นนทบุรี 12 พ.ค.-กรมการค้าภายในใช้มาตรการบริหารจัดการผลไม้ ดันราคามังคุดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ผ่านมาตรการรองรับล่วงหน้ากว่า 18 มาตรการ โดยมังคุดเดินหน้าแล้ว 8 แนวทาง
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีข่าวราคามังคุดปรับตัวลดลง กรมฯ ได้มีการติดตามสถานการณ์การผลิตการตลาดผลไม้มาอย่างต่อเนื่องทั้งในแหล่งผลิต ตลาดค้าส่ง-ค้าปลีก ปัจจุบันเป็นช่วงฤดูการผลิตผลไม้เศรษฐกิจสำคัญของประเทศออกสู่ตลาด เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ เป็นต้น โดยผลไม้ของภาคตะวันออก(จันทบุรี ระยอง และตราด) ได้เริ่มทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 เป็นต้นมา แต่ปริมาณยังไม่มากนักและจะออกกระจุกตัวมากในช่วงเดือนพฤษภาคม ประมาณร้อยละ 50 ของผลผลิต สำหรับผลผลิตมังคุดทั้งประเทศ ปี2565 กระทรวงเกษตรฯ คาดว่ามีปริมาณรวม 373,378 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 38 เนื่องจากปีที่ผ่านมาผลผลิตได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศแปรปรวนและคุณภาพไม่ดี ทำให้มังคุดได้พักต้น ต้นมังคุดมีความสมบูรณ์จึงให้ผลผลิตในปีนี้มากขึ้น แต่จากการติดตามสถานการณ์การผลิตมังคุดในภาคใต้ที่ประสบปัญหาสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย คาดว่าผลผลิตในภาพรวมปีนี้มีแนวโน้มจะน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม จากปริมาณมังคุดที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวออกสู่ตลาดได้มีมากขึ้น ประกอบกับการใช้มาตรการ ZERO COVID ของจีน ทำให้จีนมีการปิดด่านโม่ฮานชั่วคราวในวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 เพื่อทำความสะอาด/ฆ่าเชื้อฯ ส่งผลให้มีสินค้าส่งออกตกค้างที่หน้าด่านเป็นจำนวนมาก ขณะที่ผู้ส่งออกไทย/ล้ง หยุดรับซื้อชั่วคราวเพื่อทำความสะอาดพื้นที่และคัดกรองสุขภาพของแรงงานที่จะปฏิบัติงานในโรงคัดบรรจุ 1-2 วัน ซึ่งตรงกับช่วงที่ราคามังคุดอ่อนตัวลงตามข่าว ปัจจุบัน (11 พ.ค.65) ผู้ส่งออก/ล้ง ได้เปิดรับซื้อตามปกติแล้ว มีผลทำให้ราคามังคุดผิวมันรวม (เกรดส่งออก) ที่เกษตรกรขายได้ ปรับตัวสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อน (2-8 พ.ค.65) ที่มีราคาเฉลี่ย กก.ละ 50 – 55 บาท เป็นเฉลี่ยกก.ละ 60 – 70 บาท สำหรับราคาประมูล เฉลี่ย กก.ละ 80-85 บาท ส่วนราคามังคุดคละ (กาก) ปรับตัวสูงจาก กก. 30 – 35 บาท เป็น กก.ละ 40-45 บาท
สำหรับกรณีการเทียบเคียงราคามังคุดตามข่าว ที่เทียบเคียงราคาขายในตลาดปลายทางประเทศจีนกับราคาที่เกษตรกรขายได้ในช่วงเดียวกันนั้น ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงในกระบวนการรับซื้อผลไม้เพื่อการส่งออกไปยังตลาดปลายทาง เนื่องจากการส่งออกต้องใช้ระยะเวลาในการขนส่งจากไทยไปจีนหลายวัน เช่น การขนส่งทางบก ใช้เวลา 7 – 10 วัน หากจะเทียบเคียงความเหมาะสมของราคาส่งออกกับราคาเกษตรกรขายได้ ต้องพิจารณาจากราคาปัจจุบันในจีนเทียบกับราคาที่เกษตรกรขายได้หน้าสวนนับย้อนหลังอย่างน้อยประมาณ 12 – 14 วัน (วันที่รับซื้อรวมเวลาคัดแยก/บรรจุ และระยะเวลาขนส่ง) เมื่อพิจารณาตามหลักเกณฑ์นี้แล้วจะพบว่า ราคามังคุดตามข่าวในประเทศจีนที่มีราคาสูงมากถึงกก.ละ 167 – 240 บาท จะสอดคล้องกับราคามังคุดที่เกษตรกรขายได้ (ย้อยหลัง 12 – 14 วัน) ที่ราคา กก.ละ140 – 160 บาท
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในและภาคีเครือข่ายได้เตรียมาตรการบริหารจัดการผลไม้ฤดูการผลิตปี 2565 ซึ่งรวมถึงมังคุดไว้รองรับเป็นการล่วงหน้ากว่า 18 มาตรการ และได้นำมาตรการลงสู่การปฏิบัติแล้ว มีผลการดำเนินการในส่วนของสินค้ามังคุดที่สำคัญ ดังนี้
1. จับคู่เจรจาซื้อขายล่วงหน้า (อมก๋อยโมเดล) รวม 4,700 ตัน
2. สนับสนุนค่าบริหารจัดการในการเชื่อมโยงกระจายออกนอกแหล่งผลิต กก.ละ 3 บาท ปริมาณ 7,800 ตัน
3. เปิดพื้นที่ขายโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ณ ห้างท้องถิ่น ห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ปั้มน้ำมัน รวม 1,000 ตัน
4. จัดสรรกล่องไปรษณีย์ ขนาด 10 กก. ไปยังไปรษณีย์สาขาทั่วประเทศ รวม 300,000 กล่อง
5. กรณีผลผลิตกระจุกตัว ได้จัดเตรียมรถเร่ Mobile เข้าไปเร่งรับซื้อผลผลิตเพื่อจำหน่ายให้กับผู้บริโภคนอกพื้นที่โดยตรง
6. เสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการเพื่อเร่งรับซื้อผลิตได้มากขึ้น โดยสนับสนุนค่าบริหารจัดการ กก.ละ 4 บาท
7. ชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อรวบรวมรับซื้อผลไม้ ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
กรมฯ จะได้ติดตามสถานการณ์ราคาผลไม้ทุกชนิดอย่างใกล้ชิด และเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุปิดป้ายแสดงราคารับซื้อให้ชัดเจน ป้องปรามมิให้เกิดพฤติกรรมการโกงตาชั่งน้ำหนักในขั้นตอนการรับซื้อ และพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบทางการค้า โดยเฉพาะการฮั้วราคา หากตรวจพบการกระทำความผิด จะดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่สายด่าน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด.-สำนักข่าวไทย