กรุงเทพฯ 21 ก.พ. – การประมูลคลื่นวิทยุ FM ครั้งแรกในไทย 71 คลื่นความถี่ ยังประมูลกันต่อเนื่อง หลายจังหวัดประมูลสู้กันกันดุเดือด
การประมูลคลื่นวิทยุ FM ครั้งแรกในไทย 71 คลื่นความถี่ ยังประมูลกันต่อเนื่อง หลายจังหวัดประมูลสู้กันกันดุเดือด โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่เป็นจังหวัดใหญ่ๆ ดุเดือด ทำให้จากเดิมกำหนดไว้ว่าการประมูลทั้ง 4 รอบ จะเสร็จสิ้นในเวลา 16.30 น. และมีการแถลงผลการประมูลในเวลา 17.00 น. แต่จนถึงขณะนี้เพิ่งประมูลกันไปได้เพียง 2 รอบเท่านั้น ครั้งนี้ อสมท ยื่นประมูล 55 คลื่น และแจ้งผลการประมูลคลื่นความถี่ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ออกมาแล้ว
บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เสนอราคาสูงสุดในการประมูลคลื่นความถี่ในระบบเอฟเอ็ม จำนวน 6 คลื่น ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และเป็นผู้เสนอราคาสูงสุดรายเดียว ได้แก่ คลื่นความถี่ FM 95 ลูกทุ่งมหานคร, FM 96.5, FM 99.00, FM 100.5, FM 107.00 และ FM 105.50
รศ.เกษมศานต์ โชติชาครพันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท กล่าวว่า บมจ.อสมท เป็นผู้นำธุรกิจวิทยุมาอย่างยาวนาน โดยยื่นประมูลคลื่นความถี่วิทยุระบบเอฟเอ็มมากที่สุด รวมทั้งสิ้น 55 คลื่น แบ่งเป็นคลื่นความถี่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวน 6 คลื่น และพื้นที่ภูมิภาค จำนวน 49 คลื่น โดยการยื่นประมูลแต่ละคลื่นความถี่พิจารณาจากหลายปัจจัย อาทิ ความสามารถในการสร้างผลกำไร ความแข็งแกร่งของเครือข่ายในการครอบคลุมพื้นที่ และความรับผิดชอบในบทบาทภารกิจทางสังคมของ บมจ.อสมท ที่มุ่งสร้างเสริมการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง สำหรับคลื่นวิทยุที่ บมจ.อสมท ไม่ได้เข้าประมูลในครั้งนี้ ไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ บมจ.อสมท ซึ่งยังคงมีศักยภาพในการออกอากาศครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศที่ไม่แตกต่างจากเดิม โดยสามารถใช้การออกอากาศกระจายเสียงจากสถานีข้างเคียง
สำหรับคลื่นวิทยุที่มีการเปิดประมูลในพื้นที่ กทม. มีทั้งหมด 8 คลื่น อสมท ยื่นระมูลสูงสุดไปแล้ว 6 คลื่น ส่วนอีก 2 คลื่น มีผู้ประมูลสูงสุดรายเดียวเช่นกัน ได้แก่ บริษัท ลูกทุ่งเน็ตเวิร์ค 24 ชั่วโมง จำกัด ยื่นประมูลคลื่น FM 97.50 และบริษัท จีเอ็มเอ็มมีเดีย จำกัด (มหาชน) ยื่นประมูลคลื่น FM 106.5
การประมูลครั้งนี้ที่น่าจับตาคือ จังหวัดใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ ที่มีการเคาะราคาสู้กันอย่างดุเดือด ส่งผลให้การประมูลแต่ละรอบที่กำหนดไว้รอบละ 60 นาที ยืดเยื้อออกไปเป็นหลายชั่วโมง โดยในรอบแรกมี 4 จังหวัดที่สู้กันดุเดือด ได้แก่ จันทบุรี ตราด ชลบุรี และมหาสารคาม ขณะนี้เสร็สิ้นแล้วแต่ยังไม่ประกาศผล
ส่วนรอบ 2 ก็ยาวนานเกือบ 4 ชั่วโมง ล่าสุดยุติการประมูลแล้ว ขณะนี้อยู่ระว่างการตรวจรับรองราคา การแข่งขันดุเดือดในหลายจังหวัด อาทิ พิษณุโลก เชียงราย เชียงใหม่ สงขลา โดยเฉพาะที่นครศรีธรรมราช ราคาเริ่มต้นประมูลอยู่ที่ 900,000 บาท แต่ราคาสุดท้ายที่เคาะพุ่งขึ้นไปถึงกว่า 27 ล้านบาท
พันเอกนที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. ประเมินรายได้ก่อนเริ่มประมูลว่าอยู่ที่ 400 ล้านบาท แต่ขณะนี้ตัวเลขเกินไปค่อนข้างมาก โดยการประมูลรอบแรกตัวเลขเริ่มต้นที่ 390 ล้านบาท จบยอดประมูลที่ 443 ล้านบาท (เกินที่ประเมินไปแล้ว) ส่วนรอบ 2 ราคาตั้งต้นที่ 7.6 ล้านบาท สุดท้ายเคาะจบที่ 160 ล้านบาท จะเห็นว่ารอบที่ 2 ซึ่งมีเฉพาะการประมูลในคลื่นต่างจังหวัด ราคาพุ่งสูงมาก กสทช. ตั้งราคาเริ่มต้นไม่สูง แต่เอกชนในพื้นที่มองเห็นศักยภาพในการแข่งขันในการเข้ามาประกอบธุรกิจจึงมีการสู้ราคา ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งดี เพราะการประมูลคลื่นความถี่วิทยุในครั้งนี้ กสทช. ต้องการให้เกิดประโยชน์กับท้องถิ่นมากที่สุด ผู้ประกอบการสามารถประกอบกิจการที่ตอบโจทย์กับท้องถิ่นได้มากขึ้น.-สำนักข่าวไทย