กรุงเทพฯ 15 พ.ย. – รมว.ดีอีเอสเผย เร่งผลักดันการยกระดับการคุ้มครองสิทธิของนักช้อปออนไลน์ไทยสู่มาตรฐานสากล ล่าสุดมีการลงนามความร่วมมือของ 19 องค์กร เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายสินค้าและบริการออนไลน์
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ได้เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายสินค้าและบริการในตลาดออนไลน์ โดยเป็นการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างองค์กรผู้บริโภค หน่วยงานส่งเสริมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการตลาดออนไลน์ และหน่วยงานรัฐที่เห็นความสำคัญของการปกป้องและคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญที่เห็นถึงการพัฒนาความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างจริงจัง ยกระดับการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคไทยไปสู่มาตรฐานสากล
ทั้งนี้ เทคโนโลยีในปัจจุบันมีการพัฒนาธุรกิจของสังคมโลก ไปสู่การซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ จนทำให้คนไทยซื้อสินค้า e-commerce มากเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 83 ของประชากรที่ใช้อินเทอร์เน็ต และมีการทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking ร้อยละ 68 เป็นอันดับ 1 ของโลก สถิติเหล่านี้บ่งชี้ชัดเจนว่า การซื้อขายออนไลน์เป็นตลาดที่มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงโควิด -19 ที่ได้มีการขอความร่วมมือให้ประชาชน อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ
นายชัยวุฒิกล่าวต่อว่า การทำธุรกิจออนไลน์เป็นการทำการตลาดตรงกับผู้บริโภค ดังนั้นรูปแบบการสื่อสารโฆษณาชวนเชื่อจึงมีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้บริโภค เพราะผู้บริโภคไม่สามารถเห็นหรือสัมผัสกับสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อได้ และที่สำคัญในการซื้อสินค้า ผู้ซื้อไม่สามารถรู้ตัวตนที่แท้จริงของผู้ประกอบการ ตลอดจนไม่รู้รายละเอียดข้อเท็จจริงของสินค้าหรือบริการ ถือว่า เป็นความเสี่ยงของผู้บริโภคที่อาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น การหลอกขายสินค้า การได้รับสินค้าที่ไม่ตรงตามคำโฆษณา สินค้าเสียหาย รวมไปถึงปัญหาการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัว เป็นต้น
สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้มีผู้ร่วมลงนาม 19 องค์กร ประกอบด้วย ภาคประชาชนและองค์กร/หน่วยงานส่งเสริมด้านอี-คอมเมิร์ซ ได้แก่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สภาองค์กรของผู้บริโภค สมาคมสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค สํานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA)สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย
ผู้ให้บริการตลาดออนไลน์ ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จำกัด บริษัท แอลเอ็นดับเบิ้ลยู จํากัด บริษัท บิวตี้ นิสต้า จํากัด บริษัท ลาซาด้า จํากัด และบริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัดและหน่วยงานของรัฐด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลฯ ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน
บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ยังสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายสินค้าและบริการในตลาดออนไลน์ ทั้งการปฏิบัติต่อผู้บริโภคอย่างเป็นธรรม ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค การจัดให้มีช่องทางการชำระเงินออนไลน์ที่มีความปลอดภัย ตลอดจนประเด็นนโยบายความเป็นส่วนตัวผู้ซื้อและผู้ขาย และการจัดให้มีระบบคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคที่เป็นไปตามกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย