fbpx

พาณิชย์จับมือ MBK ร่วมรณรงค์ “ซื้อ ขาย ให้ถูกใจ ใช่เลย”

กรุงเทพฯ 4 ส.ค.-รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์นำทีมลุย MBK รณรงค์ “ซื้อ ขาย ให้ถูกใจ ใช่เลย”สร้างแนวร่วมภาคประชาชนและผู้ค้าไม่สนับสนุนสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ปลื้มหลังสหรัฐรายงานปี 64 ไม่ปรากฏรายชื่อตลาดย่านการค้าและตลาดออนไลน์ของไทยแม้แต่แห่งเดียว


นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำทีมผู้บริหารกรมทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมหน่วยงานพันธมิตรด้านการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ชูแคมเปญ “ซื้อ ขาย ให้ถูกใจ ใช่เลย (Let’s Get Right)” รณรงค์กระตุ้นจิตสำนึกด้านการเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และตระหนักถึงพิษภัยของสินค้าละเมิดฯ พร้อมจัดกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและภาคเอกชน ไม่ซื้อ ไม่ขาย ไม่ใช้ของปลอม ณ ลาน Center Hall ชั้นG ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ 

ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องเพื่อสร้างบรรยากาศการค้าและการลงทุน สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้า รวมทั้งปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคจากพิษภัยของการซื้อหรือบริโภคสินค้าปลอม กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์‘ซื้อ ขาย ให้ถูกใจ ใช่เลย (Let’s Get Right)’ โดยบูรณาการความร่วมมือกับศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ และหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน


อย่างไรก็ตาม ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย อาทิ การสร้างแนวร่วมและประกาศเจตนารมณ์ไม่สนับสนุนสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ ในหัวข้อ ‘เครื่องหมายการค้ากับลิขสิทธิ์ต่างกันหรือไม่ และซื้อ-ขายของปลอมมีโทษอย่างไร’ และ ‘ร่วมเปิดประสบการณ์กว่าจะมาเป็นแบรนด์ กับแบรนด์สินค้า AT First และ Rayamanee’ การบริการให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญา พร้อม ชม ชิม ช้อปสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สัมผัสเสน่ห์สินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย เช่น ขนมหม้อแกงเมืองเพชร สับปะรดบ้านคา ถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน ส้มโอขาวใหญ่สมุทรสงคราม และลูกหยียะรัง เป็นต้น

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอขอบคุณหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนที่ร่วมสนับสนุนภารกิจด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังมาโดยตลอด จนเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ดังเช่นล่าสุด สหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงในประเทศคู่ค้า (Notorious Market) ประจำปี 2564 โดยในรายงานไม่ปรากฏรายชื่อตลาดย่านการค้าและตลาดออนไลน์ของไทยแม้แต่แห่งเดียว โดยยังดำเนินมาตรการเชิงรุกในการเฝ้าระวังและปราบปรามสินค้าละเมิดฯ อย่างเข้มงวด โดยจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property Enforcement Center : IPEC) ในพื้นที่ย่านการค้าสำคัญต่างๆ อาทิ ตลาดนัดจตุจักร ตลาดโรงเกลือ รวมทั้งศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เพื่อส่งเสริมบรรยากาศการค้าการลงทุน และสนับสนุนให้ประชาชนก็จะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และปลอดภัยต่อสุขภาพอนามัยอีกด้วย

นายอภิชาติ กมลธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายกฎหมาย บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมจัดกิจกรรมในครั้งนี้  เพื่อส่งเสริมความรู้ สร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการร้านค้าภายในศูนย์การค้าฯ ผ่านกิจกรรมเสวนาให้ความรู้ รวมทั้งร่วมรณรงค์ ไม่ซื้อ ไม่ขาย และไม่ใช้สินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนการสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ของตัวเอง โดยผู้ประกอบการร้านค้าในศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ อย่าง At First และ RAYAMANEE (รายามณี) ที่ประสบความสำเร็จในแบรนด์สินค้า จนเป็นที่ยอมรับทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างประเทศ ที่มาร่วมพูดคุยถึงจุดเริ่มต้นสู่การสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืน


ทั้งนี้ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ พร้อมปฏิบัติตามกฏหมายทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศชาติ อีกทั้งสนับสนุนการสร้างสินค้าแบรนด์ไทยสู่สายตาชาวโลก เพื่อส่งเสริมบรรยากาศการค้าในประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจไทยแบบยั่งยืนได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME