เวียดนามรับจะทบทวนนำเข้าสุกรให้ไทยใหม่

นนทบุรี 7 มิ.ย.-รัฐมนตรีพาณิชย์ ระบุเวียดนามจะทบทวนมาตรการประกาศห้ามนำเข้าสุกรแก่ไทยใหม่ คาดได้รับข่าวดีเร็วๆ นี้ ปลื้มการค้า 2 ฝ่ายขยายตัวเกือบร้อยละ 20 แม้เจอพิษโควิด เตรียมฉลองครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม พร้อมตั้งเป้าเพิ่มการค้าปีนี้ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนาย ฟาน จี๊ ทัญ เอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทยว่า ตนได้หยิบยกกรณีที่เวียดนามตรวจพบเชื้ออหิวาต์แอฟริกาในสุกรมีชีวิตที่นำเข้าจากประเทศไทย ทำให้ทางเวียดนามเตรียมที่จะออกประกาศระงับการนำเข้าสุกรจากไทยตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนที่จะถึงนี้นั้น โดยได้ชี้แจงกับฝ่ายเวียดนามไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก และได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสุกรก่อนการส่งออกทุกขั้นตอนแล้ว และขอให้เวียดนามพิจารณายกเลิกมาตรการนี้ หากก่อนที่ประกาศจะมีผลบังคับใช้เวียดนามตรวจไม่พบโรคในสุกรที่ส่งออกจากไทยก็น่าจะประกาศยกเลิกดังกล่าวได้ ซึ่งทางเวียดนามรับปากจะกลับไปทบทวนเรื่องนี้ให้ไทยอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะมีข่าวดีได้เร็วๆนี้


ทั้งนี้ ส่งไทยส่งออกสุกรไปเวียดนามปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท จึงได้ขอให้ท่านทูตช่วยประสานทางการเวียดนาม ให้ผ่อนคลายมาตรการเพื่อให้สุกรคุณภาพจากไทยส่งออกไปเวียดนามได้โดยสะดวก เพราะสุกรจากไทยเป็นที่ต้องการของเวียดนามอยู่แล้ว ซึ่งประเทศไทยเข้มงวดเรื่องสุขอนามัยและการส่งออกสุกรไปเวียดนามมาก โดยจะตรวจสุกรทุกล็อตที่ออกจากไทยไปยังชายแดนและส่งออกไปต่างแดนด้วย

อย่างไรก็ตามทูตเวียดนามนำมาหารือ 2 ประเด็น คือ 1 เนื่องจากประเทศไทยต้องเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมการค้าไทย-เวียดนามในปีนี้แต่ติดสถานการณ์โควิด จึงได้ข้อสรุปว่าควรเป็นเดือนสิงหาคมนี้ แต่จะเป็นวันไหนให้ระดับเจ้าหน้าที่ไปกำหนดกันอีกที และ 2 ท่านทูตสนับสนุนความเห็นของตนที่ให้ความเห็นในการประชุมเอเปค ในประเด็นที่ไทยสนับสนุนให้ประเทศต่างๆสามารถใช้สิทธิพิเศษในการผลิตวัคซีนโดยให้เหตุผลสุขอนามัยของประชาชนหรือที่เรียกว่า CL วัคซีน หรือมาตรการใช้ทริปส์ที่ให้ถือว่าวัคซีนปลอดการบังคับใช้สิทธิบัตรชั่วคราว เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆสามารถผลิตวัคซีนได้ จะได้กระจายวัคซีนไปทั่วโลก ทั้งประเทศด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนา


ทั้งนี้ ในส่วนของไทยนอกจากเรื่องสุกรแล้ว ยังขอให้เวียดนามประชาสัมพันธ์ งานจับคู่ธุรกิจออนไลน์ระหว่างไทย-เวียดนามที่ไทยจัดขึ้น ในช่วงวันที่ 4-5 สิงหาคมเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน ขอทูตเวียดนามประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด่านเพื่ออำนวยความสะดวกสินค้าไทยผ่านเวียดนามไปจีน เพราะบางด่านประสบปัญหาการจราจรติดขัด โดยเฉพาะด่านเวียดนาม ฝั่งจีนโหย่วอี้กวน และภาคเอกชนผู้ผลิตยาไทยได้ให้ข้อมูลมาที่กระทรวงพาณิชย์กรณีที่เวียดนามกำหนดหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนยาที่เวียดนามมีความซับซ้อน จึงขอให้ผ่อนคลายกฏระเบียบให้เป็นมาตรฐานอาเซียนหรือ WHO ด้วย เพราะประเด็นนี้จะช่วยการส่งออกยาไปเวียดนาม ส่วนเรื่องน้ำตาล เวียดนามขึ้นภาษีการทำตลาดน้ำตาลไทยในเวียดนามและขึ้นภาษีโดยใช้มาตรการตอบโต้การอุดหนุนโดยโดยคิดภาษีเพิ่มจาก ร้อยละ 5 เพิ่มเป็นทั้งในโควต้าและนอกโควต้าเป็นร้อยละ 51 ขอให้ช่วยพิจารณาผ่อนคลายมาตรการให้เป็นตามกรอบ WTO เป็นหลัก

สำหรับเป้าหมายส่งออกเวียดนาม ได้ตั้งเป้าเพิ่มมูลค้าระหว่างกันจากปัจจุบัน 20,000 ล้านดอลาร์สหรัฐหรือ 500,000 กว่าล้านบาทเป็น 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 750,000 ล้านบาท ในปีนี้ และยังมอบหมายเจ้าหน้าที่อาวุโสทั้ง 2 ประเทศ หารือกันว่าจะต้องใช้เวลากี่ปีและนำมาหารือร่วมกันในการประชุม JTC ร่วมกันในเดือนสิงหาคมต่อไป

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์พร้อมส่งเสริมกิจกรรมที่ทั้ง 2 ฝ่ายอาจร่วมกันจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการฉลองโอกาสครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม ในช่วงเดือนสิงหาคม 2564 นี้ และยินดีกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามที่เติบโตถึงร้อยละ 2.91 ในปี 2563 รวมทั้งการขยายตัวของการค้าระหว่างไทยกับเวียดนามที่ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 ที่ขยายตัวถึงร้อยละ 19.93 มีมูลค่ารวมกว่า 6,623.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินบาท 199,523.29 ล้านบาท นับเป็นนิมิตหมายที่ดีว่าการค้าระหว่างไทยและเวียดนามยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าทั้ง 2 ประเทศจะยังคงเจอปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม


ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือถึงการส่งเสริมการค้าระหว่างกันเพื่อให้การค้า 2 ฝ่ายยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผ่านความร่วมมือที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีมาสนับสนุนการค้ามากขึ้น เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในรูปแบบออนไลน์ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนวัตกรรมการผลิต เพื่อช่วยพัฒนาห่วงโซ่อุปทานภายในภูมิภาค รวมถึงการเพิ่มห่วงโซ่คุณค่าในสินค้าเกษตรที่ทั้งไทยและเวียดนามต่างก็เป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญของโลก
นอกจากนี้ ไทยได้เน้นย้ำความสำคัญของการอำนวยความสะดวกและลดปัญหาอุปสรรคทางการค้าระหว่างกันเพื่อให้การค้าสองฝ่ายยังคงขยายตัวได้ต่อไปในช่วงที่ยังคงมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยขอให้เวียดนามช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดนจากไทยไปจีน โดยเฉพาะในช่วงฤดูผลไม้ของไทย ซึ่งในทุกปีจะมีการขนส่งผลไม้ผ่านแดนเวียดนามไปยังจีนจำนวนมาก การลดข้อกำหนดในการขอหนังสือรับรองผลิตภัณฑ์ยาที่ส่งออกจากไทยไปยังเวียดนาม

ทั้งนี้ ในปี 2563 เวียดนามเป็นคู่ค้าอันดับที่ 6 ของไทยในโลก และอันดับที่ 3 ของไทยในอาเซียน รองจากมาเลเซีย และสิงคโปร์ การค้าไทย-เวียดนามมีมูลค่า 16,618.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินบาท 517,424.4 ล้านบาท โดยไทยส่งออกไปยังเวียดนาม 11,163.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินบาท 346,063.4 ล้านบาท และนำเข้าจากเวียดนาม 5,454.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินบาท 171,361.04 ล้านบาท สำหรับ 4 เดือนแรกของปี 2564 ตั้งแต่มกราคม-เมษายน 64 การค้าไทย-เวียดนามมีมูลค่า 6,623.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาท 199,523.29 ล้านบาท โดยมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 19.93 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 เป็นการส่งออกมูลค่า 4,314.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาท 129,294.27 ล้านบาท และเป็นการนำเข้ามูลค่า 2,309.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาท 70,229.02 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกหลักของไทยไปเวียดนาม คือ รถยนต์และส่วนประกอบ และสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากเวียดนาม คือ โทรศัพท์มือถือและอื่นๆเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]