ธอส. คาดตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้โต

กรุงเทพฯ 17 ก.พ.-ธนาคารอาคารสงเคราะห์เผยผลคาดการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2564 จะเติบโตขึ้นกว่าในปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ส่งผลให้ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี 


นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ในปี 2563 ผู้ประกอบการเปิดตัวอยู่อาศัยใหม่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเมื่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP มีการปรับลดลงร้อยละ 6.1 ซึ่งขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 22 ปี จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วย ผู้ประกอบการจึงปรับตัวด้วยการลดการเพิ่มขึ้นของอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาด เปิดขายโครงการใหม่น้อยลงเพื่อให้ที่อยู่อาศัยรอขายถูกดูดซับออกไปจากระบบ แต่ในปี 2564 นี้คาดว่า ตลาดจะปรับตัวให้มีสินค้าใหม่เข้ามาเพิ่มมากขึ้น ทดแทนสินค้าที่ถูกดูดซับไป โดยอาจเปิดตัวใหม่ 82,594 หน่วย เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 32.7

ในปี 2564 คาดว่าผู้ประกอบการยังจะลงทุนในบ้านจัดสรรมากกว่าอาคารชุดเช่นเดิม โดยสัดส่วนเปิดตัวใหม่บ้านจัดรรมากกว่าอาคารชุด เท่ากับ 57.4 : 42.6 และคาดว่าบ้านจัดสรรจะเปิดตัวใหม่ในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 22.5 หรือมีจำนวนหน่วยประมาณ 43,732 หน่วย ส่วนโครงการอาคารชุดเปิดตัวใหม่ ปี 2564 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 46.5 สัดส่วนอาจจะดูเพิ่มขึ้นมากแต่เป็นการเพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำมากจากปี 2563 หรือมีจำนวนหน่วยประมาณ 38,862 หน่วย   


สำหรับสถานการณ์ด้านอุปสงค์ ทาง REIC ประเมินสถานการณ์โดยรวมว่า ปี 2564 จะมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 353,236 หน่วย จะลดลงจากปี 2563 ร้อยละ 1.5 ซึ่งการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบจะลดลงเพียงเล็กน้อยหรือประมาณร้อยละ-0.1 ในขณะที่อาคารชุดจะลดลงร้อยละ 4.2 ด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คาดว่าปี 2564 จะมีมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 876,121 ล้านบาท ลงจากปี 2563 ร้อยละ 5.6 โดยมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบจะลดลงร้อยละ -7.7 ขณะที่คาดว่ามูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดจะลดลงร้อยละ 1.4 ขณะที่สถานการณ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยในปี 2563 มูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศ มีมูลค่า  612,084 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 4.4 และคาดว่าปี 2564 จะมีมูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยประมาณ 595,141 ล้านบาท ลดลงจากปี 2563 ร้อยละ 2.8

นายวิชัยกล่าวต่อว่า ปัจจัยบวกที่มีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่จะทำให้ในปี 2564 เติบโตขึ้นกว่าปี 2563 ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ การต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียม จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมอีก 1 ปี การลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเหลือร้อยละ 10 ต่อไปอีก 1 เลื่อนการประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ไปในปี 2565 ผู้ประกอบการ จัดโปรโมชั่นกระตุ้นการขายราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ มีการทยอยฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในหลายๆ ประเทศทำให้คนไทยมีความหวังที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดได้

สำหรับปัจจัยลบที่จะมีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้แก่ หนี้สินครัวเรือนของประชาชนเพิ่มขึ้น ตลอดจนธนาคารยังคงความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ขณะที่กำลังซื้อห้องชุดจะลดลงเนื่องจากกำลังซื้อจากชาวต่างชาติมีน้อยลงเพราะยังไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ จึงต้องอาศัยกำลังซื้อในประเทศ ดังนั้นภาครัฐต้องดำเนินมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดความไม่มั่นใจในประสิทธิภาพของวัคซีน รวมถึงต้องทำให้การควบคุมโรคโควิด-19 ไม่ล่าช้าเพราะจะทำให้ธุรกิจบางประเภทยังคงถูกล็อกดาวน์ การพื้นตัวของธุรกิจกลับมาช้า กระทบการจ้างแรงงานกลับเข้ามาในระบบ ซึ่งจะกระทบกำลังซื้อที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจจะซึมต่อเนื่องได้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

มติกฤษฎีกา “กิตติรัตน์” คุณสมบัติไม่ผ่านนั่งประธานบอร์ด ธปท.

คณะกรรมการกฤษฎีกา 3 คณะ มีมติไม่ผ่านคุณสมบัติ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย

เครื่องบินโดยสาร อาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ตกในคาซัคสถาน

เครื่องบินโดยสารเอ็มบราเออร์ ของสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ที่บินจากอาเซอร์ไบจาน ไปยังประเทศรัสเซีย เกิดอุบัติเหตุตกที่บริเวณใกล้กับเมืองอัคเทา ในคาซัคสถาน โดยมีผู้โดยสาร 62 คน และลูกเรือ 5 คน บนเครื่อง เจ้าหน้าที่คาซัคสถานกล่าวว่า มีผู้รอดชีวิต 28 ราย