รมว.ดีอีเอสเตือนเตรียมฟันผู้นำเข้าข้อมูลจาบจ้วงทางโซเชียล

กรุงเทพฯ 31 ต.ค. พุทธิพงษ์เตือนผู้ใช้โซเชียล อย่าโพสต์ ละเมิดสิทธิ์หรือจาบจ้วง ถือเป็นความผิเตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์  สั่งเจ้าหน้าที่ติดตามเอาผิดผู้โพสต์คนแรกและผู้แชร์ส่งต่อข้อความ  นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) กล่าวว่า จากที่ได้ติดตามการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของประชาชน และกลุ่มต่างๆ ในช่วงนี้พบว่า ยังคงมีการโพสต์ภาพและเนื้อหาที่เข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทาวคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมพ์ฯ)  เป็นจำนวนมาก  จึงขอแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้โซเชียล มีเดียโปรดระมัดระวัง เรื่องการโพสต์ภาพและเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ทั้งในลักษณะจาบจ้วง หรือ ละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ไม่ว่าจะผ่านแพลตฟอร์มใดก็ตาม ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามอย่างใกล้ชิดเมื่อพบผู้ที่กระทำความผิด เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนที่กระทำผิดอย่างจริงจัง  ทั้งผู้ที่โพสต์คนแรก รวมถึงผู้ที่แชร์ ส่งต่อข้อความที่ผิดกฎหมายด้วยตามลำดับ ขอเตือนอีกครั้ง ด้วยความห่วงใยและปรารถนาดี ขอให้ผู้ใช้สื่อออนไลน์ใช้สิทธิและเสรีภาพในขอบเขตของกฎหมาย และต้องเคารพสิทธิ์ของผู้อื่นด้วย -สำนักข่าวไทย.

ศูนย์เฟคนิวส์รายงานสถิติพบข่าวปลอมด้านสุขภาพติดอันดับ 1 ลวงมากที่สุด

กรุงเทพฯ 31 ต.ค. ศูนย์ข่าวปลอมรายงานการดำเนินการพบข้อความปลอม 25 ล้านข้อความ หมวดสุขภาพโดนหลอกครองแชมป์3.8 พันเรื่อง ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย (Anti-Fake News Center Thailand) ดำเนินการโดย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) รายงานภาพรวมผลการดำเนินงาน (1 พ.ย.62-28 ต.ค.63) จากการรวบรวมข้อมูลทั้งจากที่มีผู้แจ้งเบาะแสเข้ามา และระบบติดตามการสนทนาทางโซเชียล (Social listening) พบว่า มีจำนวนข้อความข่าวที่ต้องคัดกรองทั้งหมด 25,835,350 ข้อความ ข้อความข่าวที่เข้าเกณฑ์ดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 19,466 ข้อความ มีจำนวนเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 6,826 เรื่อง โดยร้อยละ 56 เป็นข่าวในหมวดสุขภาพ 3,812 เรื่อง เรื่องเกี่ยวกับนโยบายรัฐร้อยละ 38 หรือจำนวน 2,620 เรื่อง เรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ 251 เรื่อง หรือร้อยละ4 และเรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัติ143 เรื่อง หรือร้อยละ 2 -สำนักข่าวไทย.

กูเกิลเผยผลศึกษาความท้าทายของชีวิตที่โดนผลกระทบจากโควิด-19

กรุงเทพฯ 29 ต.ค. Google เผยความท้าทายจากโควิด-19 ที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ต้องเผชิญ เมื่อบริการที่จำเป็นต่างๆ ถูกนำไปไว้บนโลกออนไลน์ ความเหลื่อมล้ำในการใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตจึงเพิ่มขึ้น กูเกิลรายงานผลการศึกษาผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ในยุคโควิด-19 โดยศึกษาผลกระทบของการระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ (New Internet User) พบว่า การศึกษาล่าสุดของทีม Next Billion Users ขพบว่า กลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ (New Internet User) ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากกว่ากลุ่มอื่น ความท้าทายที่เกิดจากการแพร่ระบาดทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 ทำให้ความเหลื่อมล้ำในการใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ปัญหาต่างๆ ที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ต้องเผชิญนั้นหนักหนายิ่งขึ้นไปอีก เมื่อบริการที่จำเป็นต่างๆ เช่น การพาณิชย์ การศึกษา บริการด้านสุขภาพ และบริการอื่นๆ ของภาครัฐ ถูกนำไปไว้บนโลกออนไลน์เพื่อรับมือกับรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลานั้นลดลง ปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขาดความรู้และทักษะด้านดิจิทัล และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีอยู่อย่างจำกัด ได้กลายเป็นปัญหาที่หนักหนาขึ้น และอาจทำให้ผู้ที่มีอุปสรรคในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไม่สามารถไล่ตามคนอื่นๆ ได้ทัน และเข้าสู่โลกออนไลน์ได้ช้ากว่าคนอื่น  การศึกษาครั้งนี้ระบุถึงความจำเป็น 8 ประการของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ ทั้งความจำเป็นที่มีอยู่ก่อนหน้าและความจำเป็นใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา โดยหนึ่งในนั้นคือความจำเป็นในการใช้อินเทอร์เน็ตให้คุ้มค่ามากขึ้น เมื่อเรื่องอาหาร การศึกษา และแม้แต่อาชีพการงานนั้นถูกย้ายจากโลกกายภาพไปสู่โลกดิจิทัล การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต และการอยู่บนโลกออนไลน์ได้นานขึ้นก็ได้กลายเป็นความต้องการพื้นฐานของผู้คนในปัจจุบันไปแล้ว ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายสำหรับบริการอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้น  นายซีซาร์ เซงกุปตา รองประธานฝ่าย Payments และ Next Billion Users Initiative ของกูเกิลกล่าวว่า โควิด-19 ถือเป็นความท้าทายสำหรับทุกคน แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษคือกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ แต่ในความท้าทายนี้ก็ยังมีโอกาสอยู่ หากภาครัฐ ภาคธุรกิจ และองค์กรภาคประชาสังคมร่วมมือกัน เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้น และเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตขึ้น เราสามารถทำให้อินเทอร์เน็ตดีขึ้นและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในยุคหลังโควิด-19 เพื่อให้เกิดประโยชน์สำหรับผู้ใช้นับพันล้านคนในปัจจุบัน รวมทั้งผู้ใช้รายใหม่อีกนับพันล้านคนที่กำลังจะตามมา และผู้ใช้กลุ่มใหม่ในอนาคต-สำนักข่าวไทย.

เดลล์พัฒนาโน๊ตบุ๊กซีพียูเจน11

กรุงเทพฯ 29 ต.ค.เดลล์ ส่งโน้ตบุ๊กที่ใช้ซีพียู  Intel Core Gen 11 แพลตฟอร์ม Intel EVO จับกลุ่มนิวเจนนักธุรกิจต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูง  นายอโณทัย เวทยากร รองประธานบริหาร ตลาดเกิดใหม่ภูมิภาคเอเชีย และสายธุรกิจคอนซูเมอร์ ภูมิภาคเอเชียใต้ เดลล์กล่าวว่า ปรัชญาในการพัฒนาเทคโนโลยีของเดลล์ คือ การถือว่าลูกค้าเป็นศูนย์กลาง  XPS คือซีรีส์ที่เน้นการออกแบบดีเทคโนโลยีประสิทธิภาพสูง โดยมีนักธุรกิจอายุน้อย มีสไตล์เป็นของตัวเอง นิยมความเป็น Minimalist ด้วยสินค้าที่มีการออกแบบให้บางเบา Dell XPS ใช้หน่วยประมวลผล Intel Core i Gen 11 ของ Intel EVO แพลตฟอร์ม บนมาตรฐานการใช้งานได้ต่อเนื่องเกิน 9 ชั่วโมง เมื่อเปิดเครื่องต้องพร้อมใช้งานภายใน 1 วินาที-สำนักข่าวไทย.

เดือดร้อน! สวนยางใต้เกิดโรคระบาดช่วงราคาพุ่ง

สงขลา 30 ต.ค.- ใบร่วงระนาว! โรคระบาดสวนยางภาคใต้ เกษตรกรสงขลาเดือดร้อนหลายอำเภอ ทั้งที่เป็นโอกาสทองสร้างรายได้ช่วงราคายางขึ้น แต่กรีดแล้วไม่ได้น้ำยาง ด้าน กยท.-เกษตรกรอำเภอนาทวี เร่งหาทางช่วยเตรียมฉีดพ่นสารเคมีทั้งภาคพื้นและทางอากาศแปลงต้นแบบ นางชนันญชิดา หนูสีคง เกษตรอำเภอนาทวี จ.สงขลา พร้อมเจ้าหน้าที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สาขาอำเภอนาทวี ลงพื้นที่ ต.ฉาง เพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์โรคใบร่วงระบาดสวนยางพารา ซึ่งขณะนี้เกษตรกรประสบปัญหาแล้วหลายอำเภอ คือ จะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี โดยพบว่าสวนยางพาราหลายร้อยไร่ในพื้นที่ ต.ฉาง ใบร่วงเกือบหมดต้น สภาพใบเป็นจุดคล้ายรอยไหม้ หลายต้นไม่มีน้ำยางออก ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนมาก เนื่องจากขณะนี้ยางมีราคาสูงขึ้น แต่กรีดแล้วไม่ได้น้ำยาง นายสมพงษ์ ราชสุวรรณ หนึ่งในเกษตรกรที่ประสบปัญหา กล่าวว่า ใบยางเริ่มร่วงมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม น้ำยางที่กรีดได้ลดลงไปกว่าร้อยละ 30 จากนั้นก็ลดน้อยเรื่อย ๆ กระทั่งยางยืนต้นตาย ไม่สามารถให้น้ำยางได้อีกแล้ว ที่สำคัญโรคนี้ไม่มีวิธีการรักษา และทราบว่าระบาดเกือบทั้งภาคใต้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นการยางแห่งประเทศไทย สำนักงานเกษตรแต่ละอำเภอต่างเร่งหาทางช่วยเหลือ คงไม่ทันการณ์ เพราะช่วงนี้ราคายางพาราดีมาก ขยับขึ้นทุกวัน แต่ในทางกลับกันผลผลิตของน้ำยางน้อยลง ทำให้ต้องสูญเสียรายได้ […]

ทับสะแกผลิตกะลาสายนับพันใบแจกลอยกระทง

ประจวบคีรีขันธ์ 30 ต.ค.- นายอำเภอทับสะแกชวนนักท่องเที่ยวร่วมลอยกระทงคลองทับสะแกคืน 31 ต.ค. ขอขมาพระแม่คงคาตามประเพณีไทย ชาวชุมชนช่วยกันทำ “กะลาสาย” จากวัสดุธรรมชาติเตรียมแจกนับพันใบ นายปรีดา สุขใจ นายอำเภอทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองร่วมกับสภาวัฒนธรรมอำเภอ เทศบาลตำบลทับสะแก องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทับสะแก เครือข่ายภาคประชาชนและตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยวร่วมกันจัดกิจกรรม “กะลาสายทับสะแก “ต่อเนื่องปีที่ 3 เพื่อสืบสานประเพณีลอยกระทงที่คลองทับสะแก และปีนี้ชาวทับสะแกได้ช่วยกันทำกะลาสายจำนวน 3,000 ใบ ที่ศูนย์การท่องเที่ยวเทศบาลตำบลทับสะแก เพื่อแจกนักท่องเที่ยวในวันลอยกระทง ซึ่งกะลาเป็นวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติ ประกอบกับทับสะแกเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวคุณภาพดีที่สุด ชาวบ้านจาก 6 ตำบล จึงนำกะลาผ่าซีกมาสมทบ หลังจากทำมะพร้าวขาวส่งโรงงานกะทิแล้ว จากนั้นจะนำเทียนหล่อลงในกะลาเพื่อใช้จุดเทียนขอขมาพระแม่คงคาตามประเพณีไทย ซึ่งกะลาไม่ต้องเก็บกู้และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นวัสดุธรรมชาติ.-สำนักข่าวไทย

ฉะเชิงเทราเริ่มแห่เรือพระพุทธโสธรแม่น้ำบางปะกง

ฉะเชิงเทรา 30 ต.ค.- เริ่มวันแรก! เรือแห่พระพุทธโสธรล่องแม่น้ำบางปะกง ตามประเพณีเก่าแก่ของฉะเชิงเทรา สืบทอดมานับ 100 ปี ท่ามกลางประชาชนมารอสักการะขอพรตลอดสองฟากฝั่ง และวันพรุ่งนี้ยังมีแห่อีกวัน วันนี้ (30 ต.ค.63) ที่บริเวณริมท่าน้ำวัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานพิธีเปิดขบวนแห่พระพุทธโสธรทางน้ำ ประจำปี 2563 ระหว่างวันที่ 30-31 ต.ค. โดยมีพระราชภาวนาพิธาน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมข้าราชการและประชาชนหลายภาคส่วนเข้าร่วมในพิธีจำนวนมากทั้งนี้ ในวันแรกของขบวนเรือจะล่องผ่าน อ.บ้านโพธิ์ และ อ.บางปะกง ส่วนพรุ่งนี้ล่องผ่านเขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา อ.คลองเขื่อน และ อ.บางคล้า สำหรับประเพณีการแห่พระพุทธโสธรทางน้ำ เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมากว่า 100 ปี ตามความเชื่อว่าเมื่อครั้งนั้นเกิดโรคระบาดทางน้ำ ชาวบ้านร่วมใจกันบนบานองค์พระพุทธโสธรให้ช่วยขจัดปัดเป่าโรคภัย และอัญเชิญองค์พระพุทธโสธรแห่ทางน้ำ.-สำนักข่าวไทย

Googleเพิ่มคุณสมบัติการค้นหาสามมิติ

กรุงเทพฯ 30 ต.ค. Google เพิ่มการค้นหาแบบ 3 มิติ ในวันฮาโลวีน และเกมสนุกบน Doodle หลังจากที่ Google ได้นำเทคโนโลยี AR มาใช้บน Search ทำให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาสัตว์ สิ่งของ สถานที่ มากมายในรูปแบบ 3 มิติ และในเทศกาลฮาโลวีนนี้ Google ได้เพิ่มความพิเศษให้การค้นหาในรูปแบบ 3 มิติสนุกยิ่งขึ้น โดยสามารถค้นหาได้ถึง 62 ภาษา รวมถึงภาษาไทย เริ่มการค้นหาโดยเปิดเบราวเซอร์ Google Chrome บนสมาร์ทโฟน และค้นหาด้วยภาษาไทย คำว่า ฮาโลวีน, หมาหรือสุนัข, เยอรมันเชพเพิร์ด, แมว, โครงกระดูกคน หรือกระดูกคน และ ฟักทองฮาโลวีน หรือตะเกียงฟักทอง และกดค้นหา จะปรากฎผลการค้นหาขึ้นมา จากนั้นกด “ดูในแบบ 3 มิติ” หรือ View in 3D ก็จะได้พบกับผลการค้นหาของทั้ง6 คำ ในรูปแบบธีมฮาโลวีนที่คุณยังไม่เคยเห็นมาก่อน -สำนักข่าวไทย.

เคลียร์! ซากอุบัติเหตุแยกหนองกี่ ไม่มีน้ำมันตกค้าง

บุรีรัมย์ 29 ต.ค.- นายอำเภอหนองกี่เผยอุบัติเหตุรถน้ำมันชนสนั่นรถพ่วงไฟลุกท่วมสี่แยกกลางดึก ย้ายซาก-ขจัดคราบน้ำมันแล้ว ไม่มีตกค้างพื้นถนน สัญจรได้ปกติ ขณะที่ผู้บาดเจ็บนอน รพ. 1 ราย ส่วนบ้านเรือนและทรัพย์สินประชาชนที่เสียหาย บริษัทพร้อมชดใช้ทั้งหมด นายวิรัตน์ กลิ่นขจร นายอำเภอหนองกี่ จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยอุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 40,000 ลิตร ชนรถพ่วงบรรทุกสินค้ากลางสี่แยกอำเภอหนองกี่ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (29 ต.ค.) เกิดไฟลุกท่วมทั้งคู่และลามบ้านเรือนประชาชนว่า ได้เคลื่อนย้ายซากรถทั้งสองคนออกจากจุดเกิดเหตุเรียบร้อยและเปิดให้สัญจรได้ตามปกติแล้ว ส่วนน้ำมันที่รั่วไหลไปตามพื้นถนน และท่อระบายน้ำ ทางบริษัทตรวจสอบแล้วไม่มีน้ำมันตกค้าง เพราะได้เทโฟมและฉีดน้ำชะล้างจนหมด ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและประชาชนแน่นอน ขณะที่ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้มีเพียง 1 ราย เป็นคนขับรถบรรทุกน้ำมัน ศีรษะแตกเย็บ 4 เข็ม รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนคนขับรถพ่วงและประชาชนใกล้จุดเกิดเหตุเจ็บเล็กน้อยไม่ได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาล สำหรับบ้านเรือนและทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย ทางบริษัทจะรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงกว่า 50 คัน ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง จึงดับไฟได้สนิท ความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่า และตรวจสอบเบื้องต้นมีบ้านเรือน ร้านค้าเสียหาย 19 คูหา […]

หัวเว่ยเชื่อโลกกำลังเผชิญกับ5เทรนด์ความเปลี่ยนแปลงการเชื่อมต่อ

กรุงเทพฯ 29 ต.ค. หัวเว่ย ชี้การมาของ 5G ทำให้โลกต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมต่อใหม่  นายเดวิด หวัง ผู้อำนวยการบริหารของหัวเว่ย กล่าวถึงแนวโน้มเทคโนโลยีการเชื่อมต่อระบบสื่อสารไร้สายว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการเชื่อมต่อกำลังเผชิญกับความท้าทายในการเปลี่ยนแปลง 5 ประการ การยกระดับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อทุกครั้งล้วนสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่สังคมในระดับรากฐาน ปัจจุบันขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคอัจฉริยะ ทั้งปัจเจกบุคคล ครัวเรือน และองค์กร ล้วนต้องการการเชื่อมต่อมากกว่าที่เคยเป็น และเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น คลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ล้วนทำงานประสานกันได้อย่างรวดเร็วผ่านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ ซึ่งนำพาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไปสู่การเผชิญกับความท้าทายในการเปลี่ยนแปลง 5 ประการได้แก่ การเชื่อมต่อจาก IoT กับ IoT อัจฉริยะ สู่ Intelligent Twins ที่เชื่อมต่อกัน ในอดีต เราต้องการเชื่อมต่อผู้คนกับบ้าน นำมาสู่การเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (IoT) เมื่อเราต้องการสร้างชีวิตที่เชื่อมกับ AI อย่างไร้รอยต่อและยกระดับองค์กรสู่ความอัจฉริยะ เราจึงต้องเชื่อมต่อหลายๆ สิ่งเข้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะให้มากขึ้น นำมาสู่ IoTอัจฉริยะ (intelligent IoT) มีการคาดการณ์ว่าปริมาณการเชื่อมต่อทั่วโลกจะมีถึง 1 ล้านล้าน ภายในปี ค.ศ. 2035 จะทำให้เกิดการเชื่อมต่ออย่างครอบคลุมทุกหนแห่งและการแพร่กระจายของเทคโนโลยีอัจฉริยะเกิดขึ้นได้จริง การเชื่อมต่อจากออฟฟิศสู่ออฟฟิศกับการผลิต โควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงความต้องการที่ผู้คนมีต่อเครือข่ายบรอดแบนด์ในครัวเรือน ด้านการใช้งานขององค์กรนั้น เทคโนโลยีการเชื่อมต่อพัฒนาไปไกลกว่าแค่การใช้งานในออฟฟิศ โดยรองรับได้ทั้งออฟฟิศและการผลิต สิ่งที่องค์กรมุ่งเน้นในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลนั้น ได้เปลี่ยนจากออฟฟิศดิจิทัลสู่การผลิตดิจิทัล การทำธุรกรรมดิจิทัล และการบริหารจัดการแบบดิจิทัล การเชื่อมต่อจากการทุ่มเทให้ดีที่สุด สู่บริการเชิงกำหนดที่หลากหลาย อุตสาหกรรมต่างๆ มีความหลากหลายตามรูปแบบการให้บริการและความต้องการใช้งานด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ หากบริการที่แตกต่างคือสิ่งที่มีอยู่เป็นปกติในขณะนี้ ประสบการณ์การใช้งานในรูปแบบเชิงกำหนด (deterministic experience) ก็คือสิ่งที่จำเป็นต้องมีต่อจากนี้ ผู้ให้บริการเครือข่ายจึงจำเป็นต้องเปิดประตูให้กับตลาดอุตสาหกรรมแนวดิ่ง ด้วยการมอบบริการเชิงกำหนดที่หลากหลาย การเขื่อมต่อจากเมกะไบต์สู่กิกะไบต์ผ่านตัวกลางใดก็ได้เทคโนโลยีการเข้าถึงการเชื่อมต่อแบบหลายช่องทาง(Multiple access) ที่มีอยู่ เช่น โทรศัพท์มือถือ, Wi-Fi, ใยแก้วนำแสง และความหลากหลายของรูปแบบการบริการหมายความว่าเทคโนโลยีต่างๆ ที่เป็นการเข้าถึงการเชื่อมต่อแบบหลายช่องทางจะยังคงมีอยู่ต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า และด้วยความทุ่มเทร่วมกันของทั้งภาคอุตสาหกรรม เทคโนโลยี 4G, 5G, Wi-Fi และเทคโนโลยีใยแก้วนำแสงในปัจจุบันจะทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่ความเร็วระดับกิกะไบต์ได้อย่างครอบคลุมทุกพื้นที่ และการดำเนินงานและการบำรุงรักษาด้วยโดยใช้คน สู่ระบบอัตโนมัติขั้นสูง เทคโนโลยี 5G จะทำให้การดำเนินงานและการบำรุงรักษาเครือข่าย(O&M) ซับซ้อนกว่าเทคโนโลยี 4G กระบวนการ O&M ที่ใช้คนนั้นจะไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะรับมือกับความซับซ้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ และจะเปลี่ยนไปสู่การใช้ระบบอัตโนมัติขั้นสูง (hyper-automation) ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีบิ๊กดาต้าและ AI เพื่อทำให้การตัดสินใจในกระบวนการ O&M เรียบง่ายมากขึ้น มุ่งสู่การเชื่อมต่ออัจฉริยะด้วย AI ความเปลี่ยนแปลงทั้ง 5 ประการนี้กำลังสร้างความต้องการใหม่ ๆ ต่อเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ ซึ่งต้องได้รับการอัปเกรดขึ้นไปเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิต ความต้องการประการแรกคือเครือข่ายระดับกิกะไบต์ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ (ubiquitous gigabit) เพราะแบนด์วิดท์คือโครงสร้างพื้นฐานของการเชื่อมต่อการเชื่อมต่อในระดับกิกะไบต์ที่ครอบคลุมทุกที่จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับวิดีโอความละเอียดสูงระดับ ultra-HD, แอปพลิเคชัน VR/AR เชิงอุตสาหกรรม, กล้อง AI และโดรน ความต้องการประการที่สองคือประสบการณ์การใช้งานเชิงกำหนดซึ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้งานในบ้าน เช่น การทำงานจากบ้านและการเรียนออนไลน์ รวมถึงการใช้งานในองค์กร เช่น การผลิตที่ปลอดภัยและวางใจได้ และความต้องการประการที่สามคือระบบอัตโนมัติขั้นสูงเนื่องจากการพัฒนาเครือข่ายในแง่ของขนาดและความซับซ้อน เทคโนโลยีบิ๊กดาต้าและ AI จะต้องได้รับการนำไปใช้เพื่อให้เกิดเป็นระบบอัตโนมัติขั้นสูงได้สำเร็จ-สำนักข่าวไทย.

โคราชเกาะติดฝน “โมลาเบ” ยังไม่ท่วมเพิ่ม

นครราชสีมา 29 ต.ค.- ผู้ว่าฯ โคราช คาดอีก 1 สัปดาห์ น้ำท่วมหลายอำเภอคลี่คลาย ประเมินฝนจากโมลาเบยังตกไม่มาก ไม่ท่วมเพิ่ม แต่ไม่ประมาทเฝ้าระวังพายุลูกใหม่ ระบุเขื่อนลำตะคองมีน้ำเกินความจุจะเป็นผลดีสู้ภัยแล้งปีต่อไป หากไม่มีฝน นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการประชุมกรรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ ช่วงสายวันนี้ (29 ต.ค.) ที่ห้องเอ็มซีซีฮอลล์ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ เนื่องจากช่วงนี้ยังไม่พ้นความเสี่ยงจากอิทธิพลของพายุโมลาเบ ถึงแม้จะอ่อนกำลังลง แต่มีฝนตกหลายพื้นที่ และล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าจะมีพายุลูกใหม่อีก ดังนั้น จึงต้องเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า นายวิเชียร กล่าวว่า ฝนที่ตกมาตลอดคืน ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาน้ำท่วมเพิ่มจากเดิม ส่วนในพื้นที่น้ำท่วมก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่น้ำลดแล้ว เช่น ต.ลำมูล อ.โนนสูง, บ้านหนองโจด กับบ้านโนนมันเทศ อ.เฉลิมพระเกียรติ, และ อ.โชคชัย ซึ่งน้ำได้ไหลไปพื้นที่ อ.พิมาย ตามลำน้ำมูลเอ่อท่วมชุมชนริมฝั่ง รวมถึง อ.ชุมพวง เมืองยาง ลำทะเมนชัย ส่วนเขื่อนลำตะคองปล่อยน้ำเพิ่มเป็นวันละ 2 ล้าน ลบ.ม. พร้อมกับติดตามปริมาณน้ำด้านล่างอยู่ตลอด […]

ดีอีเอสเร่งพัฒนาดิจิทัลหนุนสังคม-เศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 29 ต.ค.ดีอีเอส ตอบรับแนวทางใช้ดิจิทัลช่วยสังคม เศรษฐกิจ เน้นช่วยคนแก่ คนพิการ เตรียมออกแอปฯรับเรื่องร้องเรียน เปิดไวไฟฟรีชุมชน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวภายหลังพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาติดตามผลการดำเนินงานของกระทรวงดิจิทัลฯ ว่า รองนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายเน้นด้านสังคม โดยขยายเป้าหมายไปช่วยผู้สูงอายุและผู้พิการได้ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์กับการดำเนินชีวิตนอกจากนี้ให้แก้ไขปัญหาข่าวปลอมต่อไปด้วยการให้ความรู้กับประชาชน รองนายกฯ ยังได้กำชับให้เร่งตั้งสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติ เพื่อรับมือกับภัยคุกคาม ส่วนการสนับสนุนทางเศรษฐกิจให้สนับสนุนการวางเครือข่ายการสื่อสารให้ครอบคลุมเพื่อใช้เทคโนโลยีช่วยประชาชนในการหารายได้เพิ่ม รวมถึงการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว สำหรับโครงการติดตั้งฟรีไวไฟในชุมชน นำร่อง พื้นที่สำเพ็ง หรือสำเพ็งโมเดล ได้ทำสำรวจพื้นที่แล้วไปดูจุดติดแล้วคิดส่าเดือนพฤศจิกายนจะคิดตั้งเสร็จจาดนั้นจะมีกิจกรรมช่วยพ่อค้าแม่ค้าในการขายของออนไลน์ นอกจากนี้ในกรุงเทพฯจะทำที่ตลาดวังหลัง ทั้งนี้การดำเนินการจะให้บริษัทกสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)  เป็นเจ้าภาพทำโครงการ โดยบริษัทไปรษณีย์ไทยจำกัด จะสนับสนุนด้วยมาตรการลดค่าส่งสินค้าออนไลน์ ซึ่งบริษัทไปรษณีย์ฯเตรียมงบประมาณในการสนับสนุนโครงการ  รัฐมนตรีดีอีเอส กล่าวต่อว่า ส่วนการควบรวมบริษัทกสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) และบริษัททีโอที จำกัด(มหาชน) อยู่ระหว่างการดำเนินการ จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตในท้องถิ่นเพิ่มขึ้นเพราะประชาชนไม่สามารถเดินทางตามปกติกระทรวงจะเร่งขยายจุดกระจายสัญญาณไวไฟในท้องถิ่นโดนมอบบริษัททีโอทีจำกัด(มหาชน) เร่งทำการสำรวจเพื่อทำการติดตั้งอุปกรณ์  นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงอยู่ระหว่างการพัฒนาแอปพลิเคชั่นเพื่อรองรับการร้องเรียนความเดือดร้อนของประชาชน โดยแอปพลิเคชั่นจะถูกคัดแยกโดยปัญญาประดิษฐ์เพื่อส่งปัญห่ไปให้หน่วยงานต้นทางเพื่อแก้ไขปัญหาแอปพลิเคชั่นนี้จะรับเรื่องร้องเรียนและร้องทุกข์ในทุกเรื่องโดยกระทรวงฯได้หารือเบื้องต้นกับกระทรวงมหาเไทยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร โดยความคืบหน้าอยู่ระหว่างการพัฒนาและจะสามารถใช้ได้ภายใน 1-2 เดือน 

1 15 16 17 18 19 16,774
...