ชี้วิกฤติโควิดเป็นบทเรียนแนะธุรกิจประกันบริหารสร้างความเชื่อมั่น

กรุงเทพฯ 10 ส.ค.-รมว.คลัง ชี้วิกฤติโควิดเป็นบทเรียนสำคัญ แนะธุรกิจประกันบริหารความเสี่ยงสร้างความเชื่อมั่นพร้อมระบุปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เริ่มฟื้นตัว มาจาก 2 กลไกสำคัญคือ ภาคการส่งออก และภาคการท่องเที่ยว


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “บทบาทของธุรกิจประกันภัย ต่อการเสริมสร้างความเข้มแข็ง และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน” ว่า ในปีนี้คาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้ดีขึ้น หลังจากเศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยปีนี้แม้สถานการณ์ระบาดของโควิดจะคลี่คลายและพ้นช่วงวิกฤติไปได้แล้ว แต่โรคโควิดก็ยังไม่หายไปไหนประชาชนยังต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ ซึ่งตลอดระยะ 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีมาตรการออกมาเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิดมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับปัจจัยที่ทำให้เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้เริ่มฟื้นตัว มาจาก 2 กลไกสำคัญที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเริ่มกลับมาทำงานได้ดีขึ้น คือ ภาคการส่งออก และภาคการท่องเที่ยว โดยในส่วนของการส่งออกนั้นเห็นสัญญาณดีขึ้นตั้งแต่ปลายปี 64 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว เริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากขึ้น หลังจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งคาดว่าปีนี้มีโอกาสได้เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึง 10 ล้านคน อันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และคาดว่าในปี 66 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็จะเพิ่มมากขึ้น


รมว.คลัง กล่าวว่า เมื่อเศรษฐกิจของประเทศเริ่มดีขึ้น ก็จำเป็นที่จะต้องมาทบทวนบทเรียนที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเห็นว่าในธุรกิจประกันภัย ได้เข้ามามีส่วนช่วยดูแลประชาชนในช่วงสถานการณ์โควิด มีการออกผลิตภัณฑ์เพื่อให้ความคุ้มครองสุขภาพประชาชนจากสถานการณ์โควิด แต่ขณะเดียวกันก็มีบทเรียนที่สำคัญ คือการไม่สามารถบริหารความเสี่ยงจากการออกผลิตภัณฑ์ในช่วงที่สถานการณ์ไม่ปกติได้ จนเป็นผลให้เกิดการร้องเรียนเข้ามามากและกระทบต่อความเชื่อมั่นในตัวบริษัทประกันและมองว่า ทุกส่วนประกอบของโครงสร้างประกันภัย/ประกันชีวิต ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแล, ผู้ประกอบธุรกิจประกัน, ประชาชน และตัวแทนขายประกัน ล้วนแต่มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในระบบประกันทั้งสิ้น

ทั้งนี้ ธุรกิจประกันเป็นส่วนหนึ่งของภาคการเงินที่มีส่วนช่วยในด้านการออมของประชาชน เพื่อให้เกิดความมั่นคงทั้งในชีวิต และทรัพย์สิน ดังนั้นจึงอยากฝากใน 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.ความมั่นคงของระบบประกัน ซึ่งกุญแจสำคัญคือการบริหารความเสี่ยง โดยจะเห็นได้จากประสบการณ์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่าการจะออกผลิตภัณฑ์ใดๆ นั้นจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และต้องมั่นใจว่าจะสามารถบริหารความเสี่ยงได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และความมั่นคงของธุรกิจประกัน 2. การนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ ซึ่งในปัจจุบันระบบดิจิทัลได้เข้ามามีส่วนอย่างมากต่อการทำธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชน รวมทั้งภาคประชาชนเอง แต่ขณะเดียวกันการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ จะต้องคำนึงถึงระบบความปลอดภัยและน่าเชื่อถือด้วย 3.การส่งเสริมการประกันภัยเพื่อความยั่งยืน โดยเป็นการสร้างองค์ความรู้ และเพิ่มทักษะทางการเงินให้กับภาคประชาชน เพื่อให้ถึงเห็นความสำคัญของการทำประกัน ในขณะที่หน่วยงานที่กำกับดูแล ก็ต้องช่วยลดปัญหาหรือผ่อนคลายกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม และไม่นำไปสู่ความเสี่ยงในภาคธุรกิจประกัน

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่าสภาพเศรษฐกิจและสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ที่ผ่านมาธุรกิจประกันภัยต้องเผชิญกับความท้าทายอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความผันผวนของเศรษฐกิจ, ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน, ปัญหาภัยธรรมชาติ, การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ, การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค, การพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด, การระบาดของโรคโควิด ตลอดจนปัจจัยเสี่ยงใหม่ๆ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อความเข้มแข็ง และความเชื่อมั่นของธุรกิจประกันภัย ซึ่งนับเป็นโจทย์ที่ท้าทายให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจประกันจะต้องตอบสนองต่อความเสี่ยงดังกล่าวอย่างทันท่วงที


อย่างไรก็ตาม ในปีนี้และปีหน้ายังมีความไม่แน่นอนอยู่ แม้สถานการณ์ระบาดของโรคโควิดจะเริ่มคลี่คลายลงไปแล้วแต่การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องจับตา เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดที่รวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงเดือน ก.ย.นี้ อย่างไรก็ดี จากแนวนโยบายของรัฐบาลที่กระตุ้นให้ประชาชนออกมาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ก็จะเป็นส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค และลดโอกาสการเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้เป็นอย่างดี .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ศาลตัดสินพิรงรอง

“พิรงรอง” รับกังวลใจ วันนี้ศาลตัดสิน คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช.

“พิรงรอง” ถึงศาล รับกังวลใจ คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช. ปมส่งใบเตือนทีวีดิจิทัลมีโฆษณาแทรก ยืนยันทำหน้าที่อย่างถูกต้อง

ผู้สมัคร นายก อบจ.สมุทรปราการ หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง ร้อง ปธ.สภา

ผู้สมัคร นายก อบจ. สมุทรปราการ พรรคประชาชน หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง อบจ.ร้องประธานสภา จี้ กกต.สอบให้ความเป็นธรรม ลั่นจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

บุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน

ตำรวจนครบาลบุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน สร้างเพจปลอมเป็นหน่วยงานตำรวจ และ ปปง. หลอกเหยื่อว่าสามารถติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืนได้ ค้นบ้านพบซิมบ็อกซ์โทรศัพท์ และ QR Code ปลอม จำนวนมาก

ข่าวแนะนำ

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

นายกฯพบสีจิ้นผิง

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง”

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง” ย้ำความสัมพันธ์ทางการทูตและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ด้านจีนหนุนไทยมีบทบาทในเวที ระดับโลกและภูมิภาค

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟเมื่อวาน

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ขอทำไปประเมินไป อย่าทำให้เป็นประเด็น มองเป็นสิทธิฝั่งเมียนมาซื้อไฟฟ้าจากลาว ลั่นเดี๋ยวต้องคุยอีก ย้ำตัดไฟครั้งนี้ไม่ได้ใช้อารมณ์ รู้อยู่กระทบเศรษฐกิจบ้าง แต่แค่ 0.1%

รวบแล้วนักโทษหนีเรือนจำนนทบุรี จนมุมที่ จ.ชลบุรี

จับได้แล้วนักโทษชายหนีเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ระหว่างออกกองงานภายนอก จนมุมที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางแสน จ.ชลบุรี ก่อนนำตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนนทบุรี