ธอส.จัดมาตรการเร่งด่วนช่วยลูกค้าได้รับผลกระทบชายแดน ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี

25 ก.ค. – ธอส. พร้อมเคียงข้างลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดน จัดทำมาตรการเร่งด่วน ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดำเนินการตามนโยบายกระทรวงการคลัง ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทย – กัมพูชา จัดทำ “มาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าจากเหตุการณ์ชายแดน” เป็นการเร่งด่วน ทั้งลดอัตราดอกเบี้ยและมอบอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับลูกค้าปลูกสร้าง ประกอบด้วย (1) ลูกค้าปัจจุบันที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือที่อยู่อาศัยเสียหาย อัตราดอกเบี้ยลดลงจากอัตราปัจจุบันเหลือ 0.01% ต่อปี นาน 5 ปี (2) ลูกค้าปัจจุบันที่ประสบปัญหาที่อยู่อาศัยเสียหายทั้งหลังจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ หรือทุพพลภาพถาวร หรือเสียชีวิต อัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา และ (3) สำหรับลูกค้าในพื้นที่ที่ต้องการกู้เพื่อปลูกสร้างอาคารใหม่ทดแทนอาคารเดิม ได้รับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน สามารถแสดงหลักฐานประกอบการยื่นขอสินเชื่อได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ณ สาขาธนาคารทั่วประเทศ นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

สพฐ.ปิด 751 โรงเรียนพื้นที่เสี่ยงเหตุการณ์ไม่สงบ

ศธ. 25 ก.ค. – สพฐ.ร่วมเยียวยานักเรียน-ครู ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ปิด 751 โรงเรียนพื้นที่เสี่ยง วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุด ตนเองได้รับรายงานจากนางรัตติกร ทองเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (ผอ.สพม.) ศรีสะเกษ ยโสธร ว่า หลังเกิดเหตุปะทะทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ได้ให้โรงเรียนในสังกัดที่ติดขอบชายแดนไทย-กัมพูชา ทำการอพยพนักเรียนและปิดการเรียนการสอนอย่างเร่งด่วน พร้อมกำชับสถานศึกษาในสังกัดทุกแห่งให้สอดส่องความปลอดภัยของนักเรียน และดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้สั่งการกำชับไว้ อีกทั้งเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. เมื่อวานนี้ (24 ก.ค.) ฝ่ายกัมพูชาได้ยิงกระสุนปืนใหญ่ตกใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านน้ำเย็น อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ในจำนวนนี้มีเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.3 ด้วย กระทรวงศึกษา โดย […]

สธ.ประชุมสรุปผู้บาดเจ็บ-ผู้เสียชีวิต เหตุปะทะชายแดนล่าสุด

ก.สาธารณสุข 25 ก.ค. – สธ.ประชุมติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 31 ราย นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์เหตุ ปะทะชายแดน ไทย-กัมพูชา พร้อมรายงานข้อมูลสถานการณ์ด้านการแพทย์และสาธารณสุข สรุปข้อมูลผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ตัวเลขล่าสุดวันที่ 25 กรกฏาคม 2568 เวลา 09.00 น. ประชาชนได้รับผลกระทบทั้งหมด 45 ราย แบ่งเป็นผู้เสียชีวิต 14 ราย ผู้บาดเจ็บสาหัสเคสสีแดง 7 ราย สีเหลือง 13 ราย สีเขียว 11 ราย โดยแบ่งเป็นรายจังหวัดดังนี้ ใน จ.อุบลราชธานี มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บกลุ่มอาการสีแดง 3 ราย /เหลือง 1 ราย, จังหวัดศรีสะเกษ มีผู้เสียชีวิต […]

ชุดอีโอดี เข้าเคลียร์พื้นที่ปั๊มน้ำมันที่ถูกโจมตีเรียบร้อยแล้ว

ศรีสะเกษ 25 ก.ค.-บรรยากาศชายแดนศรีสะเกษ ยังคงมีเสียงปะทะเกิดขึ้นต่อเนื่อง ขณะเมื่อช่วงเช้า ชุดอีโอดีได้เข้าเคลียร์พื้นที่ปั๊มน้ำมันที่ถูกโจมตีเรียบร้อยแล้ว หลังคืนที่ผ่านมาต้องพักค้างที่ศูนย์อพยพต่างๆ ที่จังหวัดศรีสะเกษได้จัดเพื่อรองรับประชาชนที่อพยพออกมา หลังพลเรือนตกเป็นเป้าหมายโจมตีของฝ่ายกัมพูชา จนตัวเลขถูกอพยพเมื่อวานนี้ประมาณ 41,000 คน และศูนย์อพยพที่รายงานอยู่มีประชาชนลงทะเบียนแล้วมากกว่า 5,000 คน แต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีคนมารับอาหารประมาณ 2,985 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นเพราะชาวบ้านส่วนหนึ่งได้กลับเข้าไปดูทรัพย์สินบ้านเรือนและสัตว์เลี้ยง ก่อนที่จะเดินทางกลับออกมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ที่ปั๊มน้ำมันซึ่งตกเป็นเป้าหมายการโจมตีเมื่อวานนี้ จนทำให้มีประชาชนซึ่งเป็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตนั้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดของกองทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ ซึ่งจากการลงพื้นที่สังเกตการณ์ของทีมข่าวพบว่า ในช่วงเวลาลงพื้นที่ยังคงมีเสียงปืนใหญ่และจรวดดังขึ้นในระยะได้ยินอย่างชัดเจน ผลจากสถานการณ์ดังกล่าวก็ทำให้ย่านธุรกิจ ซึ่งปกติมีการค้าขายและมีประชาชนคึกคัก ปรากฏว่าร้านค้าส่วนใหญ่ยังคงปิดให้บริการตามคำแนะนำของ มีรายงานว่าฝ่ายความมั่นคงจะเดินทางมาเพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจกับประชาชน แต่ ผบ.ทบ. ติดภารกิจ จึงมอบหมายแม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่แทน ซึ่งรายละเอียดจะรายงานให้ทราบอีกครั้งในช่วงของข่าวภาคเที่ยง.-สำนักข่าวไทย

“วันนอร์” นำข้อเสนอแนะ สส. แก้ชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งรัฐบาล

รัฐสภา 25 ก.ค.-“วันนอร์” นำข้อเสนอแนะแก้ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ของ สส. ส่งรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องแล้ว พร้อมตรียมนำทีม สส.ลงพื้นที่ เยี่ยมให้กำลังใจประชาชน-ทหาร กองทัพภาค 2 วันที่ 1 ส.ค.นี้ ขณะที่สภาเปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์การปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าที่ประชุมส่วนใหญ่ได้อภิปรายถึงสาเหตุปัญหาที่เกิดขึ้นและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนและทางสภามีความห่วงใยทหารของชาติ ที่ต้องไปอยู่อย่างยากลำบาก และเสียชีวิต ซึ่งเป็นความห่วงใยของสภาผู้แทนราษฎรจึงได้เอาข้ออภิปรายความห่วงใย ข้อเสนอแนะทั้งหมดเสนอต่อรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงกลาโหม กองทัพภาคที่ 2 เพื่อให้ดำเนินการตามนั้น ขณะเดียวกันทางประธานสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะเดินทางไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและทหารที่อยู่ในพื้นที่ในวันที่ 1 ส.ค. ที่ไม่ได้ไปทันทีในช่วงนี้เนื่องจากมีภารกิจและมีพระราชพิธีที่สำคัญ ทั้งนี้ในวันดังกล่าวจะรวบรวมของบริจาคเพื่อไปดูแลประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ รวมถึงผู้ที่บาดเจ็บ ในนามของรัฐสภาและผู้แทนประชาชน และในช่วงเย็นวันที่ 1 ส.ค.จะเดินทางไปที่กองทัพภาคที่ 2 ด้วย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางสำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎรได้เปิดบัญชีขอรับบริจาค เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกรัฐสภา รวมถึงประชาชนทั่วไปสามารถบริจาคได้ที่บัญชีสภาผู้แทนราษฎรเพื่อช่วยเหลือทหารกล้า ธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา เลขที่ 0890898898 .-312.-สำนักข่าวไทย

ประกันสังคมห่วงสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา

25 ก.ค. – นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม แสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ จากเหตุการณ์กระสุนปืนจากกองกำลังทหารกัมพูชายิงตกในบริเวณชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมได้สั่งการให้ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดศรีสะเกษ เร่งตรวจสอบข้อมูล พร้อมให้การช่วยเหลือลูกจ้างที่ประสบเหตุอย่างเร่งด่วน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า ทันทีได้รับรายงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมจังหวัดศรีสะเกษตรวจสอบข้อมูล พบว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวพบผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยมีการส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ แต่ยังไม่มีการยืนยันข้อมูลสถานะผู้ประกันตนของผู้ประสบเหตุในครั้งนี้ ซึ่งหากผู้เสียชีวิตเป็นลูกจ้างและเสียชีวิตขณะปฏิบัติงานให้นายจ้าง ทายาทของลูกจ้าง จะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม ประกอบด้วย ค่าทำศพจำนวน 50,000 บาท เงินทดแทนกรณีเสียชีวิตเป็นเงินร้อยละ 70 ของค่าจ้าง เป็นระยะเวลา 10 ปี และเงินบำเหน็จชราภาพพร้อมดอกผล ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติงานจะได้รับความคุ้มครองจากกองทุนเงินทดแทน เช่นกัน โดยได้รับ ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น 65,000 บาท ถึง 1,000,000 บาท หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐจนสิ้นสุดการรักษาจะได้รับค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นจนกว่าจะสิ้นสุดการรักษากรณีแพทย์รับรองให้หยุดพักรักษาตัว มีสิทธิได้รับค่าทดแทนการขาดรายได้ร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือนไม่เกิน 1 […]

องค์กรสื่อห่วงความปลอดภัยประชาชนและสื่อมวลชน

กรุงเทพ 25 ก.ค. – จากสถานการณ์การสู้รบที่ปะทุขึ้นในหลายพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้มีประชาชนชาวไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตรวมถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินพลเรือนในหลายพื้นที่ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ดังกล่าว แถลงการณ์ระบุถึงความกังวลต่อความปลอดภัยของประชาชน และไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้ นอกจากนี้ ยังแสดงความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของเพื่อนสื่อมวลชนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเน้นย้ำให้สื่อมวลชนใช้ความระมัดระวังสูงสุด ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ และยึดแนวปฏิบัติของสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติว่าด้วยการนำเสนอข่าวสงครามหรือการสู้รบระหว่างประเทศ พ.ศ. 2565 อย่างเคร่งครัด หลักปฏิบัติสำคัญสำหรับสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสถานการณ์สู้รบ องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนได้สรุปแนวปฏิบัติสำคัญ 7 ข้อ เพื่อให้สื่อมวลชนใช้เป็นหลักในการรายงานข่าวสถานการณ์การสู้รบ ดังนี้: นำเสนอตามข้อเท็จจริง: ต้องนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงเท่านั้น หลีกเลี่ยงการนำเสนอข้อมูลหรือความคิดเห็นที่อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด ความเกลียดชัง และอคติ ระมัดระวังภาพและคลิปความรุนแรง: ควรระมัดระวังการนำเสนอภาพหรือคลิปความสูญเสียที่สยดสยองหรือหวาดเสียว โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะและเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หลีกเลี่ยงการใช้ความสูญเสียในสงครามเพื่อกระตุ้นยอดขายหรือยอดผู้ชม ระบุแหล่งที่มาและบริบทชัดเจน: ต้องระบุแหล่งที่มาของภาพ คลิปวิดีโอ หรือข้อมูลจากโซเชียลมีเดียให้ชัดเจนก่อนนำเสนอ เพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องหรือคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง กรณีใช้แฟ้มภาพข่าว ควรกำหนดวันที่และบริบทให้ชัดเจน ไม่เปิดเผยข้อมูลทางยุทธศาสตร์: ห้ามนำเสนอข่าวหรือภาพข่าวที่เปิดเผยข้อมูลรายละเอียดทางยุทธศาสตร์หรือยุทธวิธี ซึ่งอาจกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ยึดหลักมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ: ควรเสนอข่าวโดยให้ความสำคัญต่อหลักมนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน และกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยกฎระเบียบสงคราม (Rules of war) เช่น การใช้กำลังที่เหมาะสม การหลีกเลี่ยงความสูญเสียของพลเรือน […]

ธปท.คาดพนักงานไทยในธนาคารสาขากัมพูชากลับไทยได้หมดวันนี้

กรุงเทพฯ 25 ก.ค .- ธปท.เผยยังไม่พบความเสียหายสถาบันการเงินชายแดนไทย-กัมพูชา คาดพนักงานไทยในสาขากัมพูชากลับไทยได้หมดวันนี้ จับตาสถานการณ์ใกล้ชิด นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้ติดตามการดูแลพนักงานของสถาบันการเงินและผู้ใช้บริการ โดย ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถทำธุรกรรมผ่านช่องทางอื่นของสถาบันการเงิน เช่น Mobile Banking / Internet Banking ได้ และลูกค้าสามารถตรวจสอบรายชื่อสาขาและเวลาทำการผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้ง เว็บไซต์ หรือติดต่อผ่าน Call Center ของแต่ละ สง. โดยปัจจุบัน ยังไม่พบการรายงานว่ามีความเสียหายในสาขาของแต่ละสถาบันการเงิน สำหรับผลกระทบต่อไทย เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ยังมีความไม่แน่นอนในหลายมิติ จึงอาจเร็วเกินไปที่จะประเมินผล โดย ธปท. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป.-516-สำนักข่าวไทย

องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่ จนท.-ประชาชนได้รับผลกระทบชายแดน

อุบลราชธานี 25 ก.ค.-พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่เจ้าหน้าที่และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่าน พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้เดินไปยังพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และจุดที่ 2 จังหวัดอุบลราชธานี และขณะนี้องคมนตรีได้เชิญสิ่งของพระราชทานในจุดที่ 1 จ.อุบลราชธานี แก่เจ้าหน้าที่จำนวน 200 ชุด มอบแก่ประชาชน 75 ชุด จากนั้นจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนในศูนย์อพยพและจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงกลุ่มเปราะบาง รวมไปถึงทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนบรรยากาศเช้านี้ที่ช่องบ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ที่เป็นจุดปะทะ ชาวบ้านได้อพยพมาอยู่ในหลุมหลบภัย เนื่องจากมีเสียงปืนใหญ่ดังต่อเนื่อง ผู้นำชุมชนจึงได้ให้ประชาชนเข้าไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย จากนั้นยังมีรายงานจากรองโฆษกกองทัพบกว่า สถานการณ์ในวันนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า เริ่มมีการปะทะตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น. ในพื้นที่ช่องบก และภูมะเขือ จ.อุบลราชธานี รวมถึงในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยฝ่ายกัมพูชาได้ระดมยิงด้วยอาวุธหนัก ปืนใหญ่สนาม และจรวด BM-21 เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนถึง 08.00 น. […]

ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาอาจบานปลายได้

ปักกิ่ง 25 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการทหารของจีนกล่าววานนี้ว่า การปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชากำลังทวีความรุนแรงขึ้นด้วยการนำอาวุธหนัก เช่น เครื่องบินรบและปืนใหญ่จรวดมาใช้ หลังเกิดเหตุการณ์ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนที่มีข้อพิพาท พร้อมกับเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดความรุนแรงยิ่งขึ้นระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่ต่างก็เป็นมิตรประเทศของจีน จาง จุนเซ่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการทหารของจีน กล่าวกับโกลบอล ไทมส์ (Global Times) หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีนในวันพฤหัสบดีว่า การที่กองทัพไทยนำเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 มาใช้และกัมพูชานำเครื่องยิงจรวดมาใช้ แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังย่ำแย่ลง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะบานปลายต่อไป จากมุมมองทางทหารแล้ว ประเทศไทยได้มีความได้เปรียบเนื่องจากมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยกว่า นายจางกล่าวว่า ทั้งประเทศไทยและกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรของจีน และสถานการณ์ที่อาจจะบานปลายนี้ไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือต่อทั้งภูมิภาค วิธีที่ดีที่สุดคือการแก้ไขปัญหาอย่างสันติผ่านการเจรจา สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สาเหตุของการปะทะล่าสุดเกิดจากทุ่นระเบิด โดยไทยกล่าวหากัมพูชาในสัปดาห์นี้ว่าวางทุ่นระเบิดในพื้นที่พิพาทซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวและกล่าวว่าทหารลาดตระเวณออกจากเส้นทางที่ตกลงกันไว้และเหยียบทุ่มระเบิดเก่าที่หลงเหลือมาจากสงครามในกัมพูชา สำหรับจีนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการช่วยเหลือประเทศต่างๆ รวมถึงกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิด ซึ่งจางกล่าวว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบของจีนในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ในปี 2567 มหาวิทยาลัยวิศวกรรมกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนได้จัดหลักสูตรเก็บกู้ระเบิดสองหลักสูตรสำหรับบุคลากรจากกัมพูชาและลาว ที่เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากทุ่นระเบิด กองทัพจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการเก็บกู้ระเบิด ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา จีนได้ฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บกู้ระเบิดกว่า 700 คนจากกว่า 20 ประเทศ และส่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญไปต่างประเทศเพื่อดำเนินการสอนภาคสนามหลายครั้ง.-813.-สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นเอสซีจะประชุมฉุกเฉินเรื่องไทย-กัมพูชาวันนี้

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี จะประชุมฉุกเฉินในวันนี้ เกี่ยวกับเหตุปะทะตามแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา แหล่งข่าวด้านการทูตเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีของฝรั่งเศสว่า การประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามคำร้องขอของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต ของกัมพูชาจะเป็นการประชุมลับ ในเวลา 15.00 น. ตามเวลาในนครนิวยอร์คของสหรัฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของยูเอ็นเอสซี หรือ ตรงกับ 02.00 น. ของเช้าวันเสาร์ตามเวลาในประเทศไทย สื่อมวลชนกัมพูชา รายงายก่อนหน้านี้ว่านายฮุน มาเน็ต ได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการไปยังยูเอ็นเอสซี เรียกร้องให้จัดประชุมด่วนเพื่อยับยั้ง สิ่งที่เขากล่าวหาว่า “ไทยกระทำการรุกรานต่ออธิปไตยของกัมพูชา” ในหนังสือที่ส่งถึงนายอาซิม อิฟติคาร์ อาห์หมัด ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของยูเอ็นเอสซี นายฮุน มาเน็ตยังเรียกร้องให้ไทยยุติการสู้รบทั้งหมดทันทีและถอนกำลังกลับไปยังฝั่งไทย รวมทั้งหลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุใดๆ เพิ่มเติม.-813.-สำนักข่าวไทย

1 69 70 71 72 73 78
...