่องภูเขาไฟในรัศมี 6-7 กิโลเมตร และเฝ้าระวังอันตรายจากโคลนภูเขาไฟ หากว่ามีฝนตกหนักในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามชุมชนริมแม่น้ำ ปีนี้ภูเขาไฟเลอโวโตบี ลากี-ลากี ปะทุต่อเนื่องหลายครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคม การปะทุใหญ่ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ทำให้เกิดกลุ่มควันเถ้าถ่านสูงขึ้นไปในอากาศถึง 13 กิโลเมตร ส่งผลให้ต้องมีการยกเลิกเที่ยวบินที่สนามบินบนเกาะบาหลีที่อยู่ใกล้กันถึง 24 เที่ยวบิน ภูเขาไฟเลอโวโตบี ลากี-ลากี ที่แปลว่าเลอโวโตบีผู้ชาย มีความสูง 1,584 เมตร ตั้งอยู่บนเกาะฟอเรส ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของจังหวัดนูซาเตงการาตะวันออก ทางตอนใต้สุดของอินโดนีเซีย เป็นภูเขาไฟคู่แฝดกับภูเขาไฟเลอโวโตบี เปอเริมปวน (Lewotobi […]

News of Trump's tariff on India

อินเดียจะซื้อน้ำมันรัสเซียต่อไปไม่หวั่น “ทรัมป์” ขู่

นิวเดลี 3 ส.ค.- แหล่งข่าวในรัฐบาลอินเดียเปิดเผยว่า อินเดียจะเดินหน้าซื้อน้ำมันจากรัสเซียต่อไป แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐขู่ใช้มาตรการลงโทษ และจะเดินหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐหลังจากถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีร้อยละ 25 ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมว่า จะลงโทษอินเดียเพิ่มเติมหากยังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย จากนั้นได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมกำหนดใช้อัตราภาษีศุลกากรใหม่กับหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงอินเดียที่จะต้องเสียในอัตราร้อยละ 25 ต่อมาผู้นำสหรัฐกล่าวกับสื่อในวันรุ่งขึ้นว่า ทราบมาว่าอินเดียจะไม่ซื้อน้ำมันจากรัสเซียอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ในสหรัฐรายงานอ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสอินเดีย 2 คนเมื่อวันเสาร์ว่า รัฐบาลอินเดียไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใด ๆ เช่นเดียวกับรอยเตอร์ที่อ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลอินเดีย 2 คนว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างฉับพลัน สัญญาซื้อขายน้ำมันเป็นสัญญาระยะยาว ไม่สามารถหยุดซื้อได้ง่าย ๆ ในชั่วข้ามคืน นอกจากนี้การที่อินเดียซื้อน้ำมันจากรัสเซียยังช่วยคงราคาน้ำมันโลกไม่ให้แพงขึ้นอย่างกะทันหันด้วย ปัจจุบันอินเดียซื้อน้ำมันดิบรัสเซียในราคาต่ำกว่าเพดานราคาที่สหภาพยุโรปหรืออียูกำหนดไว้ตามมาตรการลงโทษรัสเซียเรื่องรุกรานยูเครน อินเดียเป็นประเทศที่นำเข้าและใช้น้ำมันมากเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยนำเข้าจากรัสเซียราว 1 ใน 3 ของการใช้งานทั้งหมด เฉพาะช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายนของปีนี้นำเข้าจากรัสเซีย 1.75 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม […]

สวนทุเรียนไทยใช้ AI จีนเพิ่มผลผลิต

2 ส.ค. – คอลัมน์ “Silk Road Tide – เส้นทางสายไหม สายใยไทยจีน” พาไปดูสวนทุเรียนอัจฉริยะ ของเกษตรกรชาวจันทบุรี ซึ่งนำเทคโนโลยีนวัตกรรมเกษตร AI ของจีนมาใช้ เพื่อให้การทำสวนทุเรียนได้ประสิทธิภาพ และเป็นการเกษตรที่มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย

อินเดียจะยังคงซื้อน้ำมันรัสเซียแม้ ‘ทรัมป์’ จะขู่ลงโทษก็ตาม

นิวเดลี 2 ส.ค. – หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ค ไทมส์ รายงานวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่อินเดียกล่าวว่า อินเดียจะยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซียต่อไป แม้จะมีความเสี่ยงที่จะถูกลงโทษจากคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐก็ตาม เจ้าหน้าที่อาวุโสของอินเดีย 2 คนระบุว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใด ๆ และเจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าวว่ารัฐบาลไม่ได้ออกคำสั่งใด ๆ ให้บริษัทน้ำมันลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ทำเนียบขาวของสหรัฐ กระทรวงต่างประเทศของอินเดีย และกระทรวงปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติของอินเดียยังไม่ได้ตอบคำขอของสำนักข่าวรอยเตอร์ให้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ ในขณะที่รอยเตอร์ยังไม่สามารถยืนยันข่าวเรื่องนี้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ เมื่อเดือนที่แล้ว นายทรัมป์เคยโพสต์ข้อความบนแอปพลิเคชัน ทรูธโซเชียล ของเขาว่าอินเดียจะต้องเผชิญกับการลงโทษเพิ่มเติมหากยังคงซื้ออาวุธและน้ำมันจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเขากล่าวว่าเขาไม่สนใจว่าอินเดียจะทำอะไรกับรัสเซียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายทรัมป์ได้บอกกับนักข่าวว่าเขาได้ยินมาว่าอินเดียจะไม่ซื้อน้ำมันจากรัสเซียอีกต่อไป ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าโรงกลั่นของรัฐบาลอินเดียได้หยุดซื้อน้ำมันรัสเซียในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากส่วนลดมีน้อยลงในเดือนกรกฎาคม เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม นายทรัมป์เคยขู่ว่าจะเก็บภาษี 100% กับประเทศที่ซื้อน้ำมันรัสเซีย เว้นแต่ว่ารัฐบาลมอสโกจะบรรลุข้อตกลงสันติภาพที่สำคัญกับยูเครน ทั้งนี้ รัสเซียเป็นผู้จัดหาน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 35% ของปริมาณน้ำมันทั้งหมดที่อินเดียนำเข้าจากต่างประเทศ.-813.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีเหนือหวังสันติภาพที่ยั่งยืนไทย-กัมพูชา

โซล 2 ส.ค. – เกาหลีเหนือ ได้แสดงความหวังที่จะเห็น “สันติภาพและความมั่นคงที่ยั่งยืน” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่ประเทศไทยและกัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในสัปดาห์นี้ เพื่อยุติเหตุปะทะที่คร่าชีวิตผู้คนตามแนวชายแดนมาหลายวัน สำนักข่าวยอนฮับ ของเกาหลีใต้รายงานอ้างแถลงการณ์โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือในวันนี้ผ่านสำนักข่าวกลางเกาหลี หรือ เคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ หลังจากข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้เมื่อเที่ยงคืนของวันจันทร์ที่ผ่านมา โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือกล่าวว่า เกาหลีเหนือหวังว่าประเทศทั้งสองที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะสามารถบรรลุสันติภาพและความมั่นคงที่ยั่งยืนในภูมิภาคได้ ด้วยการคลี่คลายความขัดแย้ง สร้างความเชื่อมั่นทางการเมืองให้ลึกซึ้ง และส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี.-813.-สำนักข่าวไทย

อดีต ปธน. โคลอมเบียถูกตัดสินกักบริเวณ 12 ปี

โบโกตา 1 ส.ค. – ผู้พิพากษาศาลโคลอมเบียตัดสินเมื่อวานนี้ให้กักบริเวณนายอัลบาโร อูริเบ อดีตประธานาธิบดีโคลอมเบีย ในบ้านพักเป็นเวลา 12 ปี ในความผิดฐานใช้อำนาจโดยมิชอบและติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ ในคดีที่ดำเนินมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเขากับกลุ่มกองกำลังกึ่งทหารฝ่ายขวาในอดีต นายอูริเบถูกตัดสินว่ามีความผิดในสองข้อหานี้เมื่อวันจันทร์โดยผู้พิพากษาแซนดรา ลิเลียนา เฮเรเดีย ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการข่มขู่พยาน ซึ่งใช้เวลาพิจารณาคดีมานานกว่า 13 ปี โดยนายอูริเบยืนยันมาโดยตลอดว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ผู้พิพากษาเฮเรเดียอ่านคำพิพากษาต่อศาลในการพิจารณาคดีช่วงบ่ายวันศุกร์ คำตัดสินของระบุว่า นายอูริเบจะต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 578,000 ดอลลาร์ และถูกห้ามดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลามากกว่าแปดปี คำพิพากษาระบุว่า นายอูริเบซึ่งทีมทนายความกล่าวว่าจะยื่นอุทธรณ์ จะต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ในเมืองริโอเนโกร จังหวัดอันติโอเกีย ซึ่งเป็นที่พำนักของเขา จากนั้นจะต้องเดินทางไปยังที่พักของเขาโดยทันทีเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งให้กักบริเวณในบ้านพักตามคำสั่งศาล การตัดสินลงโทษครั้งนี้ทำให้นายอูริเบเป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกของประเทศที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในชั้นศาล และเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งปีก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีโคลอมเบียปี 2026 ซึ่งพันธมิตรและลูกน้องหลายคนของนายอูริเบกำลังแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่ง นอกจากนี้ การตัดสินลงโทษดังกล่าวยังอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างโคลอมเบียกับสหรัฐด้วย โดยนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า การตัดสินลงโทษนายอูริเบเป็นการใช้อำนาจของศาลโคลอมเบียเป็นอาวุธโดยผู้พิพากษาที่มีแนวคิดสุดโต่ง และนักวิเคราะห์กล่าวว่าอาจมีการตัดความช่วยเหลือจากสหรัฐเพื่อตอบโต้ นายอูริเบ วัย 73 ปี และผู้สนับสนุนเขา ยืนยันมาโดยตลอดว่ากระบวนการนี้เป็นการกลั่นแกล้ง ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามของเขาแสดงความยินดีว่าเป็นผลกรรมที่สมควรได้รับสำหรับชายที่ถูกกล่าวหามานานหลายทศวรรษว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มกองกำลังกึ่งทหารฝ่ายขวาที่ใช้ความรุนแรง แต่ไม่เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาญาใด ๆ จนกระทั่งถึงตอนนี้ นายอูริเบกล่าวว่าทีมทนายของเขาจะยื่นอุทธรณ์อย่างเป็นทางการเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อล้มล้างคำตัดสินทั้งหมด.-813.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีเหนือกล่าวโจมตีการซ้อมรบร่วมสหรัฐ-เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น

โซล 2 ส.ค. – เกาหลีเหนือ กล่าววันนี้ประณามการซ้อมรบทางทหารครั้งล่าสุดของสหรัฐร่วมกับกองกำลังเกาหลีใต้และญี่ปุ่น โดยกล่าวหาว่าเป็นการเตรียมการสำหรับ “การชิงโจมตีก่อน” (preemptive strikes) ต่อเกาหลีเหนือ สำนักข่าวยอนฮับ ของเกาหลีใต้รายงานวันนี้ว่า “โรดอง ซินมุน” (Rodong Sinmun) หนังสือพิมพ์หลักของทางการเกาหลีเหนือกล่าวหาดังกล่าวในบทความหนึ่งโดยหยิบยกประเด็นการซ้อมรบทางอากาศที่นำโดยสหรัฐ ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วในบริเวณใกล้กับญี่ปุ่น และการซ้อมรบด้านการส่งกำลังบำรุงทางอากาศระหว่างนาวิกโยธินเกาหลีใต้และสหรัฐ บทความดังกล่าวระบุว่า การซ้อมรบเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อดำเนินการชิงโจมตีเกาหลีเหนือก่อนเพื่อตัดตอน พร้อมเสริมว่า เพื่อเป็นการสร้างสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีและในภูมิภาค การกระทำทางทหารของสหรัฐ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้จะต้องยุติลง บทความยังวิพากษ์วิจารณ์ความร่วมมือทางทหารไตรภาคีอย่างต่อเนื่องระหว่างเกาหลีใต้ สหรัฐ และญี่ปุ่น โดยกล่าวหาว่ามีเจตนาที่จะ “บดขยี้” เกาหลีเหนือด้วยกำลังทางทหารร่วมกัน นอกจากนี้ ยังระบุว่าเป็นการกระทำที่ชอบธรรมและถูกต้องที่เกาหลีเหนือจะเสริมสร้างกำลังป้องกันของตนเพื่อตอบโต้กิจกรรมดังกล่าวของทั้งสามประเทศ สำหรับเกาหลีใต้ได้พยายามเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงแบบสามฝ่ายกับสหรัฐและญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่เพิ่มขึ้นจากเกาหลีเหนือ.-813.-สำนักข่าวไทย

หนุ่มอังกฤษพิชิตยอดตึกสูงในเดนมาร์ก

ลอนดอน 2 ส.ค. – จอร์จ คิง หนุ่มนักปีนตึกชาวอังกฤษ สามารถพิชิตยอดตึกสูงในเดนมาร์กได้สำเร็จเมื่อวานนี้ คิงปีนขึ้นไปบนยอดอาคารสูงของโรงแรมเรดิสัน บลู ในกรุงโคเปรเฮเกนของเดนมาร์ก เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นการปีนขึ้นไปแบบไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้ใดๆ ทั้งสิ้นมีแค่มือเปล่าค่อยๆ ปีนขึ้นไปตามช่องระบายอากาศของตัวอาคาร และในที่สุดเขาก็สามารถขึ้นไปถึงยอดตึกได้สำเร็จก่อนจะลงมาสู่พื้นด้วยการกระโดดร่มลงมา ซึ่งทุกอย่างเรียบร้อยปลอดภัยดี รายงานข่าวระบุว่าหลังจากคิงลงมาถึงพื้นเขาก็ถูกตำรวจจับกุมตัวตามระเบียบและถูกลงโทษปรับเป็นเงิน 300 ยูโร หรือราว 12,300 บาท คิง วัย 26 ปี เป็นหนึ่งใน “ไอ้แมงมุม” อีกคนหนึ่งที่ตระเวนปีนตึกสูงในหลายประเทศทั่วโลก เมื่อปี 2564 เขาเคยพยายามปีนตึกโรงแรมแห่งนี้มาแล้วแต่ยังทำไม่สำเร็จเนื่องจากมีปัญหาว่าช่องระบายอากาศที่เขาปีนขึ้นไปนั้นไม่ได้ถูกขันน็อตให้มั่นคงแข็งแรง การกลับมาครั้งนี้จึงเป็นการมาทำให้สิ่งที่ยังค้างคาอยู่บรรลุเป้าหมาย ก่อนหน้านี้เขาเคยพิชิตยอดตึกมาแล้วหลายแห่ง เช่นตึกชาร์ดในกรุงลอนดอน ซึ่งเวลานั้นคิงเพิ่งจะมีอายุเพียง 19 ปีเท่านั้นจึงทำให้เขาได้รับความสนใจจากทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีอาคารล็อตเต้ ทาวเวอร์ ในกรุงโซล อาคารตราโทสเฟียร์ในกรุงลอนดอน และโคเปนฮิลล์ ในกรุงโคเปนเฮเกน.-815.-สำนักข่าวไทย

กราดยิง 4 ศพในบาร์สหรัฐ

มอนแทนา 2 ส.ค. – เหตุการณ์กราดยิงในสหรัฐเกิดขึ้นอีกครั้ง ล่าสุดเมื่อวานนี้ มีเหตุเกิดขึ้นในบาร์แห่งหนึ่งในรัฐมอนแทนา มีผู้เสียชีวิตไป 4 คน ทางการสหรัฐเปิดเผยว่าเหตุการณ์กราดยิงครั้งนี้เกิดขึ้นในบาร์ที่มีชื่อว่า “อาวล์ บาร์” (Owl Bar) อยู่ในเมืองอนาคอนดา รัฐมอนแทนา เมื่อเวลา 10.30 น. ช่วงสายของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ผู้ต้องสงสัยเป็นคนที่อาศัยอยู่ในบ้านที่อยู่ติดๆ กับบาร์แห่งนี้ โดยทางการระบุว่าชื่อคือนายไมเคิล พอล บราวน์ อายุ 45 ปี หลังจากเหตุแล้วนายบราวน์ได้หลบหนีไป เวลานี้เจ้าหน้าที่กำลังตามล่าตัวอยู่ และในระหว่างที่ยังไล่ล่ามือปืนเจ้าหน้าที่เรียกร้องให้ประชาชนอยู่ภายในบ้านเนื่องจากผู้ต้องสงสัยมีอาวุธอาจเป็นอันตรายได้ ส่วนมูลเหตุจูงใจในการสังหารเหยื่อทั้ง 4 คงยังอยู่ระหว่างการสอบสวน.-816.-สำนักข่าวไทย

‘ทรัมป์’ เล็งนำรายได้จากภาษีนำเข้าสินค้ามาจ่ายเป็น “เงินปันผล”

วอชิงตัน 2 ส.ค. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าวในวันศุกร์ว่าเขาอาจพิจารณาให้ “เงินปันผล” แก่ประชาชนโดยนำเงินมาจากรายได้ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นปี นายทรัมป์เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตราที่สูงลิ่วจากหลายประเทศ โดยให้เหตุผลว่าจะช่วยชำระหนี้และลดภาวะเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกันเส้นตายเรื่องภาษีนำเข้าของนายทรัมป์ในวันศุกร์ไม่ได้ช่วยให้ตลาดหลักทรัพย์ดีขึ้นมากนัก โดยตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและผลการเจรจากับจีน สำหรับนักลงทุนที่คุ้นชินกับการข่มขู่ของนายทรัมป์ การที่เขายืนยันเก็บภาษีนำเข้าจากหลายสิบประเทศอาจเป็นสัญญาณเตือน เนื่องจากเส้นตายในการทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐได้สิ้นสุดลงแล้ว และภาษีใหม่ก็เริ่มมีผลตามกำหนด อัตราภาษีนำเข้าใหม่ของนายทรัมป์ที่อยู่ในอัตราสูงนั้นรวมถึงการเรียกเก็บภาษี 35% สำหรับสินค้าหลายรายการจากแคนาดา, 50% สำหรับบราซิล, 25% สำหรับอินเดีย, 20% สำหรับไต้หวัน และ 39% สำหรับสวิตเซอร์แลนด์.-813.-สำนักข่าวไทย

‘ทรัมป์’ สั่งเคลื่อนย้ายเรือดำน้ำนิวเคลียร์

วอชิงตัน 2 ส.ค. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่าเขาได้สั่งให้เรือดำน้ำนิวเคลียร์ 2 ลำไปประจำการใน “ภูมิภาคที่เหมาะสม” เพื่อตอบโต้คำพูดของนายดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย เกี่ยวกับความเสี่ยงของสงครามระหว่างสองประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงมองว่าการเคลื่อนไหวของนายทรัมป์เป็นการยกระดับความขัดแย้งทางวาทะกับรัสเซีย แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นการยกระดับทางทหาร เนื่องจากสหรัฐมีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่ประจำการอยู่แล้วและสามารถโจมตีรัสเซียได้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นายเมดเวเดฟกล่าวว่านายทรัมป์ควรจำไว้ว่ารัสเซียก็มีศักยภาพในการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ในยุคโซเวียต หลังจากที่นายทรัมป์บอกให้นายเมดเวเดฟระวังคำพูด นายทรัมป์โพสต์ในโซเชียลมีเดียในวันศุกร์ กล่าวว่า จากคำพูดที่ยั่วยุอย่างยิ่งของอดีตประธานาธิบดีรัสเซีย นายดมิทรี เมดเวเดฟ เขาจึงได้สั่งให้เรือดำน้ำนิวเคลียร์ 2 ลำไปประจำการในภูมิภาคที่เหมาะสม เผื่อว่าคำพูดที่โง่เขลาและปลุกปั่นเหล่านี้จะเป็นมากกว่าแค่คำพูด เขากล่าวเสริมด้วยว่า คำพูดมีความสำคัญมาก และมักจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจ เขาหวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่เป็นหนึ่งในสถานการณ์เหล่านั้น เมื่อนักข่าวถามในในเวลาต่อมาว่าทำไมถึงสั่งให้เคลื่อนย้ายเรือดำน้ำ นายทรัมป์กล่าวว่า อดีตประธานาธิบดีรัสเซียได้ข่มขู่ และเขาจะปกป้องประชาชน กองทัพเรือสหรัฐและกระทรวงกลาโหมปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพูดของนายทรัมป์ หรือการเคลื่อนย้ายเรือดำน้ำ โดยปกติแล้วกองทัพสหรัฐจะไม่เปิดเผยรายละเอียดการประจำการและตำแหน่งของเรือดำน้ำสหรัฐเนื่องจากเป็นภารกิจที่ละเอียดอ่อนในการป้องปรามนิวเคลียร์ นายทรัมป์ไม่ได้ระบุเจาะจงว่า “เรือดำน้ำนิวเคลียร์” ที่เขากล่าวถึงคืออะไร เรือดำน้ำทางทหารของสหรัฐทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์และบางลำอาจติดขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงกล่าวว่าการที่ประธานาธิบดีสหรัฐพูดถึงศักยภาพทางทหารนิวเคลียร์ใด ๆ ก็ทำให้เกิดความกังวล โดยสังเกตว่าในอดีตสหรัฐ หลีกเลี่ยงที่จะตอบโต้การข่มขู่ด้วยนิวเคลียร์ของรัสเซีย เนื่องจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดในโลก.-813.-สำนักข่าวไทย

1 15 16 17 18 19 5,529
...