คาดโควิด-19 คุมราคาน้ำมันปีหน้าไม่เกิน 55 ดอลลาร์/บาร์เรล

กรุงเทพฯ 26 พ.ย. – กลุ่ม ปตท.ประเมินราคาน้ำมันปีหน้าขึ้นอยู่กับปัจจัยคุมโควิด-19 ส่งผลต่อการฟื้นเศรษฐกิจโลก ประเมิน 2 ทิศทางราคา อยู่ในช่วง 35-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล  ด้านซีไอเอ็มบีแนะแบงก์ชาติคุมเงินบาท หากแข็งค่ามากกระทบเศรษฐกิจหนัก


นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงานสัมมนาออนไลน์ 2020 The Annual Petroleum Outlook Forum ซึ่งจัดในรูปแบบออนไลน์เป็นครั้งแรก  ภายใต้หัวข้อ “The Great Reset : เมื่อโรคปฏิวัติโลก… เจาะลึกจุดเปลี่ยนโลกพลังงาน” ซึ่งทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของกลุ่ม ปตท. หรือ PRISM Expert  ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดขึ้น เพื่อนำเสนอทิศทางและแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงความท้าทายของพลังงานในอนาคตที่ต้องเผชิญ เพื่อมุ่งสู่การสร้างพลังงานที่ยั่งยืนให้กับประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อภาครัฐ ภาคเอกชน นักการเงินการธนาคาร สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน และบุคคลทั่วไป

นายอรรถพล กล่าวว่า ภาวะราคาน้ำมันปีหน้าขึ้นอยู่กับปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งหากควบคุมการระบาดโควิด-19 ได้ดี การใช้น้ำมันก็มีโอกาสเพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้ทั้งยอดใช้น้ำมันและราคาลดลงอย่างมาก ส่งผลให้เศรษฐกิจ (จีดีพี) โลก คาดจะติดลบร้อยละ 4.4 ส่วนไทยขณะนี้มีการประเมินกันว่าจะติดลบประมาณร้อยละ 6-10


นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม  กล่าวว่า ทิศทางของตลาดน้ำมันโลก ว่า “COVID-19 เป็น “The Great Reset หรือ จุดเปลี่ยนสำคัญ” ที่ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปี 2563 ปรับลดลงมากที่สุดเป็นประวัติกาล ส่งผลให้หลายฝ่ายรวมถึงผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกรวมตัวกัน เพื่อหาทางรักษาสมดุลให้กับตลาดน้ำมัน โดยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว คือ การผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19 รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ และนโยบายการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนที่มีบทบาทสำคัญ เพื่อช่วยสร้างสมดุลการเติบโตเศรษฐกิจในอนาคต

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ PRISM Expert ทั้งจาก ปตท.,ไทยออยล์ ,ไออาร์พีซี และจีซี ประเมินว่า จากเศรษฐกิจโลกหดตัวหนักในปี  2563 คาดความต้องการจะลดลง 8.6 ล้านบาร์เรล/วัน  ส่วนปี 2564 เศรษฐกิจและการค้าโลกปีหน้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักคือการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่จะเกิดจากประสิทธิภาพของวัคซีนที่จะผลิตออกมา รวมไปถึงการเมืองระหว่างประเทศ นโยบายของผู้นำประเทศที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก การกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ  เช่น สหรัฐ จีน ความร่วมมือของกลุ่มโอเปก-พลัส ในการดูแลสเถียรภาพราคาน้ำมัน 

ทั้งนี้ กรณีควบคุมโควิด-19 ได้ดีในปี 2564 คาดจีดีพีโลกอาจจะขยายตัวร้อยละ 5.2 ความต้องการใช้น้ำมันของโลกจะขยายตัว 5.3 ล้านบาร์เรล/วัน คาดจะมีกำลังผลิตเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน ราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ระดับ 45-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และกรณีเศรษฐกิจโลกแย่จีดีพีโลกปี 2564 จะขยายตัวร้อยละ 3.4 ความต้องการใช้น้ำมันจะขยายตัว 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน คาดจะมีกำลังผลิตเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน และคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ระดับ 35-45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล


ทีม PRISM Expert ยังระบุว่า โควิด-19 ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรมและพฤติกรรมของมนุษย์อย่างรวดเร็ว แพลทฟอร์มการค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขยายตัวยอดค้า 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2563 จะเพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านล้านเหรียญในปี 2568 มีสัดส่วนการค้าโลกถึงร้อยละ 23 โดยเทคโนโลยี 5 จี จะมีส่วนเชื่อมการค้าโลก การเงินเข้าด้วยกัน ธุรกิจด้านดิจิทัลจะก้าวกระโดด ธุรกิจหุ่นยนต์จะไม่ได้เข้ามาทดแทนคน แต่จะมีบทบาทร่วมกับมนุษย์ในหลากหลายอุตสาหรรม

โควิด-19 ยังเป็นตัวเร่งการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พลังงานทดแทนจะขยายตัว ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี ก็จะเพิ่มขึ้น  รวมทั้งทิศทางกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพ ก็จะมีบทบาท ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าไต้หวันคุมโควิด-19 ได้ดี และเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วก็เป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีที่เข้ามาติดตามและร่วมควบคุมโลกได้ดี

นอกจากนี้ ในอนาคต จากความใส่ใจสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy ) จะมีบทบาทเพิ่มขึ้น รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เนื่อง เช่น ไบโอพลาสติก และอื่น ๆ

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย  กล่าวว่า คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้จะหดตัวร้อยละ 6-7 ปีหน้าจะขยายตัวร้อยละ 3.5 -4.5 และมองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นกลับมาปกติใน 2 ปีข้างหน้า โดยปัจจัยที่ต้องจับขึ้นกับ 4 เรื่องหลัก  คือ REST  ประกอบด้วย  1.Reshuffle ความชัดเจนในการปรับ ครม. มีผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม มีการมองประเทศไทยเหมือนกับกระทะเคลือบเทฟร่อน  ซึ่งแม้จะมีปัญหาการเมืองบ่อยครั้ง แต่เศรษฐกิจก็ไม่ติดขัดกับการเมือง การฟื้นตัวยังคงต้องพึ่งเศรษฐกิจในประเทศ ก็จะเห็นว่าไทยเริ่มฟื้นตัวจากจากการท่องเที่ยวในต่างจังหวัด ส่วนการบริโภคและการลงทุนก็ต้องใช้เวลา

2.Exchange Rate เงินบาทที่แข็งค่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่าปัญหาการเมือง  ดังนั้น หากปีหน้าแข็งค่ามากก็อาจจะทำให้จีดีพีไม่โตตามคาด  เพราะกระทบ รายได้ของประเทศที่จะมาจากการส่งออกและท่องเที่ยว ความสามารถการแข่งขันของไทยจะลดลง  จึงคาดหวังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะติดตามดูแลเคลื่อนไหวของเงินบาทให้เป็นไปตามค่าเงินในภูมิภาค เช่น เวียดนาม มาเลเซีย 3.Second Wave การดูแลไม่ให้โควิด -19 กลับมาระบาดรอบใหม่  4 Trade War การส่งออกจะดีขึ้น ถ้าเกิด Trade Deal ซึ่งต้องจับตาดูผู้นำจีนและสหรัฐ จะมีข้อตกลงอะไรออกมาหรือไม่  ซึ่งไทยไม่ควรเลือกข้างว่าจะอยู่ฝั่งใด

“เศรษฐกิจไทยไม่ถึงทางตัน เราจะผ่านโควิด-19 ไปด้วยกัน จะเห็นได้ว่าไตรมาส 3/63 เริ่มฟื้นตัว และไทยยังมีศักยภาพในปีหน้ากับ 4 อ. ได้แก่ ธุรกิจ อาหาร , อายุ-ผู้สูงวัย ,อาเซียน และอัตราดอกเบี้ย ต่ำ ลากยาว สภาพคล่องล้น ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวในปีหน้า” นายอมรเทพ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากระเบิดกัมพูชา ทำพิธีลอยอังคาร

ชลบุรี 24 ส.ค. – 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวดตกใส่ ทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณกลางอ่าวสัตหีบ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดของกัมพูชา เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ประกอบด้วย ครอบครัวประชัน ซึ่งสูญเสียนางสาวรุ่งรัศ เด็กหญิงทักษพร และเด็กชายพงศภัค ครอบครัวเด็กชายกิตติศักดิ์ คำวัง ครอบครัวนางสาวอรุณรัตน์ วันศรี ครอบครัวนายสมศรี ลาภบุญ และครอบครัวนางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง นำอัฐิผู้เสียชีวิต เดินทางจากจังหวัดศรีสะเกษ มายังกองเรือยุทธการ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก สนับสนุนที่พัก รวมทั้ง จัดเรือกร.702 นำครอบครัวผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกลางอ่าวสัตหีบ พิธีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติ ทุกคนต่างบอกว่า แม้จะผ่านมา 1 เดือน แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะครอบครัวประชัน ที่ต้องภรรยาและลูกอีก 2 คนไปพร้อมกัน.-สำนักข่าวไทย

ทบ. ตรวจสอบสาเหตุพลทหารเสียชีวิตที่ปราสาทตาเมือนธม

24 ส.ค. – กองทัพบกได้รับรายงานการเสียชีวิตของกำลังพลบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ พร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิอย่างครบถ้วน กองทัพบกขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ พลทหาร พิทยุตท์ โสดา กำลังพลสังกัด กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 18.15 น. โดยพบร่างผู้เสียชีวิตภายในห้องสุขา บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พลทหารพิทยุตท์ โสดา อายุ 20 ปี เป็นทหารกองประจำการ รุ่นปี 1/67 จากการสมัครใจเข้ามารับราชการในโครงการพลทหารออนไลน์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง พลปืนเล็ก หมู่ปืนเล็กที่ 2 หมวดปืนเล็กที่ 1 สังกัด กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติเสพยาเสพติด ไม่มีภาวะความเครียด […]