กรุงเทพฯ 15 พ.ย.- ซีอีโอ ปตท. เผย ปตท. ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิก DJSI กลุ่มดัชนีโลก และดัชนีตลาดเกิดใหม่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ด้วยการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและมีธรรมาภิบาล
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เผยว่า ปตท. ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิก DJSI กลุ่มดัชนีโลก และดัชนีตลาดเกิดใหม่ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนการยอมรับในระดับโลกถึงความมุ่งมั่นของ ปตท. ในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและมีธรรมาภิบาล คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย พร้อมก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำผ่านการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม การพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาด เช่น พลังงานหมุนเวียน, Energy Storage & System, EV value chain และส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่สีเขียวเพื่อดูดซับคาร์บอน ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ที่มุ่งขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต “Powering Life with Future Energy and Beyond”
นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม ปตท. ได้แก่ ปตท.สผ., ไทยออยล์ , พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือจีซี และ ไออาร์พีซี ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI อีกด้วย โดย GC ก็นับเป็นบริษัทปิโตรเคมีแรกของไทยที่ติดอันดับ 1 ของโลก จาก DJSI 3 ปีซ้อนในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์
ซีอีโอ ปตท. ยังเปิดเผยด้วยว่า ปตท.พร้อมสนับสนุนนโยบายเปิดประเทศ และ กลุ่ม ปตท. เตรียมแผนลงทุน 5 ปี รวม 865,000 ล้านบาท พร้อมจัดตั้งคณะทำงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ กลุ่ม ปตท. เพื่อวางกรอบเป้าหมายที่ชัดเจนในการยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศ เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ได้ในปี ค.ศ. 2065
ขณะที่ผลการดำเนินงาน ปตท. และบริษัทย่อย ไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 23,653 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 67.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลงจากไตรมาส 2 ปี ที่ 24,578 ล้านบาท ส่วนกำไร 9 เดือนแรก กำไรสุทธิ 80,819ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากในช่วงเดียวกันของปีก่อน 228% ส่งผลให้ กลุ่ม ปตท.สามารถนำส่งเงินเข้ารัฐ ในรูปแบบเงินปันผลและภาษีเงินได้ รวม 55,924 ล้านบาท หากนับตั้งแต่ปี 2544 แล้ว กลุ่ม ปตท. นำเงินส่งรัฐรวม 1.05 ล้านล้านบาท
สำหรับกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นจากเกือบทุกกลุ่มธุรกิจตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจากปีก่อน ประกอบกับ ปตท. สามารถบริหารจัดการด้านการปฏิบัติการอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ดำเนินได้อย่างไม่ติดขัดแม้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้า-ส่งออก ในขณะที่อุตสาหกรรมลักษณะเดียวกันในต่างประเทศบางแห่งต้องปิดตัวลง
ทั้งนี้ ในสถานการณ์โควิด-19 กลุ่ม ปตท.ได้ให้ความช่วยบรรเทาผลกระทบ ทั้งคู่ค้าและประชาชน เช่น ชะลอการขยับราคาขายปลีกน้ำมัน และเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า มุ่งดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแบ่งเบาภาระภาครัฐในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใช้งบรวม 1,800 ล้านบาท เช่น การจัดตั้งหน่วยคัดกรอง จัดตั้งโรงพยาบาลสนามครบวงจรในโครงการลมหายใจเดียวกัน และเปิดสายด่วน 1745 ช่วยผู้ติดเชื้อโดยมีพนักงานจิตอาสาจะคอยให้คำแนะนำ และส่งรถพยาบาลไปรับถึงที่พัก เพื่อสนับสนุนนโยบายเปิดประเทศ ให้เราผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน.-สำนักข่าวไทย