กรุงเทพฯ 26 ม.ค. – รมช. มนัญญาสั่งกรมวิชาการเกษตรจัดติวเข้มผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุผลไม้ภาคตะวันออกให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดการส่งออกผลไม้ไปจีนในฤดูกาลผลิตปี 65 คาดปีนี้ผลผลิต 1.3 ล้านตัน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 1 แสนล้านบาท ย้ำเฝ้าระวังศัตรูพืชติดไปกับผลไม้และการปนเปื้อนของเชื้อโควิด-19 ซึ่งหากจีนตรวจพบจะทำลายและระงับการนำเข้า
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรวางแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้ไปประเทศจีน ตลอดจนการป้องกันผลผลิตด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด โดยประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจในหลักเกณฑ์ กฎระเบียบ และขั้นตอนการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรในการตรวจติดตาม เฝ้าระวัง และควบคุมการส่งออกเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของจีนและมาตรฐานสากล
ที่ผ่านมาผลผลิตลำไยของจังหวัดจันทบุรีประสบปัญหาตรวจพบศัตรูพืชทำให้จีนระงับการนำเข้าลำไยจากโรงคัดบรรจุที่ได้รับการแจ้งเตือน โดยทางการจีนขอให้กรมวิชาการเกษตรระงับการส่งออกชั่วคราวกับโรงคัดบรรจุที่ถูกแจ้งเตือนดังกล่าว เพื่อสอบสวนหาสาเหตุและกำหนดมาตรการควบคุมให้ทางการจีนพิจารณา ซึ่งจากการที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาทำให้ปัจจุบันสามารถส่งออกได้ตามปกติ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอีกในฤดูกาลส่งออกทุเรียนและมังคุดของจังหวัดจันทบุรีจึงกำชับให้กรมวิชาการเกษตรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบผลผลิตเพื่อป้องกันปัญหาศัตรูพืชควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยสร้างการรับรู้และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องตั้งแต่ที่สวนให้แก่เกษตรกร พร้อมกับเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามแนวทางของ FAO และ WHO ในโรงคัดบรรจุอย่างเคร่งครัด โดยหากจีนตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในสินค้าผลไม้ของไทยสินค้าจะถูกทำลายซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของผลไม้ไทยในประเทศจีนอีกด้วย
นายภัชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 มกราคม2565 นี้ ได้มอบหมายให้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นหน่วยงานในส่วนภูมิภาคของกรมวิชาการเกษตร จัดประชุมชี้แจงสร้างการรับรู้แนวทางการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการส่งออกผลไม้ในฤดูกาลผลิตปี 2565 แก่ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุผลไม้ภาคตะวันออก หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน
ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลส่งออกผลไม้ภาคตะวันออกในปี 2565 นี้กรมวิชาการเกษตรได้มีการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในโรงคัดบรรจุพื้นที่ภาคตะวันออก โดยสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี สมาคมผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน มังคุด (DMA) และสมาคมการค้าผลไม้ยุคใหม่ (MAFTA) จัดฝึกอบรมมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในโรงคัดบรรจุ ให้กับผู้ประกอบการและผู้ควบคุมคุณภาพประจำโรงคัดบรรจุ 400 คน รวมทั้งจัดทำคู่มือและคลิปวีดีโอ การบริหารจัดการโรงคัดบรรจุที่ถูกต้องตามมาตรฐาน GMP และมาตรการป้องกันโควิด-19 ในโรงคัดบรรจุ เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ จะเพิ่มมาตรการในการตรวจติดตามโรงคัดบรรจุ GMP Plus (มาตรการ GMP + Covid-19 ) ควบคู่กับมาตรการตรวจสอบคุณภาพทุเรียนเพื่อป้องกันทุเรียนด้อยคุณภาพปะปนไปในช่วงต้นฤดู ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทุเรียนตกต่ำและผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นในคุณภาพของทุเรียนไทย รวมทั้งได้เตรียมแผนรองรับการตรวจปิดตู้คอนเทนเนอร์ของด่านตรวจพืช และการออกใบรับรองสุขอนามัยพืช (PC) โดยเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในช่วงเวลาดังกล่าวมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอีกหนึ่งเท่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้การส่งออกมีความคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น
จากข้อมูลการเพาะปลูกไม้ผลในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก ได้แก่ จันทบุรี ระยอง และตราดปลูกไม้ผลส่งออกที่สำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด และลำไย พื้นที่รวมกว่า 7 แสนไร่ คาดการณ์ว่า ปีนี้จะมีผลผลิตส่งออกประมาณ 1.3 ล้านตัน ทำรายได้เข้าประเทศเป็นมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท โดยลำไยอยู่ในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ส่วนทุเรียนและมังคุดผลผลิตจะออกสู่ตลาดตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์และมากที่สุดในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน ซึ่งผลผลิตเกือบทั้งหมดจะส่งออกประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดหลัก ปัจจุบันมีโรงงานผลิตสินค้าพืชหรือโรงคัดบรรจุผลไม้ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรรวมจำนวนทั้งสิ้น 1,790 โรง โดยในภาคตะวันออกมีโรงคัดบรรจุผลไม้ส่งออกรวมทั้งสิ้น 702 โรง ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดจันทบุรี 630 โรง.-สำนักข่าวไทย