นนทบุรี 15 ม.ค.-กระทรวงพาณิชย์นำ GI ขยายช่องทางออนไลน์ พร้อมสร้างความมั่นใจและรับรู้ผ่านเพจ GI Thailand กางแผนบุกตลาดอาเซียนเร่งขึ้นทะเบียน GI อีก 18 รายการปีนี้
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า แม้การแพร่ระบาดโควิด-19 จะยังเกิดขึ้นไปทั่วโลก แต่ยังมั่นใจว่าผู้บริโภคทั่วโลกยังต้องการบริโภคสินค้าที่ดีและมีคุณภาพสูง ดังนั้น การส่งเสริมการค้าออนไลน์ถือเป็นเรื่องสำคัญ และเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถปรับตัวและจำหน่ายสินค้า GI ได้อย่างต่อเนื่อง กรมทรัพย์สินทางปัญญา จึงได้จัดทำแผนขยายตลาดสินค้า GI สู่ช่องทางออนไลน์ โดยหาช่องทางการตลาดที่เหมาะสมกับจุดเด่นของตัวสินค้า จัดอบรมเทคนิคจำเป็นในการขายสินค้าออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบการ GI และเตรียมจัดทำแคมเปญส่งเสริมการขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ อาทิ Facebook เพจกรมทรัพย์สินทรัพย์สินทางปัญญา เพจ GI Thailand เว็บไซต์ shop@24 พร้อมประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ผ่าน Influencer และจัดโปรโมทสินค้า GI ไทยผ่านเว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ณ ประเทศญี่ปุ่น www.thailandtravel.or.jp เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคุณภาพสินค้า GI ไทยให้เป็นที่รู้จักและสร้างการรับรู้ถึงเอกลักษณ์ความแตกต่างจากสินค้าประเภทเดียวกันที่มาจากแหล่งภูมิศาสตร์อื่นด้วย
อย่างไรก็ตาม นอกจากการส่งเสริมการจดทะเบียน GI ทั้งในและต่างประเทศแล้ว กรมทรัพย์สินทางปัญญายังให้ความสำคัญกับการจัดทำระบบควบคุมตรวจสอบคุณภาพสินค้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ว่าจะได้รับสินค้า GI ที่มีคุณภาพและมาจากแหล่งผลิตที่แท้จริง โดยประชาชนสามารถเข้าไปเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้า GI ต่างๆ ได้ทาง Facebook เพจ GI Thailand เพื่อร่วมสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประกอบการ GI ไทยให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้ในช่วงนี้
ทั้งนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้จัดทำแผนส่งเสริมการคุ้มครอง สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือกลุ่มสินค้า GIในปี 2564 โดยยังคงเดินหน้าขึ้นทะเบียนสินค้า GI ไทย ซึ่งจะ ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นผลักดันให้มีการขึ้นทะเบียนสินค้า GI ไทยรายการใหม่ๆ อีกอย่างน้อย 18 รายการ จากเดิมที่ขึ้นทะเบียนไปแล้ว 134 รายการ และในส่วนของการขอรับ ความคุ้มครองในต่างประเทศ ได้คัดเลือกสินค้าไทยที่มีศักยภาพจำนวน 2 สินค้า ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ทุ่งกุลาร้องไห้ และข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง มาจัดทำคำขอยื่นจดทะเบียน GI ในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อยกระดับสินค้าไทยให้ได้มาตรฐานสากลและเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับเกษตรกรผู้ผลิต คาดจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับสินค้า GI ให้สูงขึ้น หลังจากที่ผ่านมาสินค้าภายใต้ระบบการคุ้มครอง GI ไทยสามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดโดยรวมได้กว่า 36,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย