อยุธยา, ปทุมธานี 21 ต.ค.-รมว.คมนาคม ลงพื้นที่ 2 จังหวัด พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี สำรวจถนนเสียหาย มั่นใจสิ้นเดือนนี้ จะทราบผลสำรวจทั่วประเทศ เพื่อจัดของบกลางดำเนินการซ่อมแซม
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย และตรวจเส้นทางคมนาคมที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี เช่น ทางหลวงชนบท สาย อย.3011 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชน ผู้ประสบอุทกภัย 5 ตำบล ในจังหวัด พระนครศรีอยุธยา บริเวณ ตลาดเกรียบ อำเภอบางปะอิน 2,500 ครัวเรือน พร้อมตรวจความคืบหน้างานก่อสร้าง โครงการก่อสร้างขยายช่องทางจราจร ทางหลวงหมายเลข 3056 ก่อน ตรวจเยี่ยมมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี และตรวจ เส้นทางคมนาคมที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยบนทางหลวง หมายเลข 3309
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในส่วนถนนที่ประสบอุทกภัยเดิม ซึ่งเป็นถนนของชลประทาน และได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ครั้งนี้ โดยเส้นทางพบว่าถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ระยะทางหลายสิบกิโลเมตร โดยได้สั่งการให้กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เร่งทำการสำรวจโดยเร็ว ส่วนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งพบว่าถนนที่เสียหาย ส่วนใหญ่เป็นถนนสายที่เลียบแม่น้ำในกำกับของกรมทางหลวง (ทล.) โดยมูลค่าความเสียหายขณะนี้ ยอมรับว่า ยังทราบตัวเลขได้ยาก จนกว่าระดับน้ำทั้งหมดจะลด ทำการสำรวจโดยละเอียด โดยทั้งหมดจะดำเนินการตามแผนที่เคยให้นโยบายไปแล้ว โดยขอให้ทั้ง ทล.และ ทช. สรุปรายงานผลสำรวจทั้งหมด ไม่ใช่แค่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี แต่เป็นทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยให้รายงานทั้งหมด ให้ทราบภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้
โดยย้ำว่าแนวทางการสำรวจก็ยังเป็น 2 แนวทาง คือ สำรวจจุดที่มีความเสียหาย เพื่อซ่อมแซม และจุดที่โครงการถนนต่างๆ ไปกีดขวางทางน้ำ สร้างผลกระทบทำให้เกิดอุทกภัย ทั้งโครงการในอดีต และปัจจุบัน เพื่อทำการปรับปรุง ตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
นอกจากเรื่องช่วยเหลือ ประชาชนที่ประสบอุทกภัยและการสำรวจถนนที่เสียหาย จากอุทกภัยแล้ว ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่าได้แจ้งให้ประชาชน เตรียมพร้อมรองรับการท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยว ตานโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล 1 พ.ย.นี้ แน่นอนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่มรดกโลก จะมีนักท่องเที่ยว เดินทางมาท่องเที่ยวมากมาย ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับความปลอดภัย และมั่นใจของนักท่องเที่ยว คือมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ทราบว่าประชากรในจังหวัดอยุธยา มีการฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 80% ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่น่าพอใจ และในระหว่างนี้สามารถเพิ่มตัวเลขดังกล่าวขึ้นอีก เพราะปริมาณวัคซีน ที่กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาลจัดหา ปีนี้ 120 ล้านโดส ถือว่า มีเพียงพอ ซึ่งทั้งหมด จะช่วยสร้างความมั่นใจ นักท่องเที่ยวที่เข้มมาจังหวัด และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็จะมีรายได้จ่าการท่องเที่ยวกลับมาด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวด้วยว่า ได้แจ้งให้ประชาชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทราบถึงความคืบหน้า โครงการรถไฟความเร็วสูง ความร่วมมือไทย-จีน ซึ่งที่ผ่านมา เคยติดปัญหาเรื่องการก่อสร้างสถานี เนื่องจากเป็นพื้นที่มรดกโลก ขณะนี้กระทรวงคมนาคม ได้แก้ปัญหาจบสิ้นแล้ว โดยยืนยันว่า การก่อสร้าง จะยึดแนวเส้นทางเดิม โดยมีเพียงการลดขนาดสถานี และความสูงของโครงสร้างทางวิ่งลง โดยยืนยันว่า โครงการในระยะที่ 1 ที่ผ่านอยุธยานี้ จะแล้วเสร็จ ในปี 2568 ตามแผนเดิมแน่นอน
ส่วนโครงการส่วนต่อขยาย รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นต่อจากนครราชสีมา-หนองคาย ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้กระทรวงคมนาคม ทำการสำรวจ-ออกแบบนั้น ก็จะเร่รัดดำเนินการ รวมทั้ง ในปลายปีนี้ กระทรวงคมนาคม เตรียมร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน (Joint Committee หรือ JC) ครั้งที่ 30 ซึ่งก็มั่นใจว่า ภาพร่วม จะช่วยให้โครงการรถไฟความเร็วสูง ความร่วมมือไทย-จีน จะเดินหน้าได้ตามแผนที่กระทรวงคมนาคมวางไว้.-สำนักข่าวไทย