กรุงเทพฯ 8 ธ.ค. – “โจ ไบเดน” ชนะเลือกตั้ง-ข่าวคืบหน้าวัคซีน หนุนตลาดหุ้นทั่วโลกเดือน พ.ย.ฟื้น เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยทำจุดสูงสุดในรอบปี 63 หลังนักลงทุนต่างชาติกลับเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และธนาคารฟื้น
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2563 SET Index ปิดที่ 1,408.31 จุด เพิ่มขึ้น 17.85% จากเดือนก่อนปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดของปี 2563 และปรับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในเอเชีย จากปัจจัยหนุน คือ การชนะเลือกตั้งของพรรคเดโมแครตในสหรัฐที่มีนโยบายส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าโลก ทำให้นักวิเคราะห์ปรับคาดการณ์ทั้งเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ว่าจะฟื้นตัวเร็วขึ้น อีกทั้งมีความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของบริษัทยาขนาดใหญ่หลายแห่ง ซึ่งยังส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับตัวดีขึ้นด้วย
สำหรับกลุ่มหลักทรัพย์ที่ปรับตัวดีกว่า SET Index ได้แก่ หลักทรัพย์ขนาดใหญ่ ในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และธนาคาร จากการที่ธุรกิจมีความมั่นคงและราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงมากในช่วงก่อนหน้า ทำให้ได้รับความสนใจโดยเฉพาะจากผู้ลงทุนต่างชาติ เดือนพฤศจิกายนผู้ลงทุนต่างชาติมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิเป็นเดือนแรกในรอบ 16 เดือน มูลค่า 32,506 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเงินทุนไหลเข้าสูงที่สุดในอาเซียน ทำให้ 11 เดือนแรกของปี 2563 ผู้ลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทย 265,000 ล้านบาท จากที่ขายสุทธิ 298,000 ล้านบาทในเดือนก่อนหน้า
นายศรพล ยังระบุถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทยเพิ่มขึ้นรายวันนั้น ตัวเลขขณะนี้ยังไม่น่าห่วง และยังไม่พบว่ามีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ มองว่าน้ำหนักที่นักลงทุนให้ความสนใจขณะนี้อยู่ที่นโยบายด้านเศรษฐกิจและการค้าของนายโจ ไบเดน มากกว่า ซึ่งมองว่าจะส่งผลดีต่อตลาดอิมเมอร์จิ้นมาร์เก็ตและตลาดหุ้นไทย และจากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าในตลาดหุ้นไทย ทำให้บรรยากาศการลงทุนมีความผ่อนคลายมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่มีจุดเด่นเรื่องของ ESG จึงเป็นที่สนใจของนักลงทุนมากขึ้น ส่วนกรณีการแข็งค่าของเงินบาท ยอมรับว่าอาจส่งผลกระทบต่องบบัญชีจากการแปลงค่าเงินของบริษัทจดทะเบียนได้ .-สำนักข่าวไทย