โดนหลายข้อหาขับ จยย.โชว์ท่าเสี่ยงอุบัติเหตุ

ฉะเชิงเทรา 23 ก.ย.- เจอตัวแล้ว! ชายวัย 27 ปี ถูกตำรวจดำเนินคดีหลายข้อหา หลังมีคลิปแชร์โซเชียลขับ จยย.เสี่ยงอุบัติเหตุบนถนนสายแปลงยาว-แปดริ้ว อ้างนึกสนุกระหว่างกลับบ้าน อยากโชว์ท่าขับ พร้อมขอโทษสังคม กรณีโซเชียลแชร์ภาพชายวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้ร่วมทาง โดยกางมือทั้งสองข้างออกลักษณะคล้ายแปลงกายแบบยอดมนุษย์ ขับขี่ส่ายไปส่ายมาบนถนน 331 สายแยกเกตเวย์-ทุ่งสะเดา อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ด้าน พ.ต.อ.สนธิยา ใหญ่ไล้บาง ผู้กำกับการ สภ.แปลงยาว ได้ให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่สืบหาตัว ล่าสุด (23 ก.ย.) ได้นำชายในคลิปดังกล่าวมาสอบปากคำ คือ นายณรงค์ชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ให้การว่าวันนั้นกำลังขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางเกิดนึกสนุก อยากเล่น อยากโชว์การขับแบบแปลก ๆ แต่คิดว่าจะบานปลายถูกดำเนินคดี ต้องขอโทษสังคมและผู้ที่ใช้รถใช้ถนนทุกคนในขณะนั้นด้วย พ.ต.อ.สนธิยา กล่าวว่า หลังสอบปากคำแล้ว เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีนายณรงค์ชัย มีทั้งไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ รวมทั้งขับขี่รถโดยประมาทและเป็นที่หวาดเสียวบนทางสาธารณะ.-สำนักข่าวไทย

ดีอีเอสเล็งปิดเว็บพนันเพิ่มอีก 220 เว็บไซต์

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. รมว.ดีอีเอส ขอคำสั่งศาลสั่งปิดเว็บพนันออนไลน์อีกกว่า 220 เว็บไซต์ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. รักษาการ เลขาธิการ กสทช. หารือกับ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ในการประชุมติดตามมาตรการระงับการเข้าถึงเว็บไซต์พนันออนไลน์ โดยภายหลังการประชุม นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า วันนี้ (23 ก.ย.)  ได้มีการจัดการประชุมหารือร่วมกันระหว่าง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี)  และผู้ให้บริการมือถือ (โอเปอร์เรเตอร์) ทุกราย เรื่องการระงับการเข้าถึงเว็บไซต์การพนันออนไลน์ เพื่อติดตามความคืบหน้าและหาข้อสรุปแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วน เพื่อให้การทำงานในเรื่องนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ล่าสุดได้มีการรวบรวมหลักฐานเพื่อขอคำสั่งศาลสั่งปิดเว็บพนันออนไลน์อีกกว่า 220 เว็บไซต์ สำหรับการติดตามดำเนินการกับผู้กระทำความผิดกรณีการใช้สื่อสังคมออนไลน์กระทำผิดกฎหมาย ในช่วง การชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้พิจารณาเรื่องที่เข้าข่ายการกระทำความผิด รวมถึงเนื้อหาที่อาจละเมิด  พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560  จำนวน […]

ยึดยาบ้านับล้านเม็ด ซุกรถห้องเย็นจอดทิ้งปั๊ม

ตำรวจเร่งขยายผลหลักฐานตามจับคนขับรถบรรทุกห้องเย็นจอดทิ้งในปั๊มน้ำมันย่านบางสะพานน้อย-ประจวบฯ และยึดยาบ้ากว่า 2 ล้านเม็ด

หนองคายพร้อมจัดงานบั้งไฟพญานาคโลก

ผู้ว่าฯ หนองคาย มั่นใจงานประเพณีออกพรรษาบั้งไฟพญานาคโลกปีนี้คึกคักไม่แพ้ทุกปีที่ผ่านมา แม้ยังต้องคุมเข้มโควิด-19 แต่ทุกพื้นที่เตรียมพร้อมไว้แล้วมีกิจกรรมทั้ง 6 อำเภอ

ทีโอทีจับมือมิวสเปซบุกตลาดดาวเทียมวงโคจรต่ำ

กรุงเทพฯ 23 ก.ย.ทีโอที จับมือ มิว สเปซ ลุยเทคโนโลยีอวกาศ มุ่งดาวเทียมวงโคจรต่ำตอบโจทย์ดิจิทัลในอนาคต นายมรกต เธียรมนตรี รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทีโอที ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ มิวสเปซ เพื่อศึกษาและวิจัยความเป็นไปได้และโอกาสในการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีไร้สาย ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) โดย ทีโอที ได้จัดคณะทํางาน เพื่อดําเนินการศึกษาพร้อมกับการพัฒนาบุคลากร ซึ่งประกอบไปด้วยผู้บริหาร และพนักงาน เพื่อสร้างองค์ความรู้และขีดความสามารถในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดาวเทียมในอนาคต โดยตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการและเป็นศูนย์กลางเกตเวย์ภาคพื้นดิน ให้บริการ Space IDC และ Space Digital Platform ในอนาคต บมจ.ทีโอที ได้สร้าง Server Payload ที่ประกอบด้วย Web Server, IoT Platform และ Big Data Device เพื่อการส่งอุปกรณ์ขึ้นไปทดสอบกับ Blue Origin จรวดของบริษัทในเครืออเมซอน ประเทศอเมริกา ซึ่งได้ผ่านการทดสอบแล้วทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยที่ผ่านมา ทีโอที ได้ให้โอกาสเด็กเยาวชน จากโครงการ TOT Young Club เข้ามามีส่วนร่วมในการเขียนโปรแกรม (software)  เพื่อติดตั้งไปพร้อมกับอุปกรณ์ของ ทีโอที นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกสร้างโดยนักเรียนมัธยม ที่มีโอกาสทํางาน บนสภาพแวดล้อมอวกาศในจรวด Blue Origin โดยการรันในโปรแกรมจริง  นายมรกต กล่าวว่า ทีโอที มีโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่ครบทุกด้าน ทั้งในเรื่องท่อร้อยสายใต้ดิน เสาสัญญาณสื่อสารโทรคมนาคม และสายไฟเบอร์ออปติก ซึ่งถือเป็นโครงสร้างสำคัญที่ธุรกิจดาวเทียมวงโคจรต่ำต้องการ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของทีโอที ที่จะมุ่งไปสู่บริการ Space IDC และ Space Digital Platform ซึ่งในอนาคตสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้านอวกาศจะมีศักยภาพสูงในหลายด้าน เช่น ความสามารถในการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ จะทำได้ง่ายกว่าภาคพื้นดิน ด้วยคุณสมบัติที่ได้เปรียบของดาวเทียมวงโคจรต่ำ ที่มีโอกาสอย่างมากที่จะเข้ามาแทนที่การให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตทางสาย ที่มีความยุ่งยากในการติดตั้งและบํารุงรักษา และการลดต้นทุน ทำให้เกิดความเป็นไปได้ทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น การสร้าง Internet Data Center และ IoT platform บนวงโคจรในอนาคตข้างหน้า นายวรายุทธ เย็นบำรุง กรรมการและ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัดกล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมทำงานกับองค์กรระดับประเทศด้านโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่แข็งแกร่งอย่าง ทีโอที โดย มิว สเปซ พร้อมสนับสนุนกิจการภาครัฐในด้านการรับส่งสัญญาณในระบบดิจิทัลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อร่วมในการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีอวกาศ เพิ่มศักยภาพการให้บริการเครือข่ายสถานีภาคพื้นดินบริการการรับและส่งสัญญาณดาวเทียมในระบบวงโคจรต่ำ รองรับการใช้งาน เทคโนโลยีเครือข่าย 5G ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จะทําให้การสื่อสารกระจายครอบคลุมไป ทั่วทุกพื้นที่มากยิ่งขึ้น ทั้งพื้นที่ที่ห่างไกลซึ่งเสาสัญญาณไม่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นประโยชน์และมีความสําคัญอย่างมาก ต่อการสื่อสารในอนาคตที่กําลังจะเกิดขึ้น ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสามารถเข้าถึงการศึกษา ความรู้ อาชีพ และโอกาสต่างๆ ได้อย่างเท่าเทียม และยังเป็นการยกระดับเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสารของไทยให้มีความสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างทัดเทียม นายวรายุทธ กล่าวอีกว่า เป้าหมายหลักสำคัญของเราในการจับมือกับ ทีโอที เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางด้านธุรกิจดาวเทียมโดยเริ่มที่ โครงการการส่งอุปกรณ์สื่อสารที่สามารถทํางานบน Space Environment ไปทดสอบบนอวกาศซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างองค์ความรู้และขีดความสามารถในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดาวเทียมและอวกาศให้กับประเทศไทยเพื่อพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมดาวเทียมและอวกาศในไทยให้ก้าวหน้าทันสมัยมากยิ่งขึ้น-สำนักข่าวไทย.

ดีป้าเผยภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิทัลทรงตัว

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. ดีป้าเผยผลสำรวจอุตสาหกรรมดิจิทัล ปี 2561-2562 ภาพรวมทรงตัวคาดปี 2563 โควิด-19ช่วยหนุนตลาดบริการดิจิทัลโตก้าวกระโดด นางสาวกษิติธร ภูภราดัย รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า แถลงผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัล ปี 2561-2562 ว่า ดีป้าได้ประมาณการมูลค่าตลาดดิจิทัลไทยปี 2563-2565ครอบคลุม 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วย อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์  อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมบริการด้านดิจิทัล อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ และอุตสาหกรรมบิ๊กดาต้า   มูลค่าตลาดอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย ปี 2561 มีมูลค่ารวม 637,676 ล้านบาท ส่วนปี 2562 มีมูลค่ารวม 647,952 ล้านบาท ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 1.61 โดยปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยปี 2561-2562 มาจากปริมาณความต้องการใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าสู่สังคมดิจิทัล ขณะเดียวกันหน่วยงานต่าง ๆ เล็งเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล  อีกทั้งผู้คนเริ่มคุ้นเคยและใช้บริการดิจิทัลมากขึ้น ในทางกลับกันปัจจัยที่เป็นตัวฉุดรั้งการเติบโตของมูลค่าตลาดมาจากขาดผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ ที่มากระตุ้นตลาด ทำให้ปริมาณความต้องการอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ทชะลอตัวลง และหันไปใช้ในรูปแบบบริการมากขึ้น (เช่น บริการ cloud) การขาดแคลนกำลังคนดิจิทัล ซึ่งส่งผลให้อุตสาหกรรมขยายตัวได้ไม่เต็มที่ ขณะที่การใช้บริการต่าง ๆ ที่ซื้อตรงจากต่างประเทศมีมากขึ้น ทำให้ไม่มีข้อมูลแสดงรายได้ในประเทศ สำหรับผลการสำรวจอุตสาหกรรมดิจิทัล ปี 2561-2562 จำแนกตามประเภทชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ปี 2561 มีมูลค่ารวม 118,917 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 8.10 เมื่อเทียบกับปี 2560ขณะที่ปี 2562 มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 134,817ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 13.37 ด้านอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ ปี 2561 มีมูลค่ารวม 325,261 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 7.29 จากปี 2560 ขณะที่ปี 2562 มีมูลค่าตลาดรวม 299,343 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าเฉลี่ยร้อยละ 7.97 โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์นั้นมีมูลค่าตลาดลดลงต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งในด้านจำนวนเครื่องและมูลค่า ขณะที่ส่วนที่เติบโตคืออุปกรณ์อัจฉริยะหรือสมาร์ทดีไวซ์ ซึ่งแม้จะมีอัตราเติบโตดี แต่ก็ยังติดลบในปี 62 เพราะการนำเข้าที่ลดลง รวมถึงการย้ายฐานการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทผู้จำหน่ายฮาร์ดแวร์ในประเทศไทย อุตสาหกรรมบริการดิจิทัล ปี 2561 มีมูลค่ารวม 153,497 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 24.17 จากปี 2560 โดยในปี 2562 อุตสาหกรรมดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 169,536 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 10.45อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ปี 2561 มีมูลค่า 27,872 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 11.31ขณะที่ปี 2562 มีมูลค่ารวมกว่า 31,080 ล้านบาท […]

ดีอีเอสสั่งสำนักงานสถิติเร่งเก็บข้อมูลความเดือดร้อนประชาชน

กรุงเทพฯ 22 ก.ย. รมว.ดิจิทัลฯ สั่งสำนักงานสถิติแห่งชาติ ลงพื้นที่เก็บข้อมูลแก้ปัญหาเร่งด่วนให้ประชาชนใน  1 เดือน นายพุทธิพงษ์   ปุณณกันต์   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวภายหลังการประชุม คณะกรรมการจัดระบบสถิติประเทศไทย 3 ด้าน ครั้งที่ 1/2563 ว่า วันนี้ (22 ก.ย.) ได้อนุมัติแผนแม่บทระบบสถิติประเทศไทย ฉบับที่2 ซึ่งเป็นแผนเดิม มีกรอบระยะเวลาการทำงาน ตั้งแต่ปี  2559-2564 ตามกำหนดเดิมจะเสร็จปีหน้า โดยได้ กำชับ สำนักงานสถิติแห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการเก็บข้อมูลสถิติประชาชน  จะต้องทำงานหนัก เรื่องการจัดเก็บข้อมูลสถิติ ต้องปรับเปลี่ยนการทำงานให้รวดเร็ว  สอดรับกับสถานการณ์โควิด-19 เพื่อสามารถสนับสนุนข้อมูลของประชาชน ให้ภาครัฐ และนโยบายต่างๆ ที่จะลงไปช่วยเหลือเยียวยาประชาชน  ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย  ตอบโจทย์ปัญหาได้ถูกต้อง  เพื่อประหยัดงบประมาณ และวัดผลได้จริง เนื่องจากข้อมูลเก่า ถือว่าไม่ทันต่อสถานการณ์แล้ว ทั้งนี้ได้สั่งการให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ จัดกลุ่มเป้าหมายในการลงไปสำรวจข้อมูล ระยะเร่งด่วน ใน  5 เรื่องก่อนเป็นอันดับแรกที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด19  เช่น ตัวเลขคนว่างงาน คนที่ตกงาน แล้วย้ายถิ่นฐานกลับไปอยู่ตามภูมิลำเนา, ข้อมูลกลุ่มเกษตรกรที่ประสบปัญหา  และอีก 3 กลุ่ม ให้ทางสำนักงานสถิติแห่งชาติ ลงไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปออกมา  ก่อนจะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลสถิติ โดยเก็บในระบบดิจิทัลทั้งหมด ให้เวลา ภายใน 1 เดือน กลับมารายงานว่า 5 กลุ่มนี้มีใครบ้าง จะช่วยกลุ่มใดบ้างที่จะได้รับประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้  ซึ่งทั้งหมดจะถูกรวบรวมข้อมูลไว้ใน Big Data ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้อยู่ในที่เดียวกัน  สำนักงานสถิติแห่งชาติได้เตรียมแอปพลิเคชั่นแพลตฟอร์มเพื่อรองรับข้อมูลไว้แล้ว ไม่ได้ทำงานล่าช้า แต่เนื่องจากมีหลายหน่วยงานยังไม่ส่งข้อมูลให้ จึงต้องเร่งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น  เชื่อว่าหลังจากนี้ ไม่เกิน 3 เดือน จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ชัดเจนว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติสามารถตอบโจทย์ สนุนสนุนข้อมูลได้ทุกหน่วยงานอย่างแน่นอน-สำนักข่าวไทย.

คุมโควิด! ปิดชั่วคราวจุดผ่อนปรนบ้านพระเจดีย์สามองค์

กาญจนบุรี 22 ก.ย.- ผู้ว่าฯ กาญจนบุรี ประกาศระงับการใช้เส้นทางเข้า-ออก จุดผ่อนปรนชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ เป็นเวลา 14 วัน คุมเข้มโควิด-19 หลังมีการระบาดในฝั่งเมียนมา นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ลงนามหนังสือคำสั่งจังหวัดกาญจนบุรีฉบับที่ 3719/2563 เรื่องระงับช่องทางการใช้เข้ามาในราชอาณาจักร ของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ บริเวณจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านพระเจดีย์สามองค์ (จุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว) ต.หนองลู อ.สังขละบุรี เป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.-5 ต.ค. 2563 เนื่องจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แจ้งข้อมูลผู้ติดเชื้อในพื้นที่เมียนมาว่าเกิดการระบาดระลอก 2 ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.2563 ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ที่รัฐยะไข่ที่เมืองชิตตเว ซึ่งเป็นเมืองเอก และรัฐยะไข่กำลังเป็นพื้นที่วิกฤติ ส่งผลให้รัฐบาลเมียนมาล็อกดาวน์เมืองชิตตเวอย่างไม่มีกำหนด ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันโรค และจังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดมีพื้นที่ติดชายแดนกับเมียนมา รวมถึงช่องทางธรรมชาติ จึงต้องเฝ้าระวังและควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่กาญจนบุรีให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจึงพิจารณาและมีคำสั่งระงับหรือปิดจุดผ่านแดน ทั้งนี้ ให้ระงับการใช้ช่องทางสำหรับนำเข้าหรือส่งออกสินค้า ห้ามเคลื่อนย้ายบุคคล […]

พช.ทำเอ็มโอยูขับเคลื่อนบัณฑิตอาสาต้นแบบเขต EEC 3 จังหวัด

ชลบุรี 22 ก.ย.- พช. ผนึกกำลัง สกพอ. และ ม.บูรพา บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ขับเคลื่อนโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษ (EEC) 3 จังหวัด โซ่ข้อกลางสื่อสารความเข้าใจหนุนบัณฑิตจบใหม่ใช้ความรู้พัฒนาบ้านเกิด วันที่ 22 กันยายน 2563 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และผู้ช่วยศาสตราจารย์ณยศ คุรุกิจโกศล รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายกิจการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กรมการพัฒนาชุมชน และมหาวิทยาลัยบูรพา ตามโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบ โดยมีนายเกษมสันต์ จิณณวาโส ที่ปรึกษาพิเศษด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก นายร่องกี้ พลเยี่ยม ผู้อำนวยการสถาบันการพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก บัณฑิตอาสาโครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบ สื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องศรีราชา วิทยาลัยการพัฒนาชุมชน อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี กรมการพัฒนาชุมชน […]

ผู้การโคราชสั่งสอบชายแต่งคล้ายตำรวจไถเงิน

นครราชสีมา 22 ก.ย.- ไม่นิ่งนอนใจ! ผู้การโคราชสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงบุคคลในคลิปแชร์โซเชียลชายแต่งกายคล้ายตำรวจรีดเงินนับหมื่นรถบรรทุก เผยขอเวลา 7 วัน รู้ผลเบื้องต้น ย้ำถ้าทำผิดลงโทษเฉียบขาด กรณีมีคลิปแชร์โซเชียลเป็นชายแต่งกายคล้ายตำรวจนับเงินขณะเรียกตรวจสอบรถบรรทุก และยื่นคืนให้ 1,000 บาท โดยมีเสียงระบุว่าให้คืนเป็นค่าน้ำมัน และจะบอกกับนายว่ารับมาเพียง 11,000 บาทเท่านั้น เพราะรู้สึกเห็นใจลูกหลานบ้านเดียวกัน” พร้อม #พิกัดหนองสรวง พล.ต.ต.สุจินต์ นิจพานิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ในโอกาสมาร่วมพิธีเปิดสถานีตำรวจชุมชนโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา วันนี้ (22 ก.ย.) ถึงกรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานแล้ว ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นประทวน ยศดาบตำรวจ สังกัด สภ.หนองสรวง และเพื่อความเป็นธรรมได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ส่วนเจ้าทุกข์นั้น ทราบว่าไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.สีคิ้ว ซึ่งเป็นคนละท้องที่กับสถานที่เกิดเหตุ พล.ต.ต.สุจินต์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีนโยบายอยู่แล้วไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเรียกรับเงินหรือขูดรีดจากประชาชน ซึ่งตำรวจทุกนายเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่อาจมีบ้างที่ไม่ปฏิบัติตามและจะต้องดำเนินการเอาผิดอย่างเฉียบขาด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นตามคลิปนั้น ต้องรอสรุปผลของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงก่อน หากทำจริงไม่ปล่อยไว้แน่นอน ด้าน พ.ต.ท.พลพิชัย พันธ์อินทร์ สารวัตร สภ.หนองสรวง […]

“สุชาติ” นำทีมพบ “พล.อ.ประยุทธ์” บูมล้านงานเพื่อล้านคน

ทำเนียบรัฐบาล 22 ก.ย.- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นำทีมเข้าพบ นายกรัฐมนตรี ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์การจัดงาน (Road Show) ล้านงานเพื่อล้านคนเพื่อคนไทยมีงานทำ Job Expo Thailand 2020 มหกรรมการจัดหางานครั้งยิ่งใหญ่ พบกับงานทั่วประเทศ กว่า 1 ล้านอัตรา เพื่อให้คนไทยมีงานทำ วันที่ 26-28 กันยายนนี้ ณ ไบเทค บางนา ฮอลล์ EH 98-99 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2563 เวลา 08.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นำทีมคณะผู้บริหาร สถานประกอบการ เพื่อร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ (Road Show) การจัดงาน Job Expo Thailand 2020 เข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีนายสุทธิ สุโกศล […]

โคราชเปิดสถานีตำรวจชุมชน รพ. ปรามเหตุวิวาท

นครราชสีมา 22 ก.ย.- เปิดแล้ว! สถานีตำรวจชุมชนโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา แก้ปัญหาและจัดการกับกลุ่มยกพวกวิวาทกันในโรงพยาบาล รวมทั้งดูแลความปลอดภัยบุคลากรการแพทย์ วันนี้ (22 ก.ย.) ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดสถานีตำรวจชุมชนโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดย พล.ต.ต.สุจินต์ นิจพานิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า เนื่องจากที่ผ่านมามีเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายในโรงพยาบาลเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการยกพวกเข้าไปทำร้ายคู่อริ ทำร้ายบุคลากรทางการแพทย์ เพราะไม่เข้าใจกระบวนการรักษา รวมถึงการทำลายทรัพย์สินในห้องฉุกเฉิน ปัญหาดังกล่าวจึงต้องมีมาตรการแก้ไขเร่งด่วนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ทางตำรวจได้ร่วมกับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาจัดตั้งสถานีตำรวจชุมชนโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา บริเวณด้านหน้าห้องฉุกเฉิน ชั้น 1 เพื่อสร้างความปลอดภัยในโรงพยาบาลให้แก่ประชาชนที่มาใช้บริการ และปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ “สถานีดังกล่าวไม่มีตำรวจอยู่ประจำ แต่จะมีสายตรวจแวะเวียนมาทุก 1-2 ชม. หรือช่วงเวลาเกิดความเสี่ยง หรือได้รับแจ้งจากโรงพยาบาล เชื่อว่าสถานีตำรวจชุมชนโรงพยาบาลจะช่วยป้องกันและปรามเหตุได้มากพอสมควร โดยจะดำเนินการร่วมกับหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล หากมีผู้ป่วยเข้ามา แล้วพบว่าเกิดจากเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกาย รปภ.จะแจ้งสนับสนุน รปภ.มาที่ห้องฉุกเฉินเพิ่ม และแจ้งตำรวจให้ส่งสายตรวจมาสถานีทันที”.-พล.ต.ต.สุจินต์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

1 33 34 35 36 37 16,774
...