ธปท. 7 เม.ย. – ธปท.ชี้แจงหลายปัจจัยบวกมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในปี
2560 ทำให้ปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้และปีหน้าขยายตัวร้อยละ 3.4 และ 3.6 ตามลำดับ
พร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบายการเงินที่มีอยู่ให้ภาวะการเงินโดยรวมเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพการเงิน
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ผู้ช่วยผู้ว่าการ
สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วฟื้นตัวต่อเนื่อง
ขณะที่ประมาณการเศรษฐกิจคู่ค้าสูงขึ้นและความเสี่ยงด้านสูงปรับเพิ่มขึ้นบ้างหากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐดำเนินการได้ผลดีกว่าที่คาด
ส่วนเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2559
ฟื้นตัวต่อเนื่องจากแรงส่งของการบริโภคภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐ
รวมทั้งการส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัว อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 2 เดือนแรกของปี
2560 ปรับเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนและกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย
โดยเป็นผลจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นเป็นสำคัญ โดยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี
2559
โดยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.4 และ 3.6 ในปี 2560 และปี 2561 ตามลำดับ
ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในหลายกลุ่มสินค้า
มูลค่าการส่งออกสินค้าในปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.2 นำโดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ตามความนิยมใช้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์
Internet of Things มากขึ้น
และสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากอุปสงค์ต่างประเทศที่ดีรวมทั้งมีธุรกิจบางรายย้ายฐานการผลิตมาไทย
เช่น ยางล้อรถยนต์ แผงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากที่เคยประเมินไว้
ตามโครงการประชารัฐสร้างไทยชัดเจนขึ้น กรอบวงเงินงบประมาณปี 2561 สูงกว่าที่คาด
และโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่เบิกจ่ายเร็วขึ้น แม้จะมีการเลื่อนแผนลงทุนรถไฟทางคู่บางส่วนออกไปเป็นปีหน้าตามการทบทวนการจัดซื้อจัดจ้าง
สำหรับการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง
แรงสนับสนุนหลักมาจากรายได้เกษตรกรที่ปรับดีขึ้นทั้งด้านราคาและผลผลิต
โดยราคายางพาราสูงขึ้นและผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น รายได้ครัวเรือนภาคบริการที่อยู่ในเกณฑ์ดี
และกำลังซื้อบางส่วนที่เพิ่มขึ้นหลังรายจ่ายผ่อนช
าระตามมาตรการรถยนต์คันแรกทยอยหมดลง อย่างไรก็ตาม
รายได้และการจ้างงานภาพรวมอาจยังไม่ได้รับผลดีจากการส่งออกสินค้ามาก
เพราะสินค้าส่งออกฟื้นตัวส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เน้นใช้เครื่องจักรในการผลิต การลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณฟื้นตัวบางธุรกิจ
เช่น โทรคมนาคม อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงานทดแทน
ซึ่งการดำเนินนโยบายการเงินของไทยในการประชุมเมื่อวันที่
8 กุมภาพันธ์
และ 29 มีนาคม 2560 คณะกรรมการฯ
มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50
โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นและดีกว่าที่คาดไว้เดิม โดยภาวะการเงินยังอยู่ในระดับผ่อนคลาย
ปริมาณการระดมทุนขยายตัวได้ดีในธุรกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับขึ้นแต่มีผลกระทบต่อต้นทุนการระดมทุนไม่มาก
เพราะธุรกิจไทยระดมทุนผ่านตราสารหนี้ระยะสั้นถึงปานกลางเป็นหลัก
เงินบาทโน้มแข็งค่าขึ้นบ้างเทียบกับสกุลคู่ค้าสำคัญ
ส่วนหนึ่งเพราะพื้นฐานด้านเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยที่ดีกว่าระยะข้างหน้า เงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยนยังมีแนวโน้มผันผวนสูง
การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเหมาะสมของภาคเอกชนจึงมีความส
าคัญมากขึ้นเสถียรภาพการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี แต่มีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม อาทิ
ความสามารถในการช าระหนี้ที่ด้อยลงของเอสเอ็มอีและภาคครัวเรือน
รวมทั้งพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงที่ต่ำเกินไป ตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่ปรับสูงขึ้น
อาจท
าให้ภาคธุรกิจบางส่วนระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ระยะสั้นมากขึ้นจนอาจเป็นความเสี่ยงได้หากไม่มีความสมดุลของอายุระหว่างสินทรัพย์และหนี้สิน
ซึ่งการประสานงานระหว่างองค์กรกำกับดูแลต่าง ๆ จะมีส่วนสำคัญลดความเสี่ยงของการสะสมความเปราะบางในระบบการเงินไทยระยะต่อไปนโยบายการเงินยังควรอยู่ระดับผ่อนปรนจนกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจะชัดเจนและเข้มแข็งมากขึ้น
และเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อกลับเข้าสู่ค่ากลางของเป้าหมายนโยบายการเงินในระยะต่อไปภายใต้ความเสี่ยงจากต่างประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก
โดยเฉพาะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบางและนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ
ที่อาจกระทบต่อการฟื้นตัวของการส่งออก ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ
พร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่อย่างเหมาะสม
เพื่อให้ภาวะการเงินโดยรวมเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพการเงินของ
ธปท.-สำนักข่าวไทย
