กรุงเทพฯ 25 ต.ค.-กลุ่ม ปตท. ต่อยอดโครงการลมหายใจเดียวกันจัดตั้ง “End-To-End Mobile@1745” รุดรับผู้ตรวจ ATK เป็นบวกถึงบ้าน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ว่าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ ในขณะนี้จะเริ่มคลี่คลาย แต่เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเตรียมพร้อมเปิดประเทศ กลุ่ม ปตท. จึงร่วมกับพันธมิตรทางการแพทย์ โรงพยาบาลปิยะเวท จัดตั้งจิตอาสา “End-To-End Mobile@1745”ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน ขึ้น โดยระดมพนักงานจิตอาสากลุ่ม ปตท. ให้บริการรับสายเรียกเข้าจากผู้ที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเอง ด้วยชุดตรวจคัดกรองแบบเร่งด่วน (Antigen Test Kit : ATK) ที่พบผลตรวจเป็นบวก เพื่อให้คำแนะนำทันที และส่งรถพยาบาล รุดให้ความช่วยเหลือถึงบ้าน นำร่องในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม เพื่อนำเข้าสู่ระบบการรักษาอย่างต่อเนื่อง ครบวงจร โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ โครงการลมหายใจเดียวกันที่ กลุ่ม ปตท. ร่วมกับโรงพยาบาลปิยะเวทจัดตั้งขึ้นนี้ มี Hospitel รองรับกว่า 1,000 เตียง โรงพยาบาลสนามสีเหลือง 300 เตียง และ ICU สนาม 120 เตียง อีกทั้งสามารถรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีภาวะโรคไตและต้องฟอกไตด้วย ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1745 และ Line Official Account : ลมหายใจเดียวกันATK โดยสามารถค้นหาด้วยการพิมพ์ @ptt.covid-atk ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับหน่วยตรวจคัดกรองโควิด-19 โครงการลมหายใจเดียวกัน กลุ่ม ปตท. ที่เปิดให้บริการที่อาคาร EnTer ถนนวิภาวดีรังสิต หลักสี่ กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม เป็นต้นมา ได้ตรวจคัดกรองแก่ประชาชนไปแล้วกว่า 48,000 คน เมื่อพบผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจากการตรวจ ATK จะทำการตรวจยืนยันด้วย RT-PCR และนำเข้าสู่กระบวนการรักษาตามระดับอาการ โดยได้ให้การรักษาผู้ป่วยไปแล้วกว่า 3,400 คน รักษาหายแล้วประมาณ 3,200 คน
นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคมนี้ ได้เปิดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 1 สำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการตรวจคัดกรองที่ EnTer และยังไม่เคยได้รับวัคซีนชนิดใดมาก่อนด้วย นับเป็นการดูแลประชาชนอย่างครบวงจร อนึ่ง โครงการลมหายใจเดียวกันได้กำหนดเป้าหมายยืนหยัดดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ไปจนกว่าสถานการณ์โรคระบาดจะคลี่คลาย เพื่อสร้างความอุ่นใจ ความปลอดภัยด้านสาธารณสุขให้แก่ประชาชน แบ่งเบาภาระภาครัฐ และสร้างความมั่นใจให้แก่ชาวต่างชาติ พร้อมรับการเปิดประเทศ ตั้งแต่ 1 พ.ย. เป็นต้นไป. -สำนักข่าวไทย