กรุงเทพฯ 26 ต.ค. – ปลัดเกษตรฯ กำชับทุกหน่วยงานประชาสัมพันธ์เกษตรกรเฝ้าระวังพืช ปศุสัตว์ และสัตว์น้ำ ซึ่งอาจเกิดศัตรูพืช อ่อนแอ และเจ็บป่วยง่ายช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว โดยขณะนี้อากาศแปรปรวนหลายพื้นที่ยังมีฝนผสมกับอากาศเย็น
นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแนะนำเกษตรกรทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้ดูแลแปลงอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนจากฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาว โดยกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเรื่อง พายุดีเปรสชันโซเดล ซึ่งคาดว่า จะเคลื่อนขึ้นชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนวันนี้ (26 ต.ค.) ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนกับลมแรง โดยเฉพาะจังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี นอกจากนี้ หลายพื้นที่ยังคงมีสภาพอากาศแปรปรวน มีฝนตกร่วมกับอุณหภูมิเริ่มลดลง ส่งผลให้มีศัตรูพืช โรคพืช ปศุสัตว์และสัตว์น้ำอ่อนแอ เกิดโรคได้ง่าย พร้อมกันนี้ให้เตรียมพร้อมช่วยเหลือเกษตรกรจากเหตุดังกล่าวด้วย
ศูนย์ติดตามและแก้ปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรรายงานสถานการณ์อุทกภัย น้ำไหลหลาก น้ำเอ่อล้นตลิ่ง และวาตภัยว่า จากที่มีพื้นที่ประสบภัย 32 จังหวัด ขณะนี้ลดเหลือ 12 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี ชัยภูมิ บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี ชลบุรี สระแก้ว สิงห์บุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี และสุราษฎร์ธานี
จังหวัดสระแก้วยังคงมีน้ำท่วมขังบางแห่งในที่ลุ่มต่ำ อ.อรัญประเทศ และ อ.เมือง นอกจากนี้ การระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยยางเพื่อซ่อมแซมจุดที่เกิดการรั่วซึม ทำให้น้ำล้นตลิ่งและท่วมถนน ต.ทัพราชและทัพเสด็จ อ.ตาพระยา ซึ่งกรมชลประทานติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 4 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำบริเวณสะพานบ้านแก่งสีเสียด ต.สระขวัญ อ.เมือง และจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำ 3 เครื่อง ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารกรมชลประทานติดตามการซ่อมแซมจุดรั่วซึมใต้ฐานของเขื่อนห้วยยาง โดยจัดเตรียมรถฉีดน้ำปูน (Grout) เพื่ออุดรอยรั่วใต้ฐานเขื่อนตั้งแต่วานนี้ (25 ต.ค.) ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายใน 10 วัน
ส่วนจังหวัดนครราชสีมา น้ำจากลำเชียงไกรเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมที่ลุ่มต่ำ ถนน และพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง พิมาย และโชคชัย ซึ่งกรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำและเครื่องสูบน้ำท้ายอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง นำรถแบคโฮขุดลอกคลองสาบใหญ่ฝั่งขวา-ปตร.โพธิ์เตี้ย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำที่ท่วมขังลงสู่ลำน้ำบริบูรณ์ พร้อมติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำที่ ปตร.ข่อยงาม และ ปตร.จอหอรวม 9 เครื่องติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำท้ายเขื่อนพิมาย พร้อมกำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทาน้ำในลำน้ำมูลและลำน้ำจักราชเพื่อเร่งระบายน้ำ สำหรับพื้นที่ที่ระดับน้ำลดลงจนเข้าสู่สภาวะปกติแล้วในเขตเทศบาลเมืองปักธงชัย อ.ปักธงชัย ให้ช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชน อุบลราชธานี ลำน้ำมูลเอ่อเข้าท่วมพื้นที่เขตเทศบาลเมืองอุบลราชธานี ระดับน้ำสูง 60 – 70 ซม. ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 5 เครื่อง บริเวณสะพานพิบูลมังสาหาร เพื่อระบายน้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขง
ภาคใต้ยังมีสถานการณ์ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี น้ำจากแม่น้ำตาปีเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำตาปี รวม 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เคียนซา พุนพิน บ้านนาสาร บ้านตาขุน บ้านนาเดิม และคีรีรัฐนิคม เนื่องจากฝนตกซ้ำในพื้นที่ ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งสูงขึ้น ประกอบกับ น้ำทะเลหนุนสูง ทำให้การระบายน้ำช้าลง จึงได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 2 เครื่อง เร่งระบายน้ำออกทะเล สำหรับจังหวัดอื่นให้เร่งระบายน้ำที่ท่วมขังพื้นที่เกษตรออกโดยเร็วที่สุด
ผลกระทบด้านพืชที่รายงานมายังกระทรวงฯ มี 17 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว ปราจีนบุรี ชลบุรี จันทบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม สตูล สุราษฎร์ธานี และตรัง เกษตรกร 95,146 ราย พื้นที่ 640,209 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 279,483 ไร่ พืชไร่ 302,168 ไร่ พืชสวนและอื่น ๆ 58,558 ไร่ ด้านประมงได้รับผลกระทบ 9 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท ราชบุรี กาญจนบุรี สระบุรี เพชรบุรี สระแก้ว กระบี่ สตูล และตรัง เกษตรกร 723 ราย พื้นที่ (บ่อปลา) 682 ไร่ กระชัง 2,215 ตรม. ส่วนด้านปศุสัตว์ ได้รับผลกระทบ 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา นครสวรรค์ กาญจนบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีชันธ์ เกษตรกร 1,096 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 80,663 ตัว แบ่งเป็น โค-กระบือ 12,444 ตัว สุกร 3,892 ตัว แพะ-แกะ 941 ตัว สัตว์ปีก 63,386 ตัว
“สั่งให้กรมชลประทานเร่งระบายน้ำท่วมขัง 12 จังหวัด ให้กลับสู่ภาวะปกติเร็วที่สุด จากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรทันที โดยระหว่างนี้ให้พร้อมช่วยเหลือเกษตรกรในการดูแลพืช ปศุสัตว์ และสัตว์น้ำให้ได้รับผลกระทบทั้งจากอุทกภัยและสภาพอากาศที่แปรปรวนให้เสียหายน้อยที่สุด” นายทองเปลว กล่าว.-สำนักข่าวไทย
